ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เป็นรุ่นระดับ High End ประสิทธิภาพการใช้งานล้ำเหลือ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันของกล้องหรือความสามารถในการใช้งานประสิทธิภาพด้านอื่นๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยเหลือให้การใช้งานสมาร์ทโฟนง่ายยิ่งขึ้น แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แสนแพงของตัวเครื่อง ซึ่งนับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น เฉลี่ย Smartphone ระดับ High End จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 3-6 หมื่นบาท
ด้วยราคาที่เรียกได้ว่าสูงมาก ส่งผลให้ความต้องการสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพสูงในดับราคาที่สามารถจับต้องได้หายไปในตลาด ขณะที่สมาร์ทโฟนในราคาถูกก็มีฟังก์ชั่นรองรับการใช้งานอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ประกอบกับกลุ่ม Gen Z ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ เชี่ยวชาญด้านการใช้งานอินเตอร์เน็ตอยู่แล้วจึงไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของกลุ่มสมาร์ทโฟนราคาถูก
ซึ่งสิ่งที่กลุ่ม Gen Z ต้องการคือ ความสามารถในการถ่ายรูป ทำอย่างไรก็ได้ให้รูปออกมาสวย และตัวเครื่องต้องบ่งบอกความเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีสไตล์ไม่เหมือนใคร นั่นจึงเป็นที่มาของการเกิด Huawei Nova Series สมาร์ทโฟนที่มีความสามารถเทียบเท่าหรือใกล้เคียงสมาร์ทโฟนรุ่นพี่อย่าง Huawei P Series และ Huawei Mate Series ที่ยกระดับไปสู่กลุ่มสมาร์ทโฟน High End
นอกจากจะมีจุดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว Huawei Nova Series ยังมาพร้อมเทคโนโลยี AI เหมือนที่สมาร์ทโฟนรุ่น High End ใช้กัน โดยเฉพาะ AI ในการถ่ายรูปที่ช่วยให้ออกมาสวยงาม ไม่ว่าภาพนั้นจะเป็นเช่นไร รวมไปถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เทียบเท่ากับสมาร์ทโฟนในรุ่น High End
ไม่เพียงแค่การสร้างชื่อ Nova Series ที่จับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสมาร์ทโฟนเทียบเท่า High End แต่ราคาสัมผัสได้ Huawei ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งาน Huawei Nova Series ออกมาอย่างมากมาย รวมไปถึงกิจกรรมที่ตอบความต้องการใช้งานของกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเรื่องของการถ่ายภาพ ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าสมาร์โฟนรุ่นท้อป
ด้วยดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คุนรุ่นใหม่ ส่งผลให้ Nova Series ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในรุ่น Huawei Nova 3i กลายเป็นประวัติศาสตร์การของสมาร์ทโฟนในระดับกลาง ที่ได้รับการตอบรับอย่างสูงเป็นประวัติการณ์ จนถึงขั้นกลายเป็น Signature ของกลุ่มคนรุ่นใหม่
และเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ กับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ถูกนำมาใช้ พร้อมด้วยดีไซน์ที่บางเฉียบ โดยเฉพาะในรุ่น Huawei Nova 5T ที่บางเพียง 7.87 มม. และมีน้ำหนักเพียง 174 กรัม นอกจากเรื่องความบางของตัว Huawei Nova 5T แล้ว ยังมาพร้อมกับดีไซน์ในรูปแบบของ 3 มิติ และสีสันที่สวยงามสะดุดตา ที่สำคัญพื้นที่สแกนลายนิ้วมือถูกวางตำแหน่งให้อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งแตกต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นตัวท็อปทั้งหลาย เพราะโดยหลักการใช้งานแล้วมือจะอยู่ด้านข้างตัวเครื่องอยู่เสมอ ดังนั้นพื้นที่สแกนลายนิ้วมือที่อยู่บริเวณด้านหลังเครื่องหรืออยู่บริเวณด้านหน้าเครื่อง เป็นการถือสมาร์ทโฟนที่ผิดหลักธรรมชาติ
จึงทำให้การปลดล็อคทำได้สะดวกง่ายสามารถใช้ได้เพียงมือเดียวก็ปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนท่าจับเพื่อสแกนลายนิ้วมือก่อน และด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ยิ่งช่วยให้รู้สึกได้ว่าเหมือนกำลังใช้สมาร์ทโฟนรุ่นตัวท็อป แถมยังช่วยมองเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับกล้องที่ให้มากถึง 5 เลนส์ เรียกว่าสามารถใช้งานถ่ายภาพได้ครบถ้วนทุกความต้องการ ที่สำคัญยังมีกล้องจำนวนมากกว่าสมาร์ทโฟนในระดับ High End อีกด้วย
เปิดกล้องทั้ง 5 ตัวถูกแบ่งออกเป็น กล้องหลักสำหรับถ่ายภาพความละเอียดสูงขนาด 48 เมกะพิกเซล กล้อง Super Wide สำหรับเก็บภาพกว้างขนาด 16 เมกะพิกเซล กล้องวัดระยะโบเก้ (Bokeh) สำหรับใช้ถ่ายภาพแบบหลังละลายขนาด 2 เมกะพิกเซล กล้องเลนส์มาโคร (Macro) สำหรับใช้ถ่ายภาพระยะใกล้ขนาด 2 เมกะพิกเซล และกล้องเซลฟี่ (Selfie) ที่อยู่ด้านหน้าขนาด 32 เมกะพิกเซล โดยถูกออกแบบมาให้กลมกลืนไปกับหน้าจอของกล้อง
ด้วยเซ็นเซอร์พิเศษที่ช่วยให้ มีรูรับแสงเพียง 1.8f จึงช่วยให้ถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้ชัดขึ้น ผสมผสานกับเทคโนโลยี AI ที่ช่วยให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในโหมด Super Night และการตรวจจับแสงแบบอัจฉริยะ, เทคโนโลยีที่ช่วยลด Noising ในภาพ, การเปิดรูรับแสงที่นานและเทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหว ทั้งหมดนี้จะช่วยให้การถ่ายภาพกลางคืนสวยงามมากขึ้นกว่าที่เคย
แถมด้วยระบบชาร์จด่วนที่สมาร์ทโฟนในรุ่น High End ต่างพยายามแข่งขันกัน สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 50% ได้ภายในระยะเวลา 30 นาทีเท่านั้น ด้วยฟังก์ชันและอุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ ผมต้องเตรียมเงินไปมากกว่า 30,000 บาท แต่ Huawei Nova 5T สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ เพียง 10,990 บาทเท่านั้น
พร้อมกันนี้ Huawei Nova Series ยังได้จับมือกับ Carnival แบรนด์สตรีทแวร์สัญชาติไทย ในการการออกแบบ Theme สำหรับสมาร์ทโฟนที่เปิดให้ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ฟรี สำหรับผู้ใช้ HUAWEI nova Series ทุกรุ่น และ Box Set พิเศษที่ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจจากฝาหลังของตัวเครื่อง เพื่อเป็นการตอกย้ำเอกลักษณ์ทางด้านดีไซน์ของ HUAWEI nova 5T ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นเสมอ เปิดจำหน่ายเป็นลิมิเต็ด เอดิชั่น เพียง 100 ชุดเท่านั้น
และเพื่อสร้างประสบการณ์การดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครของ Huawei Nova Series จึงมีการจัดกิจกรรม Nova Challenge ชวนวัยมันโพสต์ภาพตามธีมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ธีมแฟชั่น โพสต์ภาพใต้ธีมสีของ HUAWEI nova 5T ได้แก่ สี “Midsummer Purple” และ สี “Crush Blue” จำนวน 5 ภาพ 5 สไตล์ / ธีมถ่ายภาพ โพสต์ภาพ 5 ภาพ 5 มุมมอง 5 ความรู้สึก ใน 1 สถานที่ ชิง HUAWEI nova 5T พร้อมจัดเวิร์คช้อปแนะนำเคล็ดลับการถ่ายภาพด้วย HUAWEI nova 5T โดยช่างภาพมิออาชีพตัวจริงเสียงจริง
ส่วนสายเกมส์ Huawei ยังได้เตรียมจัด Huawei Game Tournament ให้คอเกมได้ลองใช้ HUAWEI nova 5T ทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกม ใครชนะได้แข่งกับโปรเกมตัวจริง
ทั้งหมดนี้เรียกว่า Huawei ตั้งใจที่จะส่งมอบประสบการณ์ให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Z ซึ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้ต้องยอมรับว่ายังมีรายได้ค่อนข้างน้อยและบางส่วน ยังต้องใช้เงินของพ่อแม่ การที่ Huawei Nova Series ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงเป็นกลยุทธ์ที่เรียกว่า สร้างประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนให้มีความคุ้นเคยและคุ้นชิน ก่อนที่คนกลุ่มนี้จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปจนมีรายได้ และย่อมส่งผลไปสู่การใช้งานสมาร์ทโฟนในรุ่น High End ในอนาคต
