มานิตย์ เลิศสาครศิริ ผู้บริหารร้าน Toy R Us ในไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจของเด็กเล่นในไทยเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใส เนื่องจากของเด็กเล่นมีการพัฒนาต่อเนื่องจากผู้ประกอบการและพ่อแม่ในยุคปัจจุบันก็ให้ความสำคัญกับของเด็กเล่นมากขึ้น บริษัทจึงมีแผนที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งการขยายสาขาใหม่ๆ และในอนาคตอาจจะขยายธุรกิจด้วยการเข้ารับบริหารจัดการแผนกของเด็กเล่น หรือคิดส์โซน ของห้างสรรพสินค้า หรือธุรกิจค้าปลีกต่างๆ
แผนดังกล่าวถือเป็นแผนงานอนาคต หลังจากที่แผนขั้นแรกในไทยผ่านพ้นไปแล้วและสามารถทำได้ตามเป้าหมาย คือ ภายใน 3 ปีแรก จะเปิดให้ได้ 8-10 สาขา ซึ่งขณะนี้ทำได้แล้ว 8 สาขา และเตรียมเปิดสาขาที่ 9 บนชั้น 4 ที่เซ็นทรัลบีชพัทยา
ส่วนแผนขั้นที่สองเริ่มจากนี้ คือ การเปิดสาขาแบบเอ็กซเพรส และการรุกทำตลาดและกิจกรรมเต็มที่ โดยการเปิดสาขาแบบเอ็กซ์เพรสนั้น จะใช้พื้นที่อย่างต่ำ ต่ำกว่า 1,000 ตารางเมตร
ขณะที่กลยุทธ์การตลาดนั้นจะเน้นกลยุทธ์ “ออฟไซด์” คือ การเช่าพื้นที่ลานกิจกรรมของห้างสรรพสินค้าเพื่อจัดกิจกรรมและนำของมาขายในราคาพิเศษหมุนเวียนไปหลายแห่งนานประมาณ 1 เดือนเป็นอย่างต่ำในแต่ละแห่งเช่นที่ทำอยู่ คือ ที่จังค์ซีลอน และที่เอาต์เล็ตมอลล์พัทยา และล่าสุด ก็คือ ร่วมจัดงานวันเด็กกับแฟชั่นไอส์แลนด์และโรสมีเดียกรุ๊ป
นายมานิตย์ กล่าวว่า ผลประกอบการปีที่แล้วบริษัทมียอดขายเติบโต 2 หลัก และคาดว่า ปีนี้จะเติบโต 2 หลักเช่นเดียวกัน เพราะผู้ปกครองเริ่มให้ความสำคัญกับการซื้อของเด็กเล่นทีมีคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะของเล่นเพื่อการศึกษาหรือที่เรียกว่า Edutainment
สำหรับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันเป็นคนไทยกับคนต่างประเทศ 50% เท่ากัน แต่มีเป้าหมายเปลี่ยนสัดส่วนเป็น คนไทย 70% ต่างชาติ 30% โดยมีฐานสมาชิกขณะนี้ที่ 130,000 ราย คาดว่า ถึงสิ้นปีนี้จะมีประมาณ 200,000 ราย
