สวัสดีครับทุกคน เชื่อว่าตอนนี้หลายๆคนคงกำลังกุมขมับกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ส่งออกรายเล็ก รายใหญ่ ที่ต้องรับมือกับการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินหลายๆประเทศ พ่อแม่ ผู้ปกครองทั้งหลาย ที่ต้องโอนเงินไปจ่ายค่าเทอมน้องๆหลายคนที่กำลังเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ หรือแม้แต่แรงงานชาวต่างชาติที่ต้องการส่งเงินที่เก็บมาแรมปีกลับไปให้ครอบครัวที่รออยู่ อาจจะดูเหมือนเป็นจำนวนไม่มาก แต่รู้หรือไม่ ว่าแค่ปี 2558 เพียงปีเดียว เม็ดเงินที่หมุนเวียนทั่วโลกผ่านทางการโอนระหว่างบุคคลไปยังประเทศกำลังพัฒนานั้น มีมูลค่าสูงถึง 431.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียวครับ โดยประเทศปลายทางหลักนั้น ได้แก่ อินเดีย จีน และ ฟิลิปปินส์
เงินที่ถูกส่งกลับมาจากแรงงานในต่างประเทศ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของเงินทุนที่ไหลเข้ามาพยุงและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และในบางครั้ง เงินโอนเหล่านี้มีปริมาณมากกว่ารายได้ที่รัฐบาลได้จากการส่งออกสินค้าทั้งประเทศเสียด้วยซ้ำครับ อย่างประเทศเนปาล จำนวนเงินที่โอนกลับมาเกือบจะเป็น 2 เท่าของรายได้ทั้งประเทศที่มาจากการส่งออกสินค้าและบริการ หรือประเทศอื่นๆอย่างศรีลังกา และฟิลิปปินส์ เงินที่ไหลเข้าประเทศโดยช่องทางนี้คิดเป็นประมาณ 50% และ 38% ของมูลค่าการส่งออกในปี 2557 ตามลำดับครับ
เงินที่ได้รับจากหัวหน้าครอบครัวหรือหัวเรี่ยวหัวแรงหลักที่ไปทำงานในต่างประเทศนั้น ถือเป็นรายได้หลักของหลายล้านครอบครัวที่อาศัยในประเทศที่ยังไม่พัฒนา เงินจำนวนนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของพวกเขา แต่ยังหมายถึงความสามารถในการที่จะเข้าถึงปัจจัยสำคัญอื่นๆในชีวิต อย่างการศึกษา ค่ารักษาพยาบาล หรือแม้กระทั่งเงินเก็บที่หวังจะใช้เป็นกุญแจในการหลุดพ้นจากความยากลำบาก พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น
ด้วยความต้องการของตลาดที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอนาคต จากปริมาณผู้อพยพข้ามประเทศที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็วในหลายปีที่ผ่านมานี้ จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ในปัจจุบัน จะมีบริษัทและสถาบันต่างๆ เปิดให้บริการการส่งเงินและรับเงินระหว่างประเทศจำนวนมาก โดยแต่ละแห่งเองต่างก็มีวิธีการโอนเงินหลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างความสะดวกสบายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าหลากหลายกลุ่ม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า วิธีการโอนเงินส่วนมากเหล่านี้ ย่อมมาคู่กับค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูงและความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้พวกเขาไม่สามารถที่จะส่งเงินไปให้ครอบครัวที่รออยู่ ณ อีกซีกโลกหนึ่งได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ธนาคารโลกได้เปิดเผยว่า ค่าธรรมเนียมและค่าบริการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการส่งเงิน 200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,000 บาท ไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกนั้น อยู่ที่ 9.1% โดยเฉลี่ย สำหรับปี 2556 และ 8.0% สำหรับปี 2557 ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนค่อนข้างมากสำหรับแรงงานชาวต่างชาติ ที่พยายามเก็บสะสมค่าจ้างมาทีละเล็กทีละน้อย แลกกับหยาดเหงื่อและแรงกายของพวกเขา จะดีกว่าหรือไม่ หากพวกเขาสามารถนำเงินเหล่านี้ ถึงแม้จะไม่ได้มากมายนัก ไปพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของเขาและครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ แรงงานส่วนมากจึงพยายามหาวิธีการใหม่ๆ ในการส่งเงินเก็บกลับประเทศบ้านเกิด ที่ไม่เพียงแต่มีค่าธรรมเนียมต่ำ แต่ยังต้องสะดวกสบายสำหรับพวกเขาที่ไม่มีบัญชีธนาคาร โดยในปัจจุบัน หนึ่งในวิธีการเหล่านั้นที่เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่คนงานที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการของสถาบันการเงินได้นั้น ก็คือ การโอนเงินโดยบิทคอยน์ เนื่องจากเป็นวิธีการที่มีค่าธรรมเนียมต่ำมากจนแทบไม่มีเลยเพราะไม่ต้องอาศัยตัวกลางมาช่วยดำเนินการในการทำธุรกรรม เช่นที่ การโอนเงินในลักษณะ บิทคอยส์ เราสามารถโอนเงินได้ทั่วโลกแบบไม่มีค่าธรรมเนียมครับ อีกทั้งวิธีนี้ยังอำนวยความสะดวกสบายกับทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน และอยากโอนเงินจำนวนเท่าไหร่ เวลาใด ก็สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต และกระเป๋าสตางค์บิทคอยน์ เพียงเท่านี้ครอบครัวของพวกเขาในบ้านเกิด ก็จะได้รับเงินทันที และปลอดภัยด้วยการอาศัยเทคโนโลยีระดับสูงอย่างบล็อกเชน ที่สามารถป้องกันการโกงหรือทุจริตใดๆที่อาจเกิดขึ้นได้จากการโอนเงินแบบเดิมๆ นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังสามารถลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แรงงานเหล่านี้จึงไม่จำเป็นต้องกังวลกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนของแต่ละประเทศอีกต่อไป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างการโอนเงินระหว่างประเทศ ความจริงแล้วไม่ง่ายอย่างที่คิดนะครับ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูน้อยนิด แต่ถ้าเราเก็บรวมกันวันละเล็กละน้อย มันก็สามารถกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้นะครับ หยาดเหงื่อ แรงกายที่ทุกคน คุณพ่อ คุณแม่ หรือแม้กระทั่งตัวเราเองต้องแลกมา ใช้อย่างมีคุณค่าและเกิดประโยชน์ทั้งกับตัวเองและคนที่คุณรักให้มากที่สุดนะครับ
เขียนโดย จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
กูรูผู้เชี่ยวชาญด้าน Blockchain เทคโนโลยีในการถ่ายโอนมูลค่า และปัจจุบันเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท coins.co.th ซึ่งเป็นหนึ่งใน Fintech startup ที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียขณะนี้
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่
Copyright © MarketingOops.com