โอเปร่า (Opera) ผู้นำเรื่องเบราว์เซอร์บนมือถือ-แท็ปเบล็ต พีซี ทั้งยังเป็นผู้ทำระบบโฆษณาเบ็ดเสร็จในแอปฯ ได้เผยผลยอดการเล่นเน็ต และราคาค่าโฆษณาบนมือถืออย่างละเอียด โดยตัวเลขเหล่านี้คำนวนจาก…
1. ยอดการเปิดเว็บไซต์ต่างๆ ด้วยเบราว์เซอร์ของโอเปร่าบนมือถือ-แท็ปเบล็ต พีซีระบบปฏิบัติการต่างๆ ซึ่งมี 35,000 ล้านเพจวิว/เดือน
2. ยอดผู้ใช้ที่ทำการสำรวจ 9,000 คนทั่วโลก
โดยโอเปร่า (Opera) ระบุว่ายอดการเล่นเน็ตมาจากไอโฟนมากที่สุด รองลงมาเป็นไอแพด และแอนดรอยด์ตามลำดับ ซึ่งก็ส่งผลให้ แต่ละแพล็ตฟอร์มมี Effective cost per mille (eCPM) ที่ต่างกัน
โดยราคา eCPM ที่สูงที่สุดตกเป็นของไอแพดอยู่ที่ 127 บาท รองมาคือไอโฟนอยู่ที่ 91 บาท และแอนดรอยด์ 67 บาท ทั้งที่ผ่านมายังพบว่าแบรนด์สินค้าต่างๆ มีความต้องการลงโฆษณาบนไอแพดมากกว่าปีที่แล้วถึง 140% นั่นก็เพราะจอที่ใหญ่กว่า รูปทีใหญ่กว่า เป็นส่วนกระตุ้นให้คนกดชมโฆษณาบนไอแพดมากกว่ามือถือหลายเท่าตัว
อย่างไรก็ดี ผู้เขียนขอเสนอบทสรุปของระบบและการลงโฆษณาบนมือถือที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเจ้าของสินค้า แอปฯ ที่ให้บริการเนื้อหา และเอเจนซี่ ดังนี้
– สิ่งสำคัญสำหรับการสร้างแอปฯ นอกจากเนื้อหาในแอปฯ ที่ดีแล้ว ประการต่อมาคือ แอปฯ จะต้องโหลดเร็ว เพื่อกระตุ้นให้คนกดดูเนื้อหาในแอปฯ มากๆ จนทำให้เพจวิวสูง เพื่อที่จะส่งผลต่อค่าโฆษณาที่สูงขึ้นด้วย ดังนั้นการสร้างแอปฯ แบบ Native จะดีกว่า Webapp เพื่อการประมวลผลข้อมูลที่เร็วที่สุด
– ระบบโฆษณาในมือถือ จะต้องมี 2 แบบให้เลือก คือ กดแล้วไปยังฟังก์ชันต่างๆ ทันที เช่น กดแล้วโทรออก กดแล้วเข้าเฟซบุ๊กแฟนเพจ รวมถึงการกดแล้วไปยังหน้ารายละเอียดของโฆษณา (Landing Page) สำหรับลูกค้าที่ต้องการใส่เนื้อหามากมายในหน้าโฆษณานั้นๆ ซึ่งทางผู้ทำระบบแอปฯ ก็ต้องเตรียมพร้อมทำระบบโฆษณาบนมือถือรองรับไว้ด้วย
เพราะดูจากผลวิจัยก็พบว่าลูกค้าชอบดูเนื้อหามัลติมีเดียของโฆษณาบนมือถือมากที่สุด และปัจจุบันยอดรายได้จากโฆษณาบนมือถือ ที่ผู้ผลิตเนื้อหาต่างๆ ได้รวมๆ กันถึง 7,680 ล้านบาทแล้ว แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างแรงของ Mobile Advertising ได้เป็นอย่างดี
Mobile Advertising ความสนุกใหม่ของนักการตลาดดิจิตอลที่กำลังเริ่มขึ้น ติดตามเราทุกวันจะมีกรณีศึกษาที่น่าสนใจให้เจาะลึกอีกมากมาย
