“วู้ดดี้” ลุยเปิด “ดิจิทัล เอเยนซี-สร้างแพลตฟอร์มตัวเอง-Podcast” ยึด “Ellentube.com” ต้นแบบ

  • 2.3K
  •  
  •  
  •  
  •  

woody

โลดแล่นอยู่บนถนนสายบันเทิง และวงการสื่อมายาวนาน 20 ปี “วู้ดดี้ – วุฒิธร มิลินทจินดา” เจอกับคลื่นพายุแห่งการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย นับตั้งแต่ยุค Traditional Media “สื่อทีวี” เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด และในยุคนี้เอง “วู้ดดี้” ก็มีสองรายการ “วู้ดดี้ ตื่นมาคุย” รายการเช้า และ “วู้ดดี้ เกิดมาคุย” รายการค่ำ ออกอากาศช่อง 9 ประสบความสำเร็จทั้งจากคนดู และโฆษณา

แต่แล้วเมื่อโลกเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ “ยุคดิจิทัล” แม้สื่อทีวียังคงเป็นสื่อหลักของประเทศไทยก็ตาม แต่ไม่อาจปฏิเสธในวันนี้ Media Landscape ได้เปลี่ยนไป ด้วยเพราะ “สื่อออนไลน์” เข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งต่อผู้คนในสังคม แบรนด์สินค้า รวมไปถึงการเขย่าให้บรรดา Content Creator หรือผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เกิดและเติบโตมาในยุคสื่อดั้งเดิม ต้องปรับตัวขนานใหญ่

“Woody World” ที่ก่อตั้งโดย “วู้ดดี้ – วุฒิธร” เป็นหนึ่งในองค์กรที่ต้องปรับตัว เพื่อรับความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน…

“ทุกวันนี้ AQ (adaptability quotient) นำทุกอย่าง องค์กรไหนที่ไม่มี AQ ตายสนิทเลย องค์กรที่จะอยู่ได้ คือ องค์กรที่ปรับตัว และไม่ต้องบ่นว่าทำไม Social Media ปรับ algorithm อีกแล้ว ไม่เห็นต้องคิดเลย ปล่อยไป เพราะสุดท้ายต้องมีอะไรรออยู่ข้างหน้าเสมอ และอย่ายึดติดความสำเร็จเดิมๆ เพราะไม่มีสิ่งนั้น แต่ควรมีชัยชนะเล็กๆ ในแต่ละวัน และ Enjoy กับชัยชนะเล็กๆ ที่เราได้มา เช่น ได้เรตติ้ง ได้กำไร ก็ Enjoy แต่ไม่ต้องยึดติดว่าสิ่งนั้นจะเป็นความสำเร็จตลอดไป” วู้ดดี้ – วุฒิธร เล่าถึงการปรับตัว

Woody_13

 

นี่จึงทำให้ Business Model ในวันนี้ของ “Woody World” แตกกิ่งก้านออกไป ปัจจุบันประกอบด้วย 2 กลุ่มธุรกิจใหญ่ คือ

“ธุรกิจอีเว้นท์” มี 2 รายการใหญ่ คือ “S2O” ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 แล้ว และ “Fit Fest” ที่ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยธุรกิจกลุ่มนี้ มีสัดส่วนรายได้ 50%

“ธุรกิจคอนเทนต์” ในสัดส่วน 50% ภายใต้กลุ่มธุรกิจนี้ ประกอบด้วยคอนเทนต์ในเครือ Woody World คิดเป็นสัดส่วน 30% และคอนเทนต์ที่ร่วมผลิตกับแบรนด์สินค้า-บริการ คิดเป็น 20%

แต่ในปี 2562 อาณาจักรแห่งนี้ จะต่อยอดธุรกิจไปยัง 3 ส่วนใหญ่ คือ เปิด “ดิจิทัล เอเยนซี” เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจ / การสร้าง “Platform Ecosystem” ของตนเอง เริ่มต้นจาก “เว็บไซต์” (โมเดลคล้ายกับ Ellentube.com ของ Ellen Degeneres ผู้ดำเนินรายการชื่อดังของอเมริกา) / เตรียมเปิด “Woody FM” ย้อนกลับไปเป็นดีเจจัดรายการในรูปแบบ Podcast

กลยุทธ์ Diversify เช่นนี้ นอกจากเข้าถึงกลุ่มผู้ฟัง-ผู้ชมที่หลากหลายแล้ว ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการรองรับกับความต้องการที่แตกต่าง และหลากหลายของฝั่งลูกค้าโฆษณาเช่นกัน

“สิ่งที่น่าสนใจ คือ เราพบว่าปัจจุบันการซื้อขายโฆษณา เปลี่ยนไปทุกไตรมาส เมื่อก่อนซื้อ banner บนเว็บไซต์ ซื้อ VTR ในรายการทีวี ซื้อโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ ฯลฯ ซึ่งสมัยก่อนแบรนด์สินค้านิยมทำ Tie-in รายการในเครือ Woody World 

แต่ทุกวันนี้การซื้อขายเปลี่ยนไป ลูกค้าที่เข้ามา Woody World มีความต้องการหลากหลาย และแตกต่างกัน บางรายต้องการให้เราสร้างคอนเทนต์ หรือจัดอีเว้นท์ให้ ขณะที่บางรายต้องการให้เราช่วยดันสินค้าให้ดังภายใน 1 ปี

ดังนั้นการซื้อขายโฆษณาของ Woody World จึงไม่ใช่การขายคอนเทนต์แล้ว แต่เป็นการสร้างแพลตฟอร์ม สร้างอีเว้นท์ และสร้างคอนเทนต์ของเราเอง ให้ครอบคลุมในหลายเซ็กเมนต์ ทั้งด้านความบันเทิง ที่มี Music Festival – ด้าน Health & Wellness และปีหน้ามีแพลฟอร์มของเราเอง บวกกับดิจิทัล เอเยนซี”

Resize Woody_presentation_01

เมื่อ Media Landscape เปลี่ยน ต้องปรับเพื่อรอด !!

นับตั้งแต่ปิดสองรายการบนทีวี ทั้ง “วู้ดดี้ตื่นมาคุย” – “วู้ดดี้เกิดมาคุย” ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 เป็นต้นมา และหันมาลุย “ออนไลน์” เต็มตัว ด้วยการปั้นคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม Social Media หลักยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็น Facebook, YouTube, Twitter, Instagram ควบคูไปกับการสร้าง “ธุรกิจอีเว้นท์” ให้แข็งแรงมากขึ้น

ถึงวันนี้แพลตฟอร์ม Social Media ของ Woody World มียอดผู้ติดตามจำนวนมาก โดย Facebook อยู่ที่ 6.5 ล้านราย, YouTube 1.3 ล้านราย, Twitter 3.2 ล้านราย, Instagram 1.3 ล้านราย และปั้นคอนเทนต์บน 3 หลักการ คือ“Real” เป็นเรื่องจริงที่คนสัมผัสได้ / “Right” มาถูกที่ถูกเวลา / “Rare” หาดูยาก

อย่างไรก็ตาม การวิ่งอยู่ในโลกดิจิทัลก็ใช่ว่าจะไม่เจออุปสรรค เพราะความท้าทายใหญ่ คือ โลกดิจิทัลเต็มไปด้วยคอนเทนต์มากมาย มาเร็ว-ไปเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็วตลอดเวลา

“ก่อนหน้านี้เราทำทีวี 100% แต่ในยุคดิจิทัล เราค้นพบว่าถ้าเราไม่ตัดรายการทีวีออก ทีมเราจะไม่ก้าวเข้าไปสู่โลกดิจิทัล 100% ซึ่งตอนนั้นเราคิดไว และขยับตัวไว แน่นอนว่าเมื่อย้ายมาอยู่บนออนไลน์ คำตอบที่เห็นได้ชัดเจน คือ มีรายได้จาก live เข้ามาเยอะมาก แต่ก็เจ็บไว เพราะออนไลน์ไม่มีความแน่นอน เช่น มีคอนเทนต์เฉพาะกิจ (Ad Hoc Content) ของลูกค้าเข้ามาเยอะมาก เฉลี่ย 3 – 4 ตัวต่อวัน แตกต่างจากเมื่อครั้งอยู่ทีวี ที่มีผังชัดเจน

อีกสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการขยับมาสู่ดิจิทัล คือ การปรับตัวของทีมงาน ต้องไว ในสมัยทำสื่อทีวี การทำงาน-การคิดงาน คิดเป็นวันต่อวัน วันนี้หาแขกรับเชิญ วันนี้เขียนสคริป วันนี้ทำพีอาร์ วันนี้ส่งข่าว แต่สำหรับ “ดิจิทัล” ต้องคิดทุกอย่างเดี๋ยวนั้น และทำเลย

เพราะฉะนั้นมนุษย์ที่ทำสื่อทีวีมาก่อน คิดวันละอย่าง แต่โลกรอไม่ได้ เห็นวันนั้นว่าต้องมี Turnover ทีมงาน เพราะเมื่อไปดิจิทัลมากขึ้น คนที่อยู่ในทีวีมาก่อน จะไม่ Fit-in กับความเร็วของโลกดิจิทัล เพราะฉะนั้นทรัพยากรสำคัญมาก”

Resize Woody_presentation_02

หลังจากทำคอนเทนต์บนดิจิทัลมาได้สักพัก ต่อมาทาง “Workpoint” และ “วู้ดดี้” ได้มีการพูดคุยกัน ในที่สุดได้หวนคืนหน้าจอทีวี ทำรายการทอล์คโชว์ “Woody World” 1 ชั่วโมง ออกอากาศช่อง Workpoint ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับ Media buyer ที่ต้องการซื้อโฆษณาบนทีวี

แต่หลังจากทำมาได้ครึ่งปี “วู้ดดี้” กลับพบว่าเป็น Business Unit เดียวของบริษัท Woody World ที่ยังไม่เห็นการเติบโต และมองว่าฟอร์แมตรายการทอล์คโชว์ที่สัมภาษณ์แขกรับเชิญ ยังไม่เข้ากับสถานีที่มี DNA ความสนุกสนาน ดังนั้นต้องปรับวิธีการนำเสนอภายในสิ้นปีนี้

“เราพบว่ายังมี media buyer ให้ความสำคัญกับสื่อทีวี ขณะเดียวกันผมคุยกับคุณชลากรณ์ (คุณชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานดิจิทัลทีวี) เรามองว่า Workpoint น่าสนใจ จึงกลับมาทำรายการทีวีอีกครั้ง แต่ครึ่งปีผ่านไป เป็น Business Unit เดียวที่เรายังไม่เห็นการเติบโต คิดว่าเป็นเพราะฟอร์แมตทอล์คโชว์ สไตล์สบายๆ ไม่เข้ากับช่อง Workpoint ที่มีจุดแข็งด้านความสนุกสนาน

เพราะฉะนั้นเราต้องปรับรูปแบบการนำเสนอให้เข้ากับช่องภายในสิ้นปีนี้ แตกต่างจากสมัยก่อนที่เราจัดรายการทอล์คโชว์ ยุคนั้นไม่มีสื่อออนไลน์ ทุกอย่างรอได้ แต่ทุกวันนี้ ทุกคน Live หมด ทำให้เราต้องคิดนอกกรอบ การนำเสนอรูปแบบสัมภาษณ์สบายๆ อาจไม่พอแล้วสำหรับช่อง Workpoint

หลังจากปรับ ถ้าเวิร์ค ไปต่อ ถ้าไม่เวิร์ค ไม่ไปต่อ เพราะตอนนี้เรามีเป้าหมายสร้างแพลตฟอร์มของตนเอง เริ่มต้นจากเว็บไซต์ก่อน จากนั้นจะต่อไปพัฒนาให้เป็น Platform Ecosystem โมเดลคล้ายกับ Ellentube.com”

Resize Woody_presentation_03

Resize Woody_presentation_04

เตรียมเปิด “ดิจิทัล เอเยนซี” – “สร้างแพลตฟอร์ม” ของตนเอง มีต้นแบบคือ “Ellentube.com”

สำหรับแผนธุรกิจ “Woody World” ในปี 2562 “วู้ดดี้” เผยว่าเตรียมเปิดตัว “ดิจิทัล เอเยนซี” เป็นผลเนื่องมาจากทุกวันนี้การผลิตคอนเทนต์ นอกจากคอนเทนต์รายการในเครือ Woody World แล้ว ยังมีคอนเทนต์ที่ร่วมกันผลิตกับแบรนด์ต่างๆ (Co-creation) ขณะเดียวกันแบรนด์ที่มาลงโฆษณาด้วย มีทั้งลงกับสื่อของ Woody World และติดต่อให้ Woody World ซื้อสื่ออื่นด้วยเช่นกัน

โดยที่ผ่านมาฐานลูกค้าใหญ่ อยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงิน-การธนาคาร, อสังหาริมทรัพย์, สุขภาพ และสินค้าอุปโภคบริโภค เพราะฉะนั้นเมื่อมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว จึงเป็นที่มาของแนวความคิดเตรียมเปิด “ดิจิทัล เอเยนซี”

Resize Woody_presentation_05

ไม่เพียงเท่านี้ อีกหนึ่ง Big Move ของ “Woody World” คือ การสร้างแพลตฟอร์มของตัวเอง จากปัจจุบันคอนเทนต์พึ่งพาอยู่กับแพลตฟอร์ม Social Media ยอดนิยมในไทย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, YouTube, Twitter, Instagram

การตัดสินใจสร้างแพลตฟอร์ม หรือช่องของตัวเอง “วู้ดดี้” ให้เหตุผลว่า “ทุกวันนี้เราอยู่บน Social Media ต่างๆ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าระบบนิเวศเหล่านี้ จะอยู่กับเราไปได้อีกนานเท่าไร เพราะในโลกความจริงทุกอย่างมา แล้วก็ไป เพราะฉะนั้นปีหน้า สิ่งที่ Woody World จะทำ คือ สร้างแพลตฟอร์มของตัวเอง โดยเริ่มต้นจากเว็บไซต์ก่อน ที่ในที่สุดแล้วจะพัฒนาเป็น Platform Ecosystem มีทั้งคอนเทนต์ และอีคอมเมิร์ซบนแพลตฟอร์มเดียวกัน โมเดลคล้ายกับ “Ellentube.com” ของอเมริกา ที่สร้างแพลตฟอร์มให้เป็น Ecosystem” (ใน Ellentube.com เป็นแพลตฟอร์มทั้งบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน ภายในมีทั้งคอนเทนต์วิดีโอ, รูปภาพ, Podcast, อีคอมเมิร์ซ ฯลฯ)

Woody_22

 

รุก “ธุรกิจอีเว้นท์” ปั้นงาน “Fit Fest” สวนสนุกแห่งการออกกำลังกาย

หลังจากปลุกปั้นอีเว้นท์สงกรานต์ “S2O” ในไทยให้เป็น Music Festival ประจำปี ที่จัดติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แล้ว ล่าสุดได้พาอีเว้นท์ดังกล่าวออกสู่ตลาดต่างประเทศ ประเทศแรกที่ญี่ปุ่น จัดขึ้นที่โอไดบะ

และเมื่อปีที่แล้วได้สร้างอีกหนึ่งอีเว้นท์ เจาะเซ็กเมนต์ “Health & Wellness” ในชื่อ “Fit Fest” ขณะที่ปีนี้ยกระดับงานให้ใหญ่ขึ้น ด้วยการเป็น “สวนสนุกแห่งการออกกำลังกายที่ใหญ่สุดในประเทศไทย” ระหว่างวันที่ 22 – 23 กันยายนนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วม 40,000 คน จากปีที่แล้ว 24,000 คน

“สวนสนุกแห่งการออกกำลังกาย มีทุกอย่างทั้งคนที่ชอบออกกำลังกาย และคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย เพราะเราเชื่อว่ามาแล้วคุณจะได้รับแรงบันดาลใจ ได้พลังดีๆ กลับไปแน่นอน และยังได้ลองคลาสที่คุณกำลังสนใจว่ามันใช่ หรือเหมาะกับคุณไหน ส่วนคนที่ออกกำลังกายอยู่แล้ว จะทำให้ได้พบเพื่อนใหม่ เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยยกระดับความสนุกของการออกกำลังกาย และสายแข็ง เราได้นำเข้าการแข่งขัน F45 เพื่อค้นหาสุดยอดคนพันธุ์อึดที่จะมาเปิดการแข่งขันในเมืองไทยครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีซุปตาร์เทรนเนอร์ตัวท็อปของเมืองไทย มาจัดคลาส Exclusive และยังได้พบกับแบรนด์ฟิตเนสคลับ อุปกรณ์กีฬา แฟชั่น และร้านอาหารที่เข้าร่วมงาน” วู้ดดี้ กล่าวทิ้งท้าย

Resize Woody_presentation_06


  • 2.3K
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ