ใน 10 ปีข้างหน้า ธุรกิจดิจิทัลในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตถึง 37 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือมีมูลค่าราว 1.33 ล้านล้านบาท) ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ และสื่อออนไลน์ต่างๆในไทยได้เติบโตต่อเนื่อง
คาดว่าในปี 2025 ตลาดดิจิทัลในไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 6.5 เท่า ของมูลค่าตลาดในปัจจุบัน
ทำให้นายเบน คิง หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ Google ประเทศไทย ต้องมาตอกย้ำในงานสัมมนา Startup Bootcamp ของ Google ว่าไทยได้เปรียบในเชิงกลยุทธ์ ด้วยจำนวนประชากรรุ่นใหม่ๆ และศักยภาพทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ไทย มี GDP อยู่ที่ 395.28 พันล้านเหรียญ มี GDP per Capita อยู่ที่ 5774.65 เหรียญ ซึ่งนายเบน คิงมองว่าไทยมีศักยภาพมาก
อีกปัจจัยที่ทำให้ไทยได้เปรียบในเชิงกลยุทธ์คือความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ในกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยเป็นรองเพียงแค่สิงคโปร์ ทั้งๆที่ไทยมีพื้นที่มากกว่าถึง 700 เท่าของพื้นที่ตารางกิโลเมตรเมื่อเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ อีกทั้งยังมี 3G 4G ที่คลุมทั้งประเทศไทยร้อยละ 90
สามปีข้างหน้า ไทยจะมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสูงอาจแตะระดับ 59 ล้านคน! กลายเป็นฐานผู้ใช้งานที่ใหญ่มาก
ดังนั้นสตาร์ทอัพต้องค้นหาปัญหาใหญ่ๆของลูกค้าให้เจอ แล้วตอบโจทย์ความต้องการที่ไม่มีใครเคยสังเกตด้วยเทคโนโลยี ทำสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ สร้างประสบการณ์การใช้งานให้น่าประทับใจด้วย
ที่สำคัญ “อย่าลืมว่าเราทำสตาร์ทอัพทำไม”
เพราะเวลาสตาร์ทอัพขยายกิจการและทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ เรามักจะลืมเป้าหมายที่แท้จริงของสตาร์ทอัพที่เราทำ
สุดท้ายนายเบน คิงได้ตบท้ายด้วยคำคมของ Eric Schmidt แห่ง Alphabet ให้เรามองเห็นโอกาสที่คนอื่นมองใหม้เห็นให้ได้
ไม่ใช่แค่ฟัง แต่ต้องค้นพบสิ่งใหม่ สิ่งที่ตัวคุณเองก็ไม่รู้ว่าคุณจะต้องการมัน และเมื่อเวลาที่คุณเห็นมัน คุณจะรู้เองแหละว่าคุณต้องการมัน
นั่นแหละคือเคล็ดลับของนวัตกรและบริษัทที่ยอดเยี่ยม
แหล่งที่มา
งานสัมมนา Startup Bootcamp จัดโดย Google ที่ Victor Club Sathorn Square วันที่ 12 มกราคม 2560
