Sansiri จับเทรนด์พฤติกรรมลูกบ้านระดับ B ขึ้นไป ดึง SHARGE ร่วมลงทุน EV ทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ดูเหมือนว่าเรื่องของสิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการลดการปล่อยมลพิษ ซึ่งอย่างที่ทราบว่ารถยนต์คือตัวการสำคัญในการปลดปล่อยมลพิษ แต่ปัจจุบันเทรนด์ของรถยนต์กำลังเปลี่ยนไปโดยหันไปใช้พลังงานไปในรูปแบบ EV ซึ่งมีแนวโน้มที่มีการใช้มากขึ้น เนื่องจากราคาตัวรถที่เริ่มปรับลดลง แต่ปัญหาของการใช้ EV คือการชาร์จไฟฟ้า โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แนวสูงที่อาจยังไม่มีจุดชาร์จไฟส่วนตัว ขณะที่ผู้อยู่อาศัยแนวสูงระดับ B ขึ้นไป มีโอกาสเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น นั่นจึงทำให้ Sansiri ผู้นำเรื่องนวัตกรรมและสิ่งแวดล้แมเพื่อที่อยู่อาศัยให้ความสนใจกับเรื่องของรถยนต์ EV

Sansiri จึงร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง SHARGE Management ติดตั้งระบบ EV Charging ในโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูง-แนวราบ และถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการที่อยู่อาศัย โดยตั้งเป้าความร่วมมือติดตั้งเครื่องชาร์จ EV รวม 1,500 เครื่องภายใน 3 ปี ครอบคลุมทุกโครงการของ Sansiri ในกลุ่มลูกค้าเซ็กเมนต์ B ขึ้นไป ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าของ Sansiri ในการเข้าถึงเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ SHARGE เตรียมพัฒนาขยายจุดชาร์จไปในหลายๆ พื้นที่ และเตรียมสิทธิพิเศาให้กับลูกบ้านของ Sansiri ในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

ด้าน นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ชี้ว่า การได้เข้าร่วมเป็น Strategic Partner กับ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่เล็งเห็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ EV ตลอดจนไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านที่ต้องการชาร์จรถที่บ้าน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับโรดแมปของประเทศที่ภาครัฐให้การสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EV เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนหันมาเปลี่ยนแปลงการใช้ EV มากขึ้น แสนสิริได้ร่วมกับ SHARGE ในการออกแบบและขยายโซลูชั่นรองรับการใช้รถ EV และการเข้าถึงสถานีชาร์จ เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกบ้านแสนสิริ

นอกจากนี้ความร่วมมือครั้งนี้ยังสอดคล้องกับโรดแมป 5 ปี ของ SHARGE ที่ตั้งเป้าหมายดำเนินผ่านกลยุทธ์ LIFESTYLE CHARGING ECOSYSTEM: NIGHT, DAY, ON-THE-GO เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์และอำนวยคามสะดวกในการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการใช้รถพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย โดยสร้างระบบนิเวศที่เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายตามพฤติกรรมของผู้บริโภค 3 กลุ่ม ทั้งกลุ่ม NIGHT ที่เป็นกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นการชาร์จที่บ้าน ซึ่งกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนสูงสุดหรือคิดเป็น 80% ของผู้ใช้รถ EV ทั้งหมด เนื่องจากพฤติกรรมผู้ใช้รถ EV ส่วนใหญ่นิยมชาร์จที่บ้านในเวลากลางคืน เพราะสะดวก รวมถึงการชาร์จตามบ้านมีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ถูกกว่า

กลุ่ม DAY หรือกลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่จุดหมายปลายทาง เช่น การชาร์จตามศูนย์การค้า แหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ สถานศึกษา และอาคารสำนักงาน โดยกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 15% และกลุ่ม ON THE GO ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่ต้องการชาร์จตามสถานีชาร์จระหว่างการเดินทางข้ามจังหวัด หรือการท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนน้อยที่สุดคือ 5% ของจำนวนผู้บริโภคทั้งหมด การร่วมมือกับ Sansiri จึงเป็นการตอบโจทย์การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม NIGHT เป็นหลัก

โดย SHARGE และ Sansiri จะร่วมมือกับตั้งแต่การออกแบบ Infrastructure ของ EV Charging Station ในแต่ละโครงการที่เปิดใหม่ของ Sansiri ทั้งแนวราบและแนวสูง เพื่อวิเคราะห์รูปแบบของการให้บริการและติดตั้งแท่นชาร์จให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้าน อีกทั้ง ได้ร่วมกันพัฒนาอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านผู้ใช้รถ EV ในการเพิ่มฟีเจอร์การจอง EV Charging Station บน Sansiri Home Service Application ซึ่งเป็นการนำเอาบริการจากแอปพลิเคชั่นของ SHARGE ที่มีไว้สำหรับค้นหาและจองสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งของ SHARGE และเครือข่ายพันธมิตรในแหล่งไลฟ์สไตล์ทั่วกรุงเทพฯ ไว้บนแอปฯ Sansiri รวมทั้งระบบจ่ายค่าไฟฟ้าผ่านแอปฯ

ขณะที่ Sansiri มีการกำหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ปี 2561 ภายใต้ภารกิจ “Sansiri Green Mission” กับเป้าหมาย 3 ปีในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์เฉลี่ย 2,120 ตัน หรือเทียบเท่าป่าสีเขียวกว่า 1,700 ไร่ จากการมุ่งมั่นทุ่มเทจึงทำให้สามารถพิชิตเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งปี และจะยังคงสานต่อนโยบายนี้ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ภายใต้โปรเจ็กต์ Sansiri Sustainability Mission ภายใต้แก่น Better Care for Environment นั่นคือ ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นให้กับลูกบ้านและสังคมโดยรวม โดยโฟกัสในเรื่อง Energy & Well-being ตั้งแต่ก่อสร้าง ส่งต่อถึงช่วงการอยู่อาศัย

โดยเฉพาะการเป็นผู้นำในการติดตั้งเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging) ให้กับบ้านในโครงการของแสนสิริเพื่อสร้างมาตรฐานการอยู่อาศัยเพื่อสิ่งแวดล้อมในสังคม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่มาตรฐานใหม่ของแสนสิรินี้ สอดคล้องกับเทรนด์ของโลกที่จะขับเคลื่อนด้วย EV ดังจะเห็นได้จาก business-standard.com ได้เผยข้อมูลว่าอังกฤษเป็นประเทศแรกที่จะมีกฎหมายกำหนดให้บ้านและสำนักงานที่สร้างใหม่ต้องมีการติดตั้งเครื่องชาร์จ EV และคาดว่าจะบังคับใช้ภายในปี 2565 เพื่อสร้างความมั่นใจให้ชาวอังกฤษเปลี่ยนไปใช้รถ EV ได้อย่างไม่มีสะดุด หลังจากที่อังกฤษประกาศห้ามจำหน่ายรถยนต์สันดาปในปี 2573

แสนสิริจะนำร่องโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 95 หัวชาร์จหรือ 50 เครื่องใน 28 โครงการ สำหรับความร่วมมือในก้าวต่อไประหว่างแสนสิริและ SHARGE ได้กำหนดเป็นโรดแมป 3 ปี (2565-2567) โดยกำหนดเป้าหมายขยายการติดตั้ง EV Charging Station ให้ครอบคลุมโครงการแนวสูงที่เปิดใหม่ และโครงการแนวราบในระดับเซ็กเมนต์ B ขึ้นไปทุกโครงการ ภายใต้งบลงทุน 65 ล้านบาท หรือการติดตั้งเครื่องชาร์จ EV ราว 1,500 เครื่อง ภายใน 3 ปี ขณะที่โครงการบ้านเดี่ยวในเซ็กเมนต์ B ขึ้นไป จะได้รับพริวิลเลจพิเศษ เป็นเครื่องชาร์จ ABB Terra AC Wallbox (Normal Charge) นำเข้าโดย SHARGE ที่สามารถชาร์จได้เร็วถึง 4-8 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาดรถ) ซึ่งการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับที่อยู่อาศัยในครั้งนี้สอดคล้องกับการสำรวจพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่และผู้อยู่อาศัยแสนสิริในเซกเมนต์ B ขึ้นไป

จากผลสำรวจยังพบว่า คนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จเร็ว (Young Success) และมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวีตแบบยั่งยืนจะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม บางส่วนเป็นเจ้าของรถ EV หรือกำลังมองหารถ EV เพื่อใช้ในอนาคต ทั้งนี้ผลสำรวจของแสนสิริสอดคล้องกับข้อมูลจากการสำรวจคนรุ่นใหม่ในประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่นพบว่า 86% ให้ความใส่ใจสังคม-สิ่งแวดล้อมมาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง 80% ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ใส่ใจสังคม-สิ่งแวดล้อม และ 81% ระบุว่า เต็มใจจ่ายแพงขึ้น เพื่อให้ได้สินค้าสำหรับวิถีชีวิตที่ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม

สำหรับลูกค้ากลุ่ม C ลงมาจะเป็นกลุ่มต่อไปที่ Sansiri จะพิจารณาในการติดตั้งระบบ Charging EV เนื่องจากเป็นอีกกลุ่มที่มีความต้องการ้รถ EV แต่ในปัจจุบันอาจจะยังเข้าไม่ถึง ซึ่งในอนาคตที่รถ EV ปรับราคาลงมาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ก็มีโอกาสที่ลูกค้ากลุ่ม C จะสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Gigolo
เมื่อเทคโนโลยีอยู่ใกล้กับชีวิตทุกคน มารู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อใช้มัน แต่อย่าให้เทคโนโลยีมันใช้เรา
CLOSE
CLOSE