ต่อให้ไม่เกิดวิกฤต COVID-19 การวางแผนจัดการเงิน ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องทำ แต่เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ก็ยิ่งบังคับให้ผู้คนหันมาใส่ใจกับการบริหารเงิน เพื่อให้สามารถรับมือและสร้างความมั่นคงในชีวิตว่าจะผ่านทุก ๆ สถานการณ์ไปได้ ซึ่งเหมือน KBTG จะเข้าใจและมีเป้าหมายชัดเจนในประเด็นดังกล่าว เราจึงได้เห็น MAKE by KBank เปิดตัว พร้อมกับภารกิจสร้างวินัยการเงินให้คนไทย
จากที่ Marketing Oops! มีโอกาสพูดคุยกับทีมพัฒนา MAKE by KBank ถึงพฤติกรรมการบริหารการเงินของคนไทยและ Insight ในการพัฒนาแอป ก็พบว่ามีความน่าสนใจและความท้าทายหลายประการ ที่ทีมพัฒนา MAKE by KBank สามารถมองเห็น และน่าทึ่งที่พวกเขาก้าวผ่านมาสร้างความสำเร็จในฐานะ ตัวช่วยจัดการเงิน รายเดียวของประเทศไทย ซึ่งเพียงแค่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ ม.ค. 2564 ก็มีผู้ให้ความสนใจดาวน์โหลดแอป MAKE by KBank ไปแล้วกว่า 200,000 ครั้ง
เราได้รับเกียรติจากตัวแทนทีม MAKE by KBank อย่าง คุณก้องภพ รุ่งเดช Advanced Innovation Product Manager, คุณชนาพร ธรรมสิทธิ์บูรณ์ Innovation Product Manager, คุณวิทวัส พาณิชวทัญญู Senior Growth Engineer และ คุณอชิรญา กุณฑลจินดา Advanced Growth Engineer มาเปิดเผยประเด็นต่าง ๆ เพื่อทำให้เราได้รู้จัก เข้าใจแนวทาง และก้าวต่อไปของแอป MAKE by KBank มากขึ้น
MAKE by KBank กับคอนเซปต์ ‘จัด จ่าย จด ในที่เดียว’
คุณชนาพร เริ่มต้นด้วยการอธิบายคำจำกัดความของ MAKE by KBank ว่า เป็นตัวช่วยจัดการเงินแบบง่าย ที่มีคอนเซปต์ว่า จัด จ่าย จด ในที่เดียว ซึ่งหากจะเรียกว่าเป็นรวมตัวของการทำธุรกรรมแบบโมบายแบงก์กิ้ง กับบัญชี E-savings เข้าด้วยกันก็สามารถเรียกเช่นนั้นได้ ซึ่งฟีเจอร์เด่นของ MAKE by KBank คือ Cloud Pocket ที่เปรียบได้กับพระเอกประจำแอป
หากจะฉายภาพให้รู้จักแอป MAKE by KBank อย่างละเอียด ก็ต้องบอกก่อนว่า ตามข้อมูลปัจจุบัน MAKE by KBank ให้บริการโดยผูกกับบัญชี E-saving ซึ่งสามารถผูกได้ 1 บัญชี ต่อ 1 บัตรประชาชน ซึ่งให้ดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี สำหรับ 100,000 บาทแรก และ 0.5% สำหรับส่วนที่เกิน 100,000 บาท โดยจ่ายดอกเบี้ย 2 ครั้งต่อปี (เดือน มิ.ย. และ ธ.ค.) และมีฟีเจอร์การใช้งานพื้นฐานเช่นเดียวกับบัญชีประเภทอื่น คือ 1. สามารถเปิดบัญชี E-saving และยืนยันตัวตนผ่านแอป K PLUS 2. สามารถโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารใดก็ได้ รวมถึงการโอนผ่านเบอร์โทรศัพท์และพร้อมเพย์ 3. สามารถถอนเงินโดยไม่ใช้บัตรผ่านตู้ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา และ 4. จ่ายเงินด้วยการสแกน QR ได้
แต่ยังมีความแตกต่างของ MAKE by KBank ที่ หาไม่ได้จากโมบายแบงก์กิ้งอื่น อีก 4 ฟีเจอร์ คือ
Cloud Pocket : จัด เงินเป็นสัดส่วน
ถือเป็นฟีเจอร์พระเอกของแอป ที่ผู้ใช้งานนิยมและชื่นชอบ เพราะช่วยให้สามารถจัดแบ่งเงินให้อยู่ในรูปแบบกระเป๋าเงินย่อย ๆ ได้ไม่จำกัดจำนวนกระเป๋า และสามารถตั้งชื่อ ใส่ภาพ ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายได้ด้วย
Just Enough Banking : จ่าย ได้ทันทีจากกระเป๋าที่ตั้งไว้
ผู้ใช้งานจะสามารถใช้จ่ายได้ตามปกติ ทั้งการโอน จ่าย สแกนจ่าย ยิ่งเมื่อผู้ใช้แบ่งกระเป๋าการใช้จ่ายแล้ว จะสามารถแยกการใช้จ่ายแต่ละกระเป๋าได้โดยที่เงินจะแยกออกจากกัน ไม่กระทบกับกระเป๋าเงินที่ต้องการเก็บออม แถมยังมีฟีเจอร์ Pop Pay ที่ให้ผู้ใช้สามารถโอนเงินแบบคลิกไอคอนเพื่อนในรัศมี 10 เมตรได้โดยไม่ต้องมีเลขบัญชีหรือหมายเลขโทรศัพท์
Chat Banking : จด ทุกประวัติรายการ
การทำรายการทุกครั้งจะสามารถแนบรูปและจดข้อความได้ เมื่อย้อนกลับมาดู ผู้ใช้จะเข้าใจประวัติรายการได้ง่ายขึ้น ซึ่งประวัติรายการถูกปรับมาให้สามารถจดและดูประวัติรายการแบบแยกกันอย่างชัดเจน เช่น ต้องการดูว่าโอนเงินค่าอาหารคืนเพื่อนหรือยัง ก็สามารถกดเข้าไปดูจากรายการธุรกรรมระหว่างเราและเพื่อนคนนั้นได้เลย โดยไม่ต้องออกจากแอปเพื่อไปค้นหาหลักฐานการโอนจากอัลบั้มรูป
Expense Summary : เข้าใจการใช้จ่ายยิ่งกว่าที่เคย
เป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด ที่ต่อยอดให้ผู้ใช้งานได้เข้าใจรายจ่ายของตนเองมากขึ้น โดยนอกจากการแบ่งเงินเป็นกระเป๋าต่าง ๆ แล้ว เมื่อมีการใช้จ่ายแต่ละเดือน ผู้ใช้จะเห็นได้ทันทีว่าแต่ละเดือนได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง และเรียกดูรายละเอียดแบบสรุปได้ ทำให้เห็นว่าใช้จ่ายส่วนไหนไปมากหรือน้อย กี่เปอร์เซนต์ของเงิน โดยจะมีการแยกให้อย่างชัดเจนว่ารายละเอียดใดเป็นค่าใช้จ่ายหรือการออม หากมีรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับรายจ่าย อย่างการโอนไปบัญชีเงินเก็บหรือบัญชีลงทุน เพียงกดซ่อนรายการดังกล่าว ระบบจะคำนวณข้อมูลค่าใช้จ่ายใหม่ได้ทันที ทำให้ผู้ใช้รู้ข้อมูลการเงินอย่างแม่นยำ สามารถปรับหรือวางแผนการใช้จ่ายให้ดีขึ้นได้ ซึ่งไม่มีโมบายแบงก์กิ้งไหนสามารถทำรายการสรุปรายรับรายจ่ายแบบนี้ออกมา
2 แอป จากแบงก์เดียวกัน = ผลตอบรับดีเกินคาด
“จากการสำรวจผู้ใช้ MAKE by KBank พบว่าคนใหญ่มีหลายบัญชี เพื่อแยกการใช้จ่าย การลงทุน การออม ออกจากกัน ทำให้เรานำมาออกแบบเป็นฟีเจอร์ Cloud Pocket ซึ่งประเทศไทยยังคงมี MAKE by KBank เป็นแอปจัดการเงินเพียงรายเดียวที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน” คุณก้องภพ เล่าถึง Insight เกี่ยวกับการจัดการเงินของคนไทย
หากเปรียบเทียบ K PLUS และ MAKE by KBank ซึ่งล้วนเป็นแอปภายใต้ธนาคารกสิกรไทย จะพบว่า MAKE by KBank มีจุดเด่น คือ สามารถพัฒนาได้อย่างคล่องตัวและสามารถปรับให้ตอบโจทย์ตรงการใช้งานของลูกค้าได้อย่างเจาะจงในการจัดสรรเงิน ขณะที่ K PLUS จะมีฟังก์ชันครบถ้วนมากกว่า และตอบโจทย์การทำธุรกรรมทางการเงินอย่างดีเยี่ยม ยังถือเป็นข้อได้เปรียบสำหรับลูกค้าธนาคารอื่นที่ต้องการย้ายมาเป็นลูกค้ากสิกรไทย เพราะจะได้ใช้งานทั้ง K PLUS และ MAKE by KBank ร่วมกันอย่างสมบูรณ์ โดยปัจจุบันพบว่ามีผู้ใช้งาน MAKE by KBank ร่วมกับบัญชีธนาคารอื่นเพื่อช่วยจัดการเงินด้วย ส่วนข้อเสียเปรียบ คือ บางคนอาจไม่ต้องการดาวน์โหลดหลายแอป หรือไม่ต้องการใช้งานหลายแอปสำหรับจัดการเงิน
ขณะที่ คุณวิทวัส เล่าว่า MAKE by KBank เปิดทดลองระบบตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว โดยเริ่มต้นจากพนักงานกสิกรไทยประมาณ 2,000 ราย ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือน ม.ค. 2564 ซึ่งภายใน 3 เดือนแรกสามารถมีผู้ใช้งานมากกว่า 30,000 ราย ถือเป็นผลตอบรับที่น่าพอใจ และทำให้เห็นพฤติกรรมผู้ใช้งานที่มีความหลากหลายในการจัดการค่าใช้จ่าย
“แม้จะมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นลูกค้า K PLUS จึงสามารถดาวน์โหลดและใช้แอป MAKE by KBank ได้ แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ทำให้การใช้แอป K PLUS ลดลง แต่กลับพบการใช้งานที่เพิ่มขึ้นแบบออแกนิค สะท้อนว่าทั้ง 2 แอป เป็นแอปที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน”
จัดการเงินไม่ได้ Pain Point คนทั่วไปไม่ใช่แค่กลุ่มวัยรุ่น
คุณชนาพร เล่าว่า กลุ่มเป้าหมายของ MAKE by KBank คือ คนที่ต้องการเริ่มต้นจัดการเงิน ซึ่งในช่วงแรกจะพบว่ากลุ่มผู้ใช้แอปคือ Young Gen ซึ่งจะมีพฤติกรรมการใช้งานแตกต่างกันและมีวิธีจัดการเงินอย่างหลากหลาย แต่ในระยะหลังพบว่า MAKE by KBank สามารถช่วยผู้ที่ต้องการจัดการการเงินได้ทุกวัย ทำให้กลุ่มผู้ใช้ขยายไปหลากหลายวัยมากขึ้น
ยกตัวอย่าง ผู้ใช้ MAKE by KBank ที่บอกว่าไม่เคยเก็บเงินเพื่อซื้อของที่อยากได้สำเร็จมาก่อน จนกระทั่งได้สร้าง Cloud Pocket บน MAKE by KBank เพื่อแยกเงินเก็บออกจากบัญชีค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจน จึงสามารถมีเงินเก็บไปซื้อสินค้าที่ต้องการได้
โดย คุณอชิรญา สนับสนุนว่า ขณะนี้ ผู้ใช้หลักคือกลุ่มนักศึกษา – เริ่มทำงาน ซึ่งฟีเจอร์ Cloud Pocket ทำให้เห็นพฤติกรรมการจัดการเงินที่น่าสนใจ คือ ตอนนี้กลุ่ม Young Gen ให้ความสนใจกับการจัดการเงินค่อนข้างมาก โดยไม่ได้แยก Cloud Pocket เพื่อเก็บเงินไว้ซื้อสินค้าที่ต้องการ แต่ยังมีการแยกเป็นส่วนสำหรับการท่องเที่ยว ชอปปิ้ง เสริมความงาม หรือแม้แต่เพื่อใช้จ่ายกับอาหารมื้อพิเศษอีกด้วย สอดคล้องกับความคาดหวังของทีม MAKE by KBank ที่ต้องการให้แอปเป็นตัวช่วยในการจัดการเงินสำหรับผู้ที่คิดว่าเป็นเรื่องยาก เพราะ MAKE by KBank ช่วยให้ชีวิตการเงินและผู้ที่มีเป้าหมายในการจัดการเงินสามารถจัดสรรได้อย่างเป็นระบบ
คุณวิทวัส เสริมว่า ฟีเจอร์ Cloud Pocket ถือเป็นฟีเจอร์ตัวอย่างที่ตอบไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพราะใช้งานได้หลากหลาย คล่องตัว ตามความต้องการแต่ละคน และยังเป็นการแก้ไข Pain Point ของคนส่วนใหญ่ที่ยังใช้บัญชีรวมกัน ทั้งเงินเดือน เงินเก็บ เงินใช้จ่ายต่าง ๆ ทำให้ประสิทธิภาพการจัดการยังไม่ดีนัก ซึ่ง MAKE by KBank จะเข้ามาช่วยส่งเสริมวินัยทางการเงินให้ดีขึ้น
คุณก้องภพ กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้ MAKE by KBank พบว่าปัจจุบันนักศึกษาให้ความสนใจวางแผนการเงินแล้วแต่คิดว่าตนเองยังไม่พร้อม ต้องรอให้เรียนจบจึงจะเริ่มต้นได้ แต่เป้าหมายของ MAKE by KBank ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเราช่วยให้ทุกคนเริ่มต้นได้ทันทีโดยไม่ต้องศึกษาข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีก
Expense Summary ฟีเจอร์ใหม่ กับไอเดียที่ต่อยอดจาก Insight จัดการเงิน
คุณชนาพร เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้ใช้งาน MAKE by KBank จำนวนมากเพื่อจัดเก็บข้อมูล พบว่าคนส่วนใหญ่ยังมีพฤติกรรมจดบันทึกการใช้จ่ายของตนเองนอกแอปอยู่ เพราะต้องการตรวจสอบการใช้จ่ายในแต่ละกระเป๋าเงิน โดยในหลากหลายครั้งรายการโอนออกจากบัญชีไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่แท้จริง แต่เป็นการโอนไปบัญชีเงินเก็บหรือบัญชีลงทุน จุดนี้จึงกลายเป็นไอเดียพัฒนาฟีเจอร์ Expense Summary เพื่อสรุปรวมรายจ่าย ให้ทุกคนได้เข้าใจพฤติกรรมการใช้เงินของตนเอง ถ้าอยากซ่อนรายการที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่แท้จริง ก็ทำได้ผ่านฟีเจอร์นี้ เช่นเดียวกับฟีเจอร์อื่น ๆ และการพัฒนาในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาให้สามารถสมัครใช้งานผ่านแอป MAKE by KBank ได้ด้วยวิธีที่หลากหลายขึ้น
ส่วน คุณก้องภพ เล่าเพิ่มเติมว่า การตั้งสิทธิ์ให้เพื่อนสามารถจัดการ Cloud Pocket ร่วมกัน ก็เป็นอีกฟีเจอร์ที่มีผู้ใช้งานเรียกร้องให้ปรับ เพราะขณะนี้ยังมีเพียงเจ้าของบัญชีที่มีสิทธิ์ดังกล่าว โดยเพื่อนที่มีส่วนร่วมในกระเป๋าเงินจะทำได้เพียงเช็คยอดเงินและรับแจ้งเตือนเมื่อมีการโอนเงินออกจากกระเป๋า ส่วนการแจ้งเตือนผ่าน LINE นั้น ปัจจุบัน MAKE by KBankสามารถผูกใช้งานเพื่อรับแจ้งเตือนเงินเข้า – ออก ผ่าน LINE @KBanklive ได้ และสำคัญที่สุดคือ MAKE by KBank เปิดให้ใช้งานฟรีและยังไม่มีแนวคิดเก็บค่าใช้บริการแต่อย่างใด
คุณวิทวัส แสดงความเห็นว่า MAKE by KBank ถือว่ามีความยืดหยุ่นมาก เพราะสามารถใช้งานได้ทั้งแบบส่วนบุคคลและแบบกลุ่ม ซึ่งปัจจุบันพบว่าเป็นเทรนด์การใช้งานแบบส่วนตัวมากกว่า โดยมีประมาณ 5% ที่เป็นการใช้งานแบบกลุ่มร่วมกับเพื่อน เพื่อเก็บเงินสำหรับท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่าหากสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้น จะมีการจัดการเงินหรือการเก็บเงินแบบกลุ่มมากขึ้น
จากการเรียนรู้พฤติกรรม ส่งต่อความสำเร็จสู่ Customer Journey
ประเด็นนี้ คุณชนาพร กล่าวว่า เป้าหมายของ MAKE by KBank คือการทำให้คนรู้จักส่วนใช้และส่วนเก็บ โดยไม่ต้องใช้แอปจัดการเงินอย่างจริงจังก็สามารถเริ่มจัดแบ่งเงินเป็นสัดส่วนได้ ซึ่งตอนนี้ถือว่าบรรลุเป้าหมายดังกล่าวแล้ว
คุณก้องภพ ย้ำภาพความสำเร็จว่า จากยอดดาวน์โหลด 200,000 ครั้ง แบ่งเป็นผู้ลงทะเบียนสำเร็จประมาณ 108,000 คน และมียอดเข้าสู่ระบบสำเร็จประมาณ 60% โดยมีผู้ใช้งานเป็นประจำราว 40% ต่อเดือน ซึ่งยอดเข้าใช้งานในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาสูงถึง 80% ของจำนวนผู้ลงทะเบียน
คุณอชิรญา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มากกว่า 80% ของผู้ใช้งานมีอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยฟีเจอร์ที่มีผู้ใช้งานสูงสุด คือ Cloud Pocket ซึ่งมีจำนวนรวม 250,000 กระเป๋า เฉลี่ย 3 กระเป๋าต่อคน
คุณวิทวัส อธิบายว่า จากพฤติกรรมการใช้งานแอปทำให้เราเห็นแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้ใช้งาน จึงสามารถนำเสนอโปรดักท์และเซอร์วิสที่ตรงความต้องการของพวกเขาดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เราพบว่ายอดเงินในบัญชีต่อคนก็เติบโตขึ้นด้วย จากเดิมยอดเงินเริ่มต้นเฉลี่ย 1,000 – 2,000 บาท แต่ปัจจุบันเติบโตเป็นหลักหมื่นบาท สะท้อนว่าผู้ใช้ MAKE by KBank ยังคงใช้งานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรามีเป้าหมายที่จะขยายฐานผู้ใช้งานใหม่ต่อเนื่อง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว ภายในช่วงต้นปี 2565
ทำความรู้จักกับ MAKE by KBank ละเอียดขนาดนี้แล้ว บอกได้เลยว่า…นี่คือตัวช่วยสำหรับคนที่กำลังมองหาแอปช่วยจัดการการเงิน ที่น่าสนใจแอปหนึ่ง
ดาวน์โหลดได้ที่ App Store/ Play Store: https://kbank.co/3oeIg6E
