ดูเหมือนว่าเทรนด์รักษ์โลก รักสิ่งแวดล้อมจะไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ธุรกิจห้างร้านค้าปลีกอย่างที่เป็นกระแสอยู่ทุกวันนี้อีกต่อไป เพราะในปีนี้ธุรกิจแฟชั่นต่างๆ ก็รับเอาเทรนด์ดังกล่าวมาปรับใช้กันมากขึ้น โดยแบรนด์ใหญ่ๆ ได้เริ่มประกาศตัว Go Green! จนเกิดเป็นเทรนด์ใหม่ในวงการแฟชั่นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด แบรนด์ Fast Fashion อย่าง Zara ก็เอากับเขาด้วย ประกาศเตรียมแผนสร้างคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าที่ทำจากสิ่งทอซึ่งผ่านกระบวนการผลิตอย่างยั่งยืน (Sustainable Fabrics) รวมถึงเส้นใยผ้าที่ทำจากขยะรีไซเคิลด้วย 100% ซึ่งปัจจุบันคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าทั้งหมดของแบรนด์ มีเพียง 20% ที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ แต่ในอนาคตจะมีการเพิ่มสัดส่วนให้มากยิ่งขึ้น
โดยผู้บริหารของ Zara ได้กล่าวกับผู้ถือหุ้นว่า จะมีการปรับปรุงร้านที่มีสาขากว่า 7,500 แห่งให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายในปี 2025 คือ เริ่มผลิตสินค้าจากขยะรีไซเคิลสำหรับใช้เองในร้าน อย่างกล่องกระดาษและไม้แหวนเสื้อที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ พร้อมหันมาใช้พลังงานทดแทนให้สูงขึ้นราว 80% ในสำนักงานใหญ่ โรงงานโลจิสติกส์ และร้านค้า ซึ่งถือเป็นพันธกิจที่แบรนด์เคยประกาศไว้ ตั้งแต่ปี 2001 ในฐานะที่เป็นสมาชิกของ United Nations Global Compact เพื่อสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ Zara ยังได้ปรับทีมคณะกรรมการชุดใหม่เพื่อทำตามแผนที่วางไว้ เริ่มผลิตสินค้าจากขยะรีไซเคิลสำหรับใช้ในร้านเอง อย่างกล่องกระดาษและไม้แหวนเสื้อ พร้อมหันมาใช้พลังงานทดแทนให้สูงขึ้นราว 80% ในสำนักงานใหญ่ โรงงานโลจิสติกส์ และร้านค้าภายในปี 2025 เช่นกัน ซึ่งถือเป็นพันธกิจที่แบรนด์เคยประกาศไว้ ตั้งแต่ปี 2001 ในฐานะที่เป็นสมาชิกของ United Nations Global Compact เพื่อสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับการปรับแผนการผลิตดังกล่าว เป็นการตามรอยแบรนด์ Fast Retailing อย่าง UNIQLO ที่ได้ประกาศลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวลง 85% ในปี 2020 เช่นเดียวกับแบรนด์ Prada ที่เล็งผลิตสินค้าเกือบทั้งหมดด้วยพลาสติกรีไซเคิล ภายในปี 2021
Pablo Isla ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจ้าของ Zara Inditex กล่าวกับเว็บไซต์ WWD ว่า “แบรนด์ Zara ไม่ได้แค่ปรับตัวเพื่อรับเทรนด์รักสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นหัวหอกในการสร้างแรงกระตุ้นให้แบรนด์แฟชันอื่นๆ รวมถึงซัพพลายเออร์สินค้า ให้หันมาปรับตัวด้วยเช่นกัน เพื่อสร้างอุตสาหกรรมวงการแฟชันที่ยั่งยืน”
ที่มา : hypebeast.com
เครดิตภาพ : Vytautas Kielaitis/Shutterstock
