Samsung สู่ “แบรนด์ที่รัก” ของทุกคน

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

samsung_omniaเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในโลกเทคโนโลยีมาหลายทศวรรษ จนวันนี้ “ซัมซุง” คือบริษัทดิจิตอลแถวหน้า ที่พร้อมจะท้าทายตัวเองด้วยเป้าหมายใหม่ ด้วยการเป็น Iconic Brand หรือแบรนด์ที่ผู้บริโภคหลงไหล โดยโฟกัสไปที่บรรดาสาวกเทคโนโลยี (Young Mindet Customer) ทั้งหลาย

นับไปอีก 2 ปีข้างหน้า หรือในปี 2553 ซัมซุงจะมีอายุครบ 40 ปี แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว ซัมซุงเพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่ม ด้วยวัย 16 ปี หากย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทซัมซุง อิเลคทรอนิกส์ ยังเป็นแบรนด์โนเนม แต่ 5-6 ปีให้หลัง ซัมซุงก็สามารถผลักดันตัวเองให้ขึ้นมาอยู่ในทำเนียบ สินค้าพรีเมียม

วิชัย พรพระตั้ง หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคทรอนิกส์ เล่าว่า ซัมซุงอิเลคทรอนิกส์ปรับเปลี่ยนตัวเองรวดเร็วมากในช่วง16 ปีที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย จนทุกวันนี้มีหลายสินค้าของซัมซุงที่ขึ้นแท่น “เบอร์1” ในตลาด

“ช่วง 10 ปีเราเป็นแบรนด์ที่โนเนม คนไม่ค่อยรู้ จากนั้นก็ปรับตัวเร็วมาก พลิกแบรนด์โนเนมเป็นแบรนด์มีชื่อ จนวันนี้เรียกว่าเราคือ พรีเมียมแบรนด์  มีสินค้าที่เราเป็นผู้นำตลาดราวๆ 10 รายการ”

วิชัย ยังบอกอีกว่า การที่ซัมซุงก้าวขึ้นมาเป็นสินค้าพรีเมียมได้มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การสร้างนวัตกรรม การออกแบบสินค้าให้มีรูปแบบที่ทันสมัยอยู่เสมอ บวกกับแนวคิดให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมแชร์ประสบการณ์กับสินค้า (Digital Experience Beyond Imagination) เช่น การหยิบจับหรือทดลองเล่นกับตัวสินค้า

โดยก้าวต่อไปซัมซุงจะพยายามพัฒนาแบรนด์ไปสู่การเป็น Iconic Brand  หรือ แบรนด์ที่เป็นที่รักของทุกคน เมื่อนึกถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต้องนึกถึงซัมซุง “เท่านั้น” ถือเป็นนโยบายของบริษัทแม่ในประเทศเกาหลีที่ให้นโยบายกับบริษัทลูกในแต่ละประเทศว่าต้องทำให้ได้

จากการทำตลาดและพัฒนาสิ่งใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้ซัมซุงประสบความสำเร็จกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยี และการให้บริการแบบครบวงจร ทำให้ปีนี้ซัมซุงประสบความสำเร็จอย่างสูง และถือว่าโตสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจ โดยมียอดขายเติบโตถึง 33%

แม้ในปีนี้เป้าหมายยอดขายรวมของซัมซุงในไทยจะไม่ตรงเป้าหมายที่ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ถือว่าใกล้เคียง คือ  675  ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมองว่าเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ

ขณะที่เป้าหมายยอดขายในไทยปี 2552  ซัมซุงตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป้าหมายปี  2553 ตั้งไว้ที่ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“น่าสนใจตรงที่ว่า ในปี 2553 ซัมซุงตั้งเป้าหมายไว้สูงมาก เพราะซัมซุงตั้งใจว่าจะต้องขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของโลกให้ได้ในปีนั้น ซึ่งเป็นปีที่ซัมซุงมีอายุครบ 40 ปีพอดี จากปัจจุบันซัมซุงเป็นเบอร์ 3ในตลาด เป็นรองซีเมนต์ และ HP”

วิชัย ยังเล่าให้ฟังว่า การที่จะปั้นแบรนด์ซัมซุงให้เป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคหลงรักนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ว่าจะทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงผู้บริโภค กลุ่มไหนที่เราจะเข้าถึงได้ง่าย

โดยซัมซุงจะโฟกัสไปที่กลุ่มคนรักเทคโนโลยี กลุ่มคนที่มีความสนุกสนานกับการใช้ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี

Read full story


  •  
  •  
  •  
  •  
  •