เหตุใดนักการตลาดจึงควรปลื้มกับ The Reactions ของเฟซบุ๊ก

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

หลังจาก Facebook ได้ปล่อยฟีเจอร์ใหม่ the Reactions ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้นอกจากคุณจะกด Like บนโพสต์ได้แล้ว คุณยังสามารถแสดงความรู้สึกอื่นๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็น love, haha, wow, sad และ angry แน่นนอนว่าเป็นเรื่องดีสำหรับ user ในการที่จะมีช่องทางในการแสดงออกถึงความรู้สึกอื่นๆ เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็อาจจะเป็นงานที่เพิ่มขึ้นของนักการตลาดและนักโฆษณาที่จะต้องวิเคราะห์ว่าคอนเท้นต์ที่โพสต์บน Facebook นั้น user คิดอย่างไร “นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการวิเคราะห์ audiences และนั่นเป็นงานของเรา มันคือการยกเครื่องใหม่จริงๆ ว่าคุณจะวิเคราะห์ช่องทาง Facebook ใหม่นี้อย่างไร” Jason Stein ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Laundry Service เอเจนซี่โซเชียล มีเดีย กล่าว

อย่างไรก็ตาม กับการที่ได้เห็นปฏิกิริยาของ user บนโฆษณา นับว่าเป็น insight ที่ยิ่งใหญ่สำหรับแบรนด์ ที่พวกเขาจะได้ใช้ข้อมูลเหล่านี้สำหรับแคมเปญในอนาคต และมันยังเป็นการง่ายที่จะจินตนาการถึงอนาคตว่าโฆษณาตัวไหนที่จะไปได้ดี อีกทั้งยังจะช่วยตรวจสอบแคมเปญโฆษณาได้อัตโนมัติอีกด้วย “มันคือสิ่งใหม่ที่สดใส มันคือวิวัฒนาการที่ใช่” Chris Tuff  รองประธานบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและพาร์ทเนอร์ชิปส์ จาก 22squared เอเจนซี่โฆษณา กล่าว fbReactions

Sads Versus Wows

สำหรับตอนนี้ Facebook บอกว่าจะปฏิบัติต่อทุก the Reactions ตั้งแต่ wow ไป sad ไปจนถึง like ในแบบเดียวกัน “ในขั้นต้นเราจะใช้ the Reaction เช่นเดียวกับ Like โดยอนุมานว่าคุณต้องการเห็นคอนเท้นต์อื่นๆ มากกว่านี้” Sammi Krug ผู้จัดการโปรดักส์ Facebook กล่าวผ่านบล็อกโพสต์เอาไว้

ดังนั้น ถ้าคุณกด Like ชิ้นงานโฆษณาหนึ่ง หรือกด Sad ให้กับชิ้นงานโฆษณานั้น News Feed algorithm ก็จะแสดงให้คุณเห็นในแบบเดียวกัน เช่นเดียวกับเวลาที่นักโฆษณามองภาพรวมของการวัด engagement นั่นเอง “เมื่อเวลาผ่านไป เราหวังว่าคุณจะได้เรียนรู้ถึงน้ำหนักความแตกต่างของ theReactions แต่ละตัว โดยที่News Feed จะเป็นตัวแสดงผลให้กับทุกคนรู้ถึงเรื่องราวที่ต้องการเห็นมากที่สุด” Krug กล่าว

นั่นหมายความว่า น้ำหนักจริงๆ ของระบบนี้ดูเหมือนว่าก็ยังไม่ชัดเจนดีนัก และทาง Facebook เองก็ไม่ได้บอกด้วย แม้ว่าอาจจะเคยบอกเป็นนัยไว้ว่าจะกระทบกับโฆษณาที่คุณเห็นในทางที่ซับซ้อนมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม บางทีการกด  Angry ต่อโพสต์ของเพื่อนคุณอาจจะเป็นการขีดเส้นกั้นแบ่งแยกเธอคนนั้นออกไป หรือถ้าคุณกด Sad ข่าวเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ในกรณีนี้ปฏิกิริยาของคุณอาจจะไม่ได้มีความหมายว่าคุณไม่ต้องการเห็นสิ่งอื่นๆ อีก หรือการที่คุณกด Sad ต่อโพสต์ของเพื่อนคุณ และ Sad ต่อโฆษณานั้น อาจจะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไปก็ได้

สำหรับนักการตลาด the Reactions คือความน่าตื่นเต้นในพัฒนาการใหม่ที่เกิดขึ้น  Chris Tuff  อธิบายว่า มีหลายวิธีที่จะสโคปอารมณ์เหล่านั้นได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเอเจนซี่อย่างมาก เช่น ถ้าเราแยก Sad ออกมาต่างหาก แบรนด์ก็จะสามารถเข้าถึงผู้คนที่กด Sad ได้โดยตรง ทำงานเป็นเหมือนกับตัวแทนของฝ่าย customer service ได้เลย เพราะมันแสดงถึงการไม่พอใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์

A New Dimension

นักการตลาดบางคนอาจจะเลือกที่จะรวม the Reactions เข้าไว้ใน ad campaigns ยกตัวอย่างเช่น งานของ Chevy แคมเปญ the 2016 Malibu ที่เพิ่งปล่อยไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีการเชิญชวนให้ผู้ชมเข้าไปกด Love ให้กับแคมเปญ “เพื่อให้ผู้ชมได้ love เรา ผ่านFacebook Reactions เป็นมิติใหม่ของความหมายที่จะช่วยให้พวกเราเติบโตใกล้กับทุกๆ คนที่รักรถและกระบะของเรา” Paul Edwards รองประธานฝ่ายการตลาด Chevrolet กล่าว

อย่างไรก็ตาม นักโฆษณาและนักการตลาดก็ไม่ควรตกเป็นเหยื่อต่อการจูงใจที่ผิวเผิน ด้วยการเรียกร้องให้ผู้ฟังแสดง Reactions อย่างโจ่งแจ้งมากเกินไป แต่ควรที่จะปล่อยให้ผู้คนได้แสดงปฏิกิริยาตอบสนองอย่างธรรมชาติจะดีกว่า “จริงๆ มันไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปมากนัก” Sucharita Mulpuru ตำแหน่งนักวิจัย E-commerce และ Consumer behavior  ที่ Forresterกล่าว และว่า “มีเฟลมมิ่งมากมายที่จะช่วยดำเนินงานด้านsocial networks และ social sentiment มาหลายปีแล้วเพื่อที่จะให้แบรนด์ได้รู้ว่าควรจะยืนอยู่ตรงไหนกับลูกค้า”

ท้ายที่สุด the Reactions ได้ช่วยให้นักโฆษณาและนักการตลาดล้วงลึกถึงอารมณ์ความรู้สึกจากผู้บริโภคได้ละเอียดขึ้น และ Facebook ก็ได้ให้วิธีแสดงถึงความรู้สึกนั้นๆ ออกมาแบบสำเร็จรูป ซึ่งจะช่วยให้ประเมินความรู้สึกต่อโฆษณาหรือแคมเปญนั้นคร่าวๆ ได้ อย่างเช่นที่ Orli LeWinter รองประธานฝ่ายกลยุทธ์และโซเชียล มีเดีย ที่ 360i ดิจิทัล เอเจนซี่กล่าว กล่าวไว้ว่า “มันคือการเพิ่มวิธีในการอ่านความรู้สึกของผู้บริโภคที่ดีขึ้นนั่นเอง” ที่มา


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!