รู้หรือไม่ว่า ความเป็น Social media นั้นไม่เหมือนสมัยก่อนอีกต่อไป หรือก็คือในปัจจุบันผู้ใช้อาจจะเทความสนใจมากขึ้นไปทางด้าน entertainment value มากกว่า socializing value ดังนั้นการที่ Creator Economy จะเติบโตขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
จุดเริ่มต้นของ “Creator Economy” มีที่มาจาก “Gig Economy” ซึ่งเป็นการจ้างงานเป็นครั้งคราว อย่างฟรีแลนซ์หรือพาร์ทไทม จนพัฒนาและเติบโตกลายมาเป็น “เศรษฐกิจของนักสร้างสรรค์” หรือ Creator Economy
ดังนั้น Creator Economy จึงเป็นการที่ตัว “ครีเอเตอร์” สามารถคิดคอนเทนต์ของตนเองบนแพลตฟอร์มโซเชียลมิเดียต่าง ๆ เช่น Facebook, TikTok, Instagram และอื่น ๆ อีกมากมายในการเผยแพร่ผลงาน พร้อมทั้งสร้างรายได้จากยอดวิวและเอนเกจเม้นต์ หรือการสนับสนุนด้วยรูปแบบเช่น สมัครสมาชิก การบริจาค หรือมีแบรนด์มาจ้าง
เพราะฉะนั้นคุณค่าของการเป็นครีเอเตอร์ คือการสร้างความบันเทิงใจอย่างหนึ่งให้กับผู้ชม และกว่าที่ครีเอเตอร์จะรังสรรค์คอนเทนต์ออกมาได้นั้น ต้องผ่านกระบวนการดีไซน์ทางความคิดก่อนโพสต์ เพราะสุดท้ายแล้ว ในปัจจุบัน social media เป็นที่เสพความ “บันเทิง” ของผู้คนมากมาย มากกว่าแค่การเป็น “Social Network” แบบดั้งเดิม
คำถามที่หลายคนอาจกำลังสงสัย ว่าในปัจจุบันครีเอเตอร์ ซึ่งเป็นอาชีพที่นิยมอยู่ในขนาดนี้ มีสัดส่วนรายได้เท่าไร จากบทความล่าสุดของ Digiday วันที่ 20 ต.ค. 2565 ได้ให้ข้อมูลไว้ ดังนี้
- TikTok วิดีโอขนาดสั้น แบ่งรายได้จากโฆษณา 50/50 กับผู้ที่มีผู้ติดตาม 100,000 คนขึ้นไป
- YouTube วิดีโอขนาดยาว ดีลการแบ่ง อยู่ที่ 50/50 กับครีเอเตอร์ ส่วนวีดีโอขนาดสั้น จะได้รับส่วนแบ่งที่ 45% ในขณะที่ YouTube จะได้ 55%
- Facebook ครีเอเตอร์จะได้ที่ 55% ผ่านทางโฆษณาในสตรีมและโฆษณาบน Facebook Reels
ภายในบทความ ได้มีการกล่าวว่า เหล่าครีเอตเอร์เอ่ยถึงปัญหาในด้านการแบ่งสัดส่วน (deal) กับทางแพลตฟอร์ม เพราะในปัจจุบันครีเอเตอร์มีจำนวนมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดตามมา ประกอบกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีสภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย แต่ในทางกลับกัน ทางเหล่าแพลตฟอร์มเองก็ดูเหมือนจะมีปัญหาว่าต้องก้าวหน้าต่อไปอย่างไรในเชิง roadmap และกำลังพยายามหาวิธีทำให้เหล่าครีเอเตอร์รู้สึก “ตื่นเต้น” และผลักดันให้มาร่วมกับตัวแพลตฟอร์มมากขึ้น อยู่บนแพลตฟอร์มให้นาน ๆ และสร้างรายได้ไปในตัว (งั้นควรเริ่มจากการปรับดีลก่อนหรือเปล่า?)
แหล่งข้อมูล : Digiday