เจาะลึกกลยุทธ์การตลาดไม่ธรรมดาโดย “น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ” จากธุรกิจครอบครัวสู่การสร้างสรรค์องค์กรยั่งยืน

  • 71
  •  
  •  
  •  
  •  

“น้ำปลาร้า” อาหารท้องถิ่นอีสานที่เราคุ้นเคย ปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจที่ไม่อาจมองข้ามได้ ด้วยความเป็นเครื่องปรุงที่มีกลิ่นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ “น้ำปลาร้า” เป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่ขยายวงกว้างออกไปไกลมาก ไม่ได้จำกัดวงเฉพาะแค่ในอาหารอีสาน แต่ขยายวงกว้างออกไปยังเมนูอื่นๆ อีกด้วย รวมไปถึงถูกส่งออกไปไกลยังต่างประเทศอีกด้วย ยิ่งทำให้ตลาดน้ำปลาร้าขยายตัวเติบโตมากขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้ผลิตมากมาย ทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่กระโดดลงสนามนี้มากขึ้น ไม่ต่ำกว่า 100 รายในตลาด สร้างมูลค่าตลาดน้ำปลาร้าสูงมากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี แถมยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

หนึ่งในแบรนด์น้ำปลาร้าที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ ไม่ได้เน้นจุดขายของการทำแบรนด์ผ่านคนดังหรือพรีเซ็นเตอร์เลย แต่ใช้กลยุทธ์การตลาดที่หลากหลาย ผสมผสานกับแคมเปญบนโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ จนแบรนด์ประสบความสำเร็จก้าวเข้ามาอยู่ในใจของคนรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็คือ “น้ำปลาร้าต้มสุก แม่บุญล้ำ” และมีผู้หญิงเก่งอย่าง คุณอ้อม คุณพิไรรัตน์ บริหาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพชรดำฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตน้ำปลาร้าต้มสุก แบรนด์ ‘แม่บุญล้ำ’ อยู่เบื้องหลังความสำเร็จดังกล่าว เราจึงชวนเธอมาร่วมพูดคุยและทำความรู้จัก “น้ำปลาร้าต้มสุก แม่บุญล้ำ” กันให้มากขึ้นกว่าเดิม ว่าแบรนด์แม่บุญล้ำทำการตลาดได้ล้ำนำหน้าใครๆ ได้อย่างไรจนประสบความสำเร็จอย่างนี้

 

 

ความเป็นมา “น้ำปลาร้าต้มสุก แม่บุญล้ำ” จากรุ่นสู่รุ่น

คุณอ้อม เล่าว่า จุดเริ่มต้นของน้ำปลาร้าต้มสุก แม่บุญล้ำ เริ่มตั้งแต่สมัยคุณตาคุณยาย ได้แก่ คุณพ่อสนั่น คุณยายทองสุข ศรีโยธา ที่มีการถ่ายทอดมาหา คุณแม่บุญล้ำ คุณพ่ออุทัย ปรีเรือง สอนให้ลูกๆ รู้จักการทำปลาร้า และสอนสูตรการทำปลาร้าให้ ซึ่งก่อนหน้านี้อย่างที่เราทราบกันคือการบริโภคปลาร้าจะอยู่เป็นปี๊บหรืออยู่ในไห แต่ปัจจุบันผู้บริโภคซึ่งเน้นเรื่องความสะอาดเป็นสำคัญ จึงมีการนำปลาร้าไปต้มให้สุกก่อนแล้วถึงนำมาบริโภค เมื่อเราสังเกตได้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นแบบนี้จึงทำให้คุณแม่ตัดสินใจนำปลาร้าไปต้มสุกแล้วบรรจุลงในขวดก่อนมาจำหน่าย เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคมากขึ้น ที่สำคัญเราได้รับการรับรองมาตรฐานจากทาง อย. โดยกระทรวงสาธารณสุขมาการันตีเรื่องความสะอาดปลอดภัย ซึ่งจุดนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างแบรนด์แม่บุญล้ำในปี 2554 ทำให้เราเติบโตและขยายตลาดออกไปได้ทั่วประเทศและต่างประเทศ

สำหรับแบรนด์น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ มีจุดแข็งที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยเริ่มต้น ก็คือเรื่องของรสชาติ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตน้ำปลาร้าของแม่บุญล้ำ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของความสะอาด คุณภาพ และความปลอดภัยของอาหาร เป็นสิ่งที่แม่บุญล้ำให้ความสำคัญมาโดยตลอดเช่นกัน

 

“น้ำปลาร้า” ตลาดใหญ่ที่ไม่อาจมองข้าม ไปไกลถึงต่างประเทศ

อย่างที่เกริ่นไว้ว่า ตลาดน้ำปลาร้าไม่ธรรมดาเลย ซึ่งจากการเปิดเผยของคุณอ้อม ระบุว่า น้ำปลาร้าในปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีหลายเจ้าเกิดขึ้นมากมาย ทั้งรายเก่ารายใหม่ รวมมากกว่า 100 รายที่แข่งขันกันในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีจุดขายแข่งขันในด้านต่างๆ แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นด้านรสชาติหรือด้านราคาก็มี แต่แบรนด์แม่บุญล้ำเราจะเน้นเรื่องคุณภาพเป็นสำคัญ รวมไปถึงการที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่ายมากที่สุดไม่ว่าจะด้านราคาและการซื้อหา ซึ่งปัจจุบันน้ำปลาร้าไทยก็มีไปขายทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้วด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยเราภาคภูมิใจอย่างมาก

“ปัจจุบันน้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ ก็ทำการส่งออกไปยังต่างประเทศเช่นกัน ทั้งในยุโรปและเอเชีย อาทิ อเมริกา อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ สวิส หรือในเอเชียก็มีทั้งญี่ปุ่นและเกาหลี รวมไปถึงประเทศในแถบ CLMV ด้วย คิดว่าเหตุผลที่ทำให้น้ำปลาร้าไปไกลถึงต่างประเทศ ก็เพราะว่าในต่างประเทศก็มีทั้งคนไทยคนเอเชียกระจายตัวอาศัยอยู่กันเยอะขึ้น ดังนั้น ด้วยความคิดถึงบ้าน คิดถึงอาหารท้องถิ่น ก็เลยทำให้มีการสั่งซื้อไปบริโภคกันมากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสที่น้ำปลาร้าได้ไปอยู่ในต่างประเทศด้วย ซึ่งการที่จะส่งไปขายต่างประเทศได้ก็ต้องทำให้สินค้าของเรามีมาตรฐานที่ดีในระดับสากลที่แต่ละประเทศยอมรับ ถึงจะทำให้สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้”

 

 

ภารกิจพิชิตใจคนรุ่นใหม่ ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ

นอกไปจากความสำเร็จในการนำปลาร้าไทยส่งออกไปยังต่างประเทศแล้ว อีกสิ่งที่ถือว่าแบรนด์น้ำปลาร้าต้มสุกแม่บุญล้ำประสบความสำเร็จก็คือ การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในใจของผู้บริโภครุ่นใหม่ จากเดิมที่มองว่าน้ำปลาร้าไม่สะอาดและทำได้แต่เฉพาะอาหารอีสาน แต่แม่บุญล้ำถือได้ว่าเป็นรายแรกๆ ที่มุ่งสร้างสรรค์พลิกโฉมความคิดเดิมๆ ของผู้บริโภคให้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อน้ำปลาร้านใหม่อย่างสิ้นเชิง โดยทำการสื่อสารผ่านกลยุทธ์การตลาดที่หลากหลายได้อย่างน่าสนใจทีเดียว

คุณอ้อม เล่าว่า ในการเข้าหากลุ่มวัยรุ่น เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีหัวคิดทันสมัย สิ่งที่จะเข้าหาพวกเขาได้ก็ต้องเป็นสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งเราก็ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดมากมาย

อย่างแรก เราใช้ Music Marketing นำเสนอความสนุกสนานให้ผู้คนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วม โดยเราได้ “พี่จุ้ย – ศุ บุญเลี้ยง” มาแต่งเพลง “ปลาร้าแม่บุญล้ำ” เป็นแนวเพลงสนุกสนานทำให้คนรู้สึกสนุกและจดจำแบรนด์ได้ง่าย กลยุทธ์ต่อมาเราใช้ สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ในการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ เพราะคนกลุ่มนี้จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น แม่บุญล้ำก็จะเข้าไปอยู่บนแพล็ตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook  Instagram หรือว่าจะเป็น TikTok ก็สามารถไปเจอกับแบรนด์ตรงนั้นได้ และสุดท้ายคือการใช้ Influencer Marketing ซึ่งก็จะมีทั้งเชฟและอินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ มารังสรรค์เมนูใหม่ๆ ให้ได้รู้ว่าน้ำปลาร้า นอกจากอาหารอีสานแล้วก็ยังนำไปทำเมนูต่างๆ ได้อีกมากมาย เช่น สปากเก็ตตี้ พิซซ่า รามยอง โซบะ กะหล่ำปลีผัดน้ำปลาร้า ฯลฯ  เพื่ออินสไปร์ในการสร้างสรรค์เมนู ช่วยขยายตลาดของน้ำปลาร้าให้กว้างมากยิ่งขึ้น

 

 

อีกเรื่องที่คุณอ้อมบอกว่าเป็นความภาคภูมิใจในการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ คือพบว่า ผู้บริโภคนำน้ำปลาร้าแม่บุญล้ำไปใส่ใน “ผัดกะเพรา” ซึ่งกลายมาเป็นสูตรอาหารใหม่ที่รังสรรค์เองจากผู้บริโภค และปรากฏว่ากลายเป็นสูตรฮิตที่คนรักกะเพราต้องลองทำตาม

“มีอินไซต์ในเรื่องของ “ผัดกะเพรา” โดยลูกค้าเอาน้ำปลาร้ามาเป็นเครื่องปรุงในการผัดกะเพรา แล้วปรากฏว่าคนรักผัดกระเพราเขาว้าวกันมาก เขาบอกเลยว่านี่มันแหกกฎการทำกะเพราเลยนะ แค่เติมน้ำปลาร้าลงไปก็ทำให้เมนูธรรมดาเกิดรสชาติแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมได้จริงๆ”   

 

ชวนคนรุ่นใหม่มาสนุกสนานกับเพลงแม่บุญล้ำบน TikTok

แม้จะเป็นแบรนด์ไม่ใหญ่และยังเป็นสินค้าที่เคยติดภาพลักษณ์บ้านๆ แต่สามารถสร้างแคมเปญที่มีเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ดีบน  TikTok แพล็ตฟอร์มที่กำลังมาแรงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ สำหรับผลตอบรับที่ได้กับแคมเปญ สนุกอร่อยล้ำนี้ พบว่า Total reach อยู่ที่ 7,782,195 และ Total Engagement อยู่ที่ 514,862

ทั้งนี้ คุณอ้อมเผยความสำเร็จในเรื่องนี้ว่า เป็นเพราะเรามองเห็นว่าคนรุ่นใหม่มีการใช้แพลตฟอร์ม TikTok กันเยอะมาก แล้วแม่บุญล้ำเราก็ทำเพลงอยู่แล้วก็เลยคิดว่าอยากจะมาชวนคนมาคิดท่าเต้นเล่นกันให้สนุกสนานพร้อมกับมอบรางวัลให้ด้วย ดังนั้น เราก็สร้างแคมเปญบน TikTok ให้ผู้บริโภคได้ครีเอทท่าเต้นต่างๆ ออกมา ไม่จำกัดอายุหรือเพศ ใครเต้นเก่งท่าสวยก็ได้รางวัลไป และก็ไม่ใช่แค่นั้นจากออนไลน์เราก็มีการสร้างกิจกรรมบน On-ground ควบคู่กันไปด้วย

 

@pete_pamana ร้อง รำ ทำ เต้น โชคดีรับเงินหมื่น กับแม่บุญล้ำ เล่นเลย!@maeboonlamofficial #สนุกอร่อยล้ำกับแม่บุญล้ำ #น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ #แฮปปี้มาร์เก็ต #พีทพามานา #petepamana ♬ เสียงต้นฉบับ – น้ำปลาร้าเเม่บุญล้ำ
@janenieju24 เเซ่บล้ำที่สุดในสวนแล้ว!!! @maeboonlamofficial #สนุกอร่อยล้ํากับแม่บุญล้ํา #น้ําปลาร้าแม่บุญล้ํา #แฮปปี้มาร์เก็ต #เจนนี่จุ๊การ์เด้นซิ่ง #janenieju ♬ เสียงต้นฉบับ – น้ำปลาร้าเเม่บุญล้ำ

มาตรฐานคุณภาพ ความท้าทายของการเปลี่ยนภาพในใจคนรุ่นใหม่

นอกจากการสื่อสารเพื่อเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์น้ำปลาร้าในใจคนรุ่นใหม่แล้ว อีกสิ่งที่ทำให้แบรนด์น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำชนะใจผู้บริโภคได้ก็คือเรื่องการรักษามาตรฐานทั้งเรื่องคุณภาพและความสะอาด ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์ยึดถือมาตลอด

คุณอ้อม ย้ำกว่า ความคิดของคนเรานั้นจะเปลี่ยนทันทีเลยไม่ได้ ต้องใช้เวลาในการที่จะเปลี่ยนความคิด แต่ว่าในการทำนั้น เราต้องทำจริง ปฏิบัติจริงให้เห็น ซึ่งในการทำจริง ให้เห็นเราก็ต้องสร้างมาตรฐานที่ดีในการผลิตจนผู้บริโภคให้การยอมรับ โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตเราทำอย่างมีมาตรฐาน เริ่มตั้งแต่การต้มสุกโดยใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ การบรรจุอัตโนมัติที่ผ่านการควบคุมคุณภาพอย่างมีมาตรฐาน โดยใช้นักวิทยาศาสตร์การอาหารเข้ามาควบคุมในการผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพ เพื่อให้เกิดความมั่นใจก่อนส่งผ่านไปยังมือผู้บริโภคว่าทุกขวดที่เราส่งมอบต้องสะอาดและปลอดภัย

สำหรับมาตรฐานต่างๆ ที่เราได้รับ เริ่มตั้งแต่ มาตรฐาน อย.จากกระทรวงสาธารณสุข จากนั้นเมื่อเราต้องการส่งออกไปต่างประเทศ เราก็พัฒนาคุณภาพจนได้รับ มาตรฐาน GMP และ HACCP จากกรมประมง ซึ่งทำให้เราเป็นสินค้าส่งออกนำรายได้เข้าประเทศได้ แต่ก็ยังไม่พอเมื่อเราต้องการให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาได้มีโอกาสทานน้ำปลาร้าด้วย เราก็ทำให้ได้เครื่องหมายฮาลาลเพื่อให้พี่น้องชาวมุสลิมสามารถทานน้ำปลาร้าของเราได้อย่างมั่นใจ

 

 

 

หัวใจสำคัญคือ ‘รสชาติ’ สู่การพัฒนาโปรดักส์ 3 สูตรหลัก

มากไปกว่านั้นหัวใจสำคัญที่สุดของการทำน้ำปลาร้าให้ติดใจผู้บริโภคก็คือเรื่อง ‘รสชาติ’ ดังนั้น น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็น 3 สูตรเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและสร้างสรรค์เมนูที่หลากหลายถูกใจทุกคน ดังนี้

  • ฝาแดง เป็นสูตรปรุงสำเร็จ รสชาติกลมกล่อม ปกติจะใช้สำหรับอาหารประเภท ยำ ตำ ผัด (มี 2 ขนาด คือ ขวด 400 มล. กับ ขวด 2 ลิตร)
  • ฝาเหลือง มีความเค็มกว่าฝาแดง และมีกลิ่นโหน่งที่ชัดเจนกว่า เหมาะสำหรับอาหารประเภท ต้ม แกง หรือ หมัก (มี 1 ขนาด คือ ขวด 400 มล.)
  • ฝาขาว สูตรต้นตำรับ จุดเด่นคือ กลิ่นหอมโหน่งแรงสุดๆ เป็นการหมักแบบพิเศษ ให้กลิ่นหอมโหน่งที่เพิ่มขึ้น และเป็นหอมโหน่งแบบอีสานแท้ๆ สามารถใช้ทำอาหารหลากหลายประเภท ยำ ตำ ผัด ต้ม อ่อม ต่างๆ (มี 1 ขนาด คือ ขวด 400 มล.)

“การพัฒนารสชาติให้ถูกปากกับทุกคนแม่บุญล้ำมีการพัฒนา R&D (Research & Development) อยู่ตลอด เพื่อให้ลูกค้าได้ทานอาหารที่ถูกปาก ถูกใจ จนแทบไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรเลย ซึ่งได้มาเป็น 3 สูตรสำคัญ ที่นำไปทำเมนูอาหารต่างๆ ที่หลากหลายได้”

 

ช่องทางจัดจำหน่ายเน้นการเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์ไสตล์

สำหรับช่องทางจัดจำหน่ายเพื่อให้ตอบกับเป้าหมายของการเข้าถึงง่าย ซึ่งเดิมน้ำปลาร้าที่ผู้บริโภคอย่างเราจะหาซื้อทานได้ค่อนข้างยาก แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปมากขึ้นแล้ว ซึ่งแบรนด์ที่บุกเบิกรายแรกๆ ก็คือแม่บุญล้ำน่ะเอง คุณอ้อม เล่าว่า ปัจจุบันช่องทางจัดจำหน่างของเรามีมากมายทั้งไฮเปอร์มาร์ทและซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่ว่าจะเป็น 7Eleven แม็คโคร โลตัส แม็กซ์แวลู รวมถึงในฟู้ดแลนด์ ตลาดสดก็มี รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ ซึ่งเราก็มีทั้งช่องทาง Own media ของเราเอง ได้แก่ LINE@ และ Facebook และยังสั่งซื้อได้ทางอีมาร์เก็ตเพลสต่างๆ อีกด้วย

“ด้วยช่องทางที่หลากหลาย จะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงเราได้ง่ายขึ้น และทำให้เราสามารถที่จะกระจายสินค้าได้ทั่วประเทศด้วย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ตลอดเวลา”

 

 

ก้าวต่อไปของ “แม่บุญล้ำ” มุ่งสู่ เครื่องปรุงของทุกครัวเรือน

แม้จะประสบความสำเร็จในหลายๆ แง่มุมแล้ว แต่ “แม่บุญล้ำ” ก็จะไม่หยุดพัฒนาต่อไป โดยคุณอ้อม ยืนยันว่าจะมีการพัฒนาโปรดักส์อื่นๆ ในนามแม่บุญล้ำเพิ่มเติมเข้ามาอีก ดังนั้น กลยุทธ์ที่เราจะทำต่อในอนาคตคือการที่จะมุ่งไปสู่การเป็นเครื่องปรุงรสของทุกบ้านทุกครัวเรือน ซึ่งอันนี้เป็นวิสัยทัศน์สำคัญของเราที่จะก้าวต่อไปในส่วนของการพัฒนาน้ำปลาร้า

ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เราก็จะมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กับเครื่องปรุงต่างๆ ให้กับผู้บริโภคต่อไป ซึ่งอยากให้ติดตามกันต่อว่าแบรนด์แม่บุญล้ำจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อะไรต่อไปอีก เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้น

 

การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน สอดรับแนวคิด Sustainability

ในแง่ของการให้การสนับสนุนสังคม “แม่บุญล้ำ” โดย บริษัท เพชรดำฟู้ดส์ฯ มีความตั้งใจชัดเจนที่จะผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยเน้นการจ้างแรงงานในชุมชน รวมถึงการรับซื้อวัตถุดิบปลาที่หาได้ในชุมชนเป็นหลัก ซึ่งปฏิบัติต่อกันมาตั้งแต่ผู้บริหารรุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทำให้เกิดการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชน จังหวัดกาฬสินธุ์ ทำให้เกิดสำนึกรักท้องถิ่น และความสามัคคีในชุมชน อันเป็นจุดหลักในการสร้างความแข็งแรงให้กับชุมชน

“ในการทำธุรกิจเราจะมองว่าให้เราโตแค่คนเดียวไม่ได้ แต่เราต้องโตอย่างยั่งยืน ดังนั้น เราก็ต้องสร้างให้ชุมชนเข้มแข็งยั่งยืนด้วย เมื่อเราขยายธุรกิจ เราก็รับซื้อปลาจากชุมชนมากขึ้น ชาวบ้านก็มีรายได้ มีเงินไปดูแลครอบครัว ชุมชนก็เข้มแข็ง ใครๆ ก็อยากจะกลับมาทำงานที่บ้าน ก็ถือเป็นการส่งเสริมความรักในบ้านเกิดของตัวเอง เมื่อเราโตชุมชนก็โตไปพร้อมกับเรา ก็จะเป็นหนึ่งในแนวทางการเรื่อง Sustainability หรือการสร้างองค์กรยั่งยืนต่อในอนาคต”

ในตอนท้าย คุณอ้อม กล่าวถึงเป้าหมายสูงสุดในการผลักดัน “น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ” ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ว่า เรายังคงยืนยันในเรื่องการรักษาคุณภาพ และความสะอาดของผลิตภัณฑ์ต่อไป โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยของอาหารเป็นสำคัญ ที่มาพร้อมกับการส่งมอบความอร่อยให้กับผู้บริโภคทุกคน รวมไปถึงการสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง มีความสุข และเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับเรา


  • 71
  •  
  •  
  •  
  •