ด้วยเทรนด์ตลาดการค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยในปี 2559 ตลาดอีคอมเมิร์ซในรูปแบบค้าปลีกค้าส่ง (E-commerce Retail Market) มีมูลค่า 7 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 30%ส่งผลให้ความต้องการใช้บริการส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วนมีแนวโน้มสูงขึ้น ตามไปด้วย
เอสซีจี” เลยเห็นโอกาส จับมือยามาโตะ กรุ๊ปหรือ “แมวดำ” เปิดตัว “SCG Express” ทันที โดยให้บริการส่งของคุมความเย็นได้รายแรกของไทยเตรียมขยายพื้นที่การให้บริการสู่ภาคตะวันออก, ภาคตะวันตก และภาคอีสานภายในปีนี้ และครอบคลุมทั่วประเทศภายในปี 2561
ตั้งเป้ายอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี!
เปิดตลาด “ขนส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิ” รายแรกของไทย
ซึ่งบริการที่ว่า “เอสซีจี เอ็กซ์เพรส” จะจัดส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือผู้รับ ด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์จากบริษัทพันธมิตรอย่าง “ยามาโตะ กรุ๊ป” ก็ได้“กล่องรักษาความเย็น” (Cool Container) เก็บรักษาความเย็นได้นานถึง 12 ชั่วโมง ใช้พัสดุควบคุมอุณหภูมิ และเช็คอุณหภูมิทุกขั้นตอน ก่อนส่งมอบถึงมือผู้รับ ส่งได้ทั้งพัสดุแบบแช่เย็น (Chilled) ระบบควบคุมอุณหภูมิที่รักษาความเย็นได้ 0-8 องศาเซลเซียส สินค้าแช่แข็ง (Frozen) ระบบควบคุมอุณหภูมิที่รักษาความเย็นได้ต่ำกว่า -15 องศาเซลเซียส
บริการนี้จะตอบความต้องการลูกค้ากลุ่มธุรกิจรายย่อยที่ต้องการส่งสินค้าในรูปแบบควบคุมอุณหภูมิ อาทิ อาหารแช่แข็ง ผลไม้ ยา ขนม และเครื่องสำอาง โดยคาดการณ์ว่าตลาดนี้มีมูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท!
นอกจากนี้ SGC Express ยังมีบริการอื่นๆอีก ได้แก่ บริการขนส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วนถึงบ้าน บริการรับพัสดุถึงบ้านลูกค้าและจัดส่งถึงปลายทางในวันถัดไป, บริการส่งเอกสารหรือพัสดุภัณฑ์ด่วนระหว่างบริษัทถึงบริษัท และบริการเก็บเงินปลายทาง
SCG เตรียมกลยุทธ์รองรับสำหรับ SCG Express ในปี 2560 ไว้แล้วคือ
- เน้นสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ เพิ่มจุดรับพัสดุเอสซีจี กระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้บริการ
- เปิดศูนย์บริการเอสซีจี เอ็กซ์เพรส (Service Point) เพิ่มอีก 4 สาขา ได้แก่ พื้นที่เขตรัชดาภิเษก, รังสิต, ปทุมวันและบางนา
- รับสมัครตัวแทนรับพัสดุเอสซีจี เอ็กซ์เพรส (Service Agent) ให้ได้ 300 สาขา
โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปี มียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท! ครองความเป็นผู้นำตลาดส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิ และขยายการให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลต่อเนื่องตลอดปี และค่อยขยายไปภาคตะวันออก, ภาคตะวันตก และภาคอีสานภายในปี 2560 พร้อมตั้งเป้าหมายขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปี 2561
เจาะไปยังกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ (B2C) กลุ่มนักช้อปออนไลน์ และประชาชนทั่วไป (C2C) เน้นๆ
พันธมิตรของ SCG อย่าง “แมวดำ” จะได้อะไรจาก SCG Express?
ยามาโตะ กรุ๊ป หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “แมวดำ” บริษัทขนส่งพัสดุย่อยรายใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 46% และมีนวัตกรรมที่ช่วยพลิกโฉมการขนส่งพัสดุย่อย มาจับมือกับ SCG ทั้งทีต้องได้ช่วยเหลือกันทางธุรกิจทั้งสองฝ่ายแน่นอน
ถ้ามองดีๆตัวยามาโตะ กรุ๊ป หรือ “แมวดำ” ที่เป็นผู้นำตลาดการขนส่งพัสดุย่อยประเทศญี่ปุ่น เตรียมเดินเกมธุรกิจในสเกลที่ใหญ่ขึ้น ให้ตัวบริษัทได้เป็นธุรกิจบริการขนส่งสินค้าและพัสดุอันดับหนึ่งในเอเชีย จึงเดินหน้าขยายธุรกิจไปใน สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย พม่า และ ฟิลิปปินส์
ส่วนไทย ก็เข้ามา เป็นพันธมิตรกับ “เอสซีจี” ที่มีจุดแข็งเรื่องเครือข่ายด้านโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าในประเทศไทยอยู่แล้ว ยามาโตะเลยเอานวัตกรรมและความเชี่ยวชาญด้านตลาดขนส่งสินค้าย่อยแบบเร่งด่วนมาผสาน มาขาย ”ความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าและพัสดุ” ให้กับคนไทย
ตลาดขนส่งพัสดุย่อยในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนที่เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้เพื่อซื้อขายสินค้าระหว่างบุคคล ส่งผลให้ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงจำนวนการขนส่งพัสดุแบบย่อยก็มีอัตราเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงมองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่จะช่วยเพิ่มเครือข่ายทางธุรกิจบริการขนส่งพัสดุขนาดย่อยที่มีคุณภาพ บริษัทเชื่อมั่นว่าการจับมือกับเอสซีจี จะสามารถให้บริการขนส่งที่มีคุณภาพให้กับทุกคนในประเทศไทยได้แน่นอน มร.ฉั่ว ขิ่ง เส็ง กรรมการผุ้จัดการ “บริษัท ยามาโตะ เอเชีย จำกัด กล่าว
SCG Express ถือเป็นการนำจุดแข็งที่มีของทั้ง 2 บริษัทมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายของเอสซีจี โลจิสติกส์ ที่มีบริการและจุดกระจายสินค้าอยู่ทั่วประเทศ และการใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญและบุคลากรจากยามาโตะ กรุ๊ป ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลก ทั้งในเรื่องความสุภาพและความเต็มใจให้บริการ มาพัฒนาพนักงานขับรถ
ต้องจับตาดู!
