“อุตสาหกรรมยุคเก่าตายแล้ว และรอการโละทิ้ง หลังจากปีนี้ไป เม็ดเงินทั้งหมดจะไหลไปที่ Frontier Technology ซึ่งหนึ่งในนั้นของ AI”
คุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Founder and Group Chief Executive Officer, Bitkub Capital Group Holdings กล่าวในเซสชัน ‘Marketing’s AI Awakening : From Oops! to Opportunity – How AI Disrupts Business and Marketing Professionals’ จากงาน Marketing Oops! Summit 2024
โดย Frontier Technology ที่ว่านี้เอง คือเทคโนโลยีเกิดใหม่ ที่จะเข้ามา Disrupt อุตสาหกรรมยุคเก่าให้ตายลง รัฐบาลหลายประเทศจึงเริ่มลงทุนวางโครงสร้างพื้นฐานกันแล้ว ซึ่งจะดึงดูดเม็ดเงินทั้งหมดให้ไหลไปหา และเปลี่ยนแปลงทิศทางของทั้งฝั่งผู้บริโภค และธุรกิจไปอย่างไม่หวนกลับอีกแล้ว
สำหรับ Frontier Technology จะแบ่งออกเป็น 5 ตัว คือ
1. AI
2. Big Data
3. 3D Printing
4. IoT
5.Longevity Tech
รู้จัก ‘DEFA’ ทางออกของอาเซียน เมื่อ ‘Frontier Technology’ ยังอยู่ไกลเกินเอื้อม
อย่างที่เราพอจะนึกภาพออกว่าการลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้นั้นใช้ทุนมหาศาล ลำพังประเทศเล็กๆ นั้นไม่มีเงินทุนมากพอที่จะสร้างเทคโนโลยีของตัวเอง จึงจำเป็นต้องพึ่งพาประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา หรือจีน จนทำให้เราเห็นภาพการ ‘เลือกฝั่ง’ ที่หากเลือกฝั่งหนึ่งแล้ว อาจจะได้รับผลกระทบบางอย่างจากอีกฝั่ง เป็นต้น
เมื่อคนตัวเล็กไม่สามารถสู้คนตัวใหญ่ได้ คนตัวเล็กหลายคนจึงต้องรวมตัวกัน เพื่อให้สามารถต่อกรกับคนตัวใหญ่ได้ อย่างที่เราเห็นภาพ ‘สหภาพยุโรป’ ไทยเราเองก็เป็นหัวเรือใหญ่ของการรวมกลุ่มสิบประเทศอาเซียน หรือที่เรียกกันว่า ‘DEFA’ (Asian Digital Economy Framework Agreement) ซึ่งคืบหน้าไปกว่า 50% แล้ว ซึ่งหากทำได้ตามเป้าหมายที่ 60% จะสร้างผลกระทบเชิงบวก 3 ด้านต่อกลุ่มประเทศอาเซียนทั้งหมด
1. ด้านเศรษฐกิจ – เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียนจะกระโดดขึ้นไปเป็นอันดับที่ 4 ของโลกทันที พร้อมกระตุ้นให้เกิดเงินทุนราว 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเศรษฐกิจเฉพาะของไทยจะเติบโตขึ้นกว่า 2 เท่า
2. เชื่อมต่อกลุ่มประเทศอย่างไร้พรมแดน – สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ‘One Passport’ ที่เราสามารถเข้าทุกประเทศในกลุ่มอาเซียนได้ด้วยการถือ Passport เล่มเดียว ซึ่งรวมไปถึงการนำเข้า-ส่งออก ด้วยเช่นกัน
3. การเงินไร้พรมแดน – สกุลเงินที่แตกต่างกันจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป การโอนเงินข้ามประเทศจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ซึ่งทำให้การติดต่อซื้อขายสะดวก และไหลลื่นมากยิ่งขึ้น
ผลกระทบที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ทำให้จากเดิมที่ธุรกิจโฟกัสแค่ฐานลูกค้าในประเทศ เช่น ไทยมีประชากรราว 70 ล้านคน ขยับขึ้นเป็นกฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีอยู่ราว 600 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลต่อการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ด้วยเงินทุนที่มากขึ้น กลุ่มสิบประเทศอาเซียนก็อาจจะมี Fundamental Payment Ecosystem อย่าง Visa หรือ Mastercard หรือกระทั่งเทคโนโลยี AI เองก็ได้เช่นกัน
บทบาทของ AI เทคโนโลยีหัวเรือใหญ่ของยุค Frontier Technology
ในฐานะที่ AI เป็น Frontier Technology ที่ถูกจับตามอง และพูดถึงอย่างมาก คุณท็อปได้สรุปบทบาทของ AI ในการ Disrupts โลกของเราสู่ยุคแห่งอนาคตออกเป็น 3 บทบาท คือ
1. Augmentation – AI จะเข้ามาช่วยให้เราทำงานที่ทำอยู่เดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น ไปจนถึงสำเร็จได้เร็วขึ้น
2. Automation – หน้าที่หลายอย่างจะมี AI เป็นผู้ทำแทนให้เรา ยกตัวอย่างเช่น Job Description ของตำแหน่งงานหนึ่งมี 10 อย่าง ก็อาจจะมี AI ทำแทนไปแล้วสักห้าอย่าง ทำให้เกิดการควบรวมตำแหน่งจนเหลือคนเดียว
3. Digital Worker – AI จะมีความสามารถในการทำอาชีพหนึ่งแทนมนุษย์ โดยรับมือกับงานทั้งหมดในตำแหน่งนั้นด้วยตัวเอง แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า เราสามารถเชื่อใจ AI ให้ทำแทนมนุษย์ได้มากแค่ไหน
จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 ระยะนี้ไม่มีเรื่องไหนที่ไกลตัวเราอีกต่อไป เพราะสิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ปัจจุบัน และเกิดขึ้นมานานแล้ว คุณท็อปยังให้มุมมองเพิ่มเติมอีกว่า ในอีก 5 ปี 44% ของสกิลที่เรามีอยู่จะไม่มีประโยชน์อีกแล้ว คนที่จะรอด คือคนที่อัปสกิล และรีสกิลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เรายังเป็นคนที่ AI มาแทนไม่ได้อยู่เสมอ