“ฮาริสัน” เผยปีนี้ ราคาคอนโดติดรถไฟฟ้าจะสูงกว่าปีที่แล้ว 20%

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

177333814-700

“ฮาริสัน” ตัวแทนนายหน้าระดับอินเตอร์ เผยภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในไทยลู่ทางสดใสไปต่อได้อีกไกล เนื่องจากราคาที่ดิน เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ยังห่างไกล ต่ำกว่าจีน 20% และต่ำกว่าฮ่องกง, สิงคโปร์ถึง 60% แม้ราคาที่ดินจะปรับขึ้นต่อเนื่องทุกปี ล่าสุดปรับขึ้นอีก 10-30% (ขึ้นอยู่กับทำเล) แต่ก็ถือว่ายังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับศักยภาพ จึงเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

“ทาวน์เฮ้าส์” ครองแชมป์โปรดักส์สุดฮอต

ล่าสุด ฮาริสัน ได้จัดแถลงข่าวกลยุทธ์ โรดโชว์ดึงนักลงทุนในตลาดต่างประเทศ โฟกัสอังกฤษ, จีน รวมถึงให้บริการกลุ่มเศรษฐีไทย ที่ต้องการครอบครองสินทรัพย์ นต่างแดน ชี้เวลานี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการลงทุน คาดการณ์ตลาดอสังหาฯ ใช้เวลาแค่ 1-2 ปี จะขยับและเติบโตเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังเผยข้อมูลโปรดักส์และทำเลสุดฮอตในปีที่ผ่านมาของไทย เป็นไปตามคาดว่า “ทาวน์เฮ้าส์” ครองแชมป์ ส่วนทำเลกรุงเทพฯ ล้นทะลัก กลายเป็นปีทองของปริมณฑล

มองเห็นโอกาสการเติบโตของอสังหาฯ

มร.หลิน กว่าง จุงอลัน  (2)-highlight

คุณหลิน กว่าง จุงอลัน ประธานกรรมการบริหาร (Mr. Kwang Jung Alan Lin, CEO of Harrison Public Company Limited) เผยทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า “สืบเนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวไปทั่วโลก โดยเฉพาะ ยุโรป อเมริกา จีน และการแข่งขันทางการตลาดในเมืองไทยก็ถือว่าสูงเช่นกัน แต่ทางฮาริสันถือว่าเป็นโอกาสของตลาดทุนที่จะสามารถมาลงทุนที่ประเทศไทยในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีน ชะลอตัวอย่างมาก การที่จะพัฒนาที่ดินของจีน จะหาแหล่งที่ดินใหม่ๆ ได้ยากขึ้น สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งก็ยากที่จะแข่งขันในช่องทางการตลาดของต่างประเทศ เมืองไทยก็มีลูกค้าจากต่างประเทศ Potential มาก เนื่องจากราคาที่ดินของไทยยังถูกกว่า 20% เมื่อเทียบกับจีน และไทยยังถูกกว่า 60% เมื่อเทียบกับฮ่องกงและสิงคโปร์

เราจึงเน้นในเรื่องของการขยายบริการของตลาดในไทยไปต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศ อังกฤษและจีน ซึ่งเราจะมุ่งเน้นการบริการให้กับนักลงทุนในต่างประเทศให้มาลงทุนกับไทย โดยเฉพาะ นักลงทุนของประเทศอังกฤษและจีน เพราะ 2 ประเทศนี้มีสภาพเศรษฐกิจที่มั่นคงและมีนักลงทุนที่สนใจจะมาลงทุนในประเทศไทยมากที่สุด ณ ปัจจุบัน และทางฮาริสัน ยังมีบริการให้กับลูกค้าคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ สรุปง่ายๆ ว่า ฮาริสัน เรามีธุรกิจเติบโตจากปีที่แล้วไม่ต่ำกว่า 30%

ทั้งนี้ การขยายตลาดไปในต่างประเทศไม่ได้หมายความว่าตลาดของไทยไม่ดี แต่เป็นแผนการขยายตามแผนนโยบายของบริษัท สู่ International ทำให้ตลาดในประเทศไทยมี Demand มาก มีการลงทุนกับลูกค้าในประเทศไทยและลูกค้าต่างประเทศ เป็นรูปแบบการลงทุนที่มีวิธีการและผู้ลงทุนหลากหลาย โดยบริษัทฯ จะใช้ประสบการณ์กว่า 20 ปี เป็นตัวกลาง ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ

สรุปภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2015

1. แนวราบ มีการเปิดตัวโครงการ จำนวน 4.7 หมื่นหน่วย เพิ่มขึ้นกว่า 4% จากปีก่อน 2014 โครงการแนวราบมากที่สุด 5 อันดับแรก (บางกรวย-บางไทร 6,300 หน่วย, สมุทรปราการ 5,300 หน่วย, พระโขนง-บางนา 4,900 หน่วย, ลำลูกกา-คลองหลวง 4,800 หน่วย, มีนบุรี-หนองจอก 4,400 หน่วย)

2. แนวสูง มีการเปิดตัวโครงการ จำนวน 6.5-6.7 หมื่นหน่วย ลดลงจากปี 2014 กว่า 10% จำนวนยูนิตที่เปิดตัวมากที่สุดคือ ราคา 2 ล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท และ 5 ล้านบาทขึ้นไปมีจำนวนไม่มาก ได้แก่ (นนทบุรี 10,000 หน่วย, สมุทรปราการ 8,000 หน่วย, ห้วยขวาง-จตุจักร 7,000 หน่วย, กรุงเทพ-ฝั่งธน 6,500 หน่วย, สุขุมวิทตอนต้อน 4,000 หน่วย)

ดังนั้น คาดการณ์การเปิดตัวหน่วยขายใหม่ทั้งปี 2559 น่าจะใกล้เคียงปี 2558 แบ่งเป็นแนวราบประมาณ 4.7 หมื่นหน่วย และคอนโดฯประมาณ 6.5 หมื่นหน่วย”

คาดการณ์ปี 2016

“ในปี 2016 ในฐานะของ Sole Agent คาดว่าตลาดจะทรงตัว และมีการเติบโตในบางบริเวณที่อยู่แนวรถไฟฟ้าสายที่เปิดเดินรถ คือ สายสีม่วง และทำเลที่เป็นย่านธุรกิจ เช่น สุขุมวิท สาทร สีลม ซึ่งที่ดินใน 3 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นไม่ 30-40% ทำให้คอนโดในทำเลแนวรถไฟฟ้าจะแพงมากอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ดินสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งโดยรวมราคาตลาดคอนโดฯ 3 ปีที่ผ่านมา อันดับที่ 1 ราคาคอนโดเส้น ราชดำริ,สุขุมวิท,หลังสวน ราคาเฉลี่ยนประมาณ 250,000 บาทต่อตร.ม. ทำให้ราคาสูงกว่าปีก่อน 10%, อันดับที่ 2 ราคาคอนโดซอยอารีย์ พระราม3 ริมแม่น้ำ ราคาเฉลี่ยประมาณ 150,000-250,000 บาทต่อตร.ม. สูงกว่าปีก่อน 8%, อันดับที่ 3 ราคาคอนโดแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ (สีเขียว,สีน้ำเงิน และสีแดง ราคาสูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 12% เนื่องจากราคาที่ดินสูงขึ้น เพราะติดรถไฟฟ้า ดังนั้นกล่าวได้ว่าราคาที่ดินถือเป็นปัจจัยสำคัญของคอนโดฯ

ตามการทำการตลาดจะมีการแข่งขันกันอย่างมาก และมีการนำแนวคิด และกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ เข้ามาใช้สื่อสารกับผู้บริโภค การใช้ช่องทางการตลาด online เริ่มมีบทบาทมากขึ้น ส่วนปัจจัยที่นักลงทุนจะตัดสินใจซื้อ และลงทุนคือ อสังหาริมทรัพย์ บริเวณรถไฟฟ้าเปิดเดินรถ และสายที่มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง และมีกำหนดเปิดแน่นอน คือ สายสีน้ำเงิน”

ท้ายสุด ผู้บริหารฮาริสัน เผยว่า “ราคาที่ดินตามหลักของตลาดจะเพิ่มขึ้นทุกปี และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาประเมินทางราชการจะปรับขึ้นประมาณ 20% โดยเฉพาะใจกลางกรุงเทพมหานคร ถือได้ว่าที่ดินจะหายากขึ้น สำหรับที่ดินย่านที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่าน เช่น สายสีแดง สีม่วง เป็นต้น จึงทำให้ต้นทุนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีราคาที่เพิ่มขึ้น และอีก 1-2 ปีข้างหน้าราคาที่ดินก็จะยังคงไม่ลดลง บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าตลาดอสังหาฯในไทย ลู่ทางสดใส และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นแน่นอน และในปีต่อจากนี้ไป นักลงทุนต่างชาติ จะเข้ามาเป็นสีสันและทำให้ราคาของสินทรัพย์ไทยพุ่งสูงขึ้นด้วย”


  •  
  •  
  •  
  •  
  •