สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดตัวโครงการ Innovation Thailand ยกระดับประเทศไทยจาก “ประเทศฐานวัฒนธรรม” สู่ภาพลักษณ์ใหม่ในการเป็น “ประเทศฐานนวัตกรรม” ชูนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความประณีตในการใช้ชีวิต หรือ Innovation for Crafted Living ซึ่งถือเป็นดีเอ็นเอนวัตกรรมที่เป็นจุดเด่นของคนไทยมาตั้งแต่อดีต ย้ำชัดต่อสายตาชาวโลกว่าสิ่งเหล่านี้คือนวัตกรรมของไทย
จากประเทศที่ร่ำรวยด้วยผลผลิตทางภาคการเกษตร มาจนถึงการเป็นประเทศแห่งรอยยิ้มและวัฒนธรรมที่กลายเป็นจุดขายของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องหลายปี ได้ฤกษ์ปรับภาพลักษณ์ประเทศใหม่เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคประเทศไทย 4.0 ด้วยการผันตัวเองจากประเทศฐานวัฒนธรรมมาเป็นประเทศฐานนวัตกรรม ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้ห่างไกลจากคำว่า “นวัตกรรม” เพราะทุกวันนี้ เราใช้ชีวิตอยู่กับนวัตกรรมในหลากหลายรูปแบบที่มาช่วยเติมเต็มการดำเนินชีวิตของเรามีความสะดวกสบายมากขึ้น แม้เพียงเรื่องเล็กน้อยเราก็สามารถนำนวัตกรรมมาเสริมสร้างความสุขสบายให้กับชีวิตได้
ทำไมต้องเป็นประเทศฐานนวัตกรรม
ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กล่าวว่า จากกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ จะเห็นได้ว่า “นวัตกรรม” เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นทั้งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประเทศไทยต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวคิดจาก Made in Thailand มาเป็น Innovated in Thailand เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่งการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมเมืองเป็นอีกหนึ่งมิติที่จะช่วยตอบโจทย์ความสุขของคนในเมืองหรือชุมชน ทั้งในแง่พลวัตทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือปฏิสัมพันธ์ในเชิงสร้างสรรค์ของคนในสังคม ซึ่งนวัตกรรมที่จะตอบโจทย์ความสุขของคนในเมืองจะมีอยู่ 4 มิติ ได้แก่ 1) Connected City ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงของสังคมเมือง ทั้งการเดินทาง การศึกษา การแพทย์ บนพื้นฐานของระบบ 5G 2) Clean City เพื่อสร้างให้เป็นเมืองสะอาดน่าอยู่ ปลอดจากปัญหามลภาวะทางอากาศ การบริหารจัดการขยะที่ดี และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยอาศัยนวัตกรรมจากทั้งภาครัฐ ชุมชน และประชาชน เป็นตัวขับเคลื่อน 3) Collaborative City โดยประชาชนในเมืองต้องมีปฏิสัมพันธ์กันเพื่อรังสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการต่างๆ ของคนในสังคม และ 4) Creative City ด้วยการสร้างอัตลักษณ์หรือจุดขายที่โดดเด่น เพื่อสร้างรายได้ให้เมืองหรือชุมชนนั้นๆ
สำหรับก้าวต่อไปคือ การสร้างจุดยืน ตัวตน หรือดีเอ็นเอ รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้ประจักษ์สู่สายตาคนทั้งโลกถึงการเป็นประเทศฐานนวัตกรรม การเปลี่ยนผ่านการรับรู้ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Transformative Change ของประเทศ ดังนั้นจึงต้องสร้างอัตลักษณ์ใหม่ภายใต้จุดยืนของประเทศ คือประเทศฐานนวัตกรรมที่ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการใช้ชีวิตอย่างประณีต ภายใต้โครงการ Innovation Thailand ที่จะประกาศให้คนทั่วโลกได้รับรู้ถึงอัตลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย
โครงการ Innovation Thailand คืออะไร
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวถึงโครงการ Innovation Thailand ว่าเป็นโครงการที่มีรูปแบบการทำงานบูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันให้การสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งการสร้างการรับรู้และภาพลักษณ์ของประเทศให้เป็นประเทศนวัตกรรม การสร้างการยอมรับและความมั่นใจว่าประเทศไทยคือประเทศนวัตกรรม และการทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยด้านนวัตกรรมได้รับการยอมรับในระดับโลก ซึ่งภารกิจครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องในระยะยาว ที่ต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ จะใช้โครงการ Innovation Thailand เป็นเครื่องมือในการสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้งชาวต่างชาติ และคนไทยเจ้าของประเทศ โดยแนวคิดหลักที่จะสื่อสารออกไปจะสะท้อนกลับมายังดีเอ็นเอด้านนวัตกรรมของประเทศ นั่นคือนวัตกรรมเพื่อความประณีตในการใช้ชีวิต
โครงการ Innovation Thailand จัดทำขึ้นเพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศให้คนไทยรู้สึกภาคภูมิใจกับนวัตกรรมของไทย และเป็นอีกแรงเสริมที่จะช่วยจุดประกายให้คนไทยสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้เศรษฐกิจมากขึ้น อีกกลุ่มเป้าหมายที่สําคัญคือชาวต่างชาติที่ต้องการลงทุนหรือมองหานวัตกรรมจากประเทศไทย โดยเลือกช่องทางสื่อสารทั้งออฟไลน์และออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก วิดีโอ การออกบูธในงานต่างๆ เป็นต้น แหล่งข้อมูลที่สื่อสารออกไปจะกลายเป็น Innovation Database และเป็น Hub of Innovation ให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงข้อมูลนวัตกรรมของประเทศไทยที่เป็นปัจจุบัน
นวัตกรรมกับความประณีตในการใช้ชีวิตของคนไทย
จากผลการสำรวจพบว่า คนไทยได้นำนวัตกรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อช่วยแก้ปัญหาหรือทำให้ชีวิตอยู่ดีมีความสุขมากขึ้น (Innovation for Crafted Living) เราสามารถพบเจอนวัตกรรมเหล่านั้นได้ในหลากหลายรูปแบบ สามารถจัดกลุ่มการนำนวัตกรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ 7 กลุ่มหลัก คือ
- นวัตกรรมเพื่อการมีสุขภาพดี หรือ Healthy Living เป็นนวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์ที่จะช่วยในเรื่องของสุขภาพหรือโภชนาการ เช่น ผลิตภัณฑ์โปรตีนบริสุทธิ์จากไข่ขาวพร้อมรับประทานที่ช่วยเสริมโปรตีนและอัลบูมิน / ผลิตภัณฑ์ครีมปรุงอาหารและวิปปิ้งครีมไขมันต่ำเพื่อสุขภาพที่ผลิตจากพืชธรรมชาติ ทำให้ไขมันลดลงครึ่งหนึ่งจากวิปครีมที่ผลิตจากนมวัว
- นวัตกรรมเพื่อชีวิตปลอดภัย หรือ Safety Living เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ชีวิตมีความปลอดภัย เช่น หุ่นยนต์ดินสอมินิ ที่ช่วยดูแลผู้ป่วยและผู้สูงวัย สามารถส่งสัญญาณไปยังแพทย์หรือผู้ดูแลได้หากพบว่าผู้ป่วยหรือผู้สูงวัยล้ม / ผลิตภัณฑ์มุ้งกันยุงนาโนหน่วงการติดไฟ เส้นใยมุ้งมีการผสมสารกันยุงและมีสารกันติดไฟ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อคน มีความคงทนในการใช้งานได้นานถึง 2 ปี สารกันยุงสามารถทนทานต่อการซักได้ถึง 30 ครั้ง / ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ผลิตจากชานอ้อย ใช้งานเพียงครั้งเดียว สามารถนำเข้าเตาไมโครเวฟได้ เมื่อทิ้งแล้ว สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ เป็นการลดปัญหาขยะและพลาสติก
- นวัตกรรมเพื่อทำให้ชีวิตง่ายขึ้น หรือ Easy Living คือนวัตกรรมที่ช่วยลดความยุ่งยากซับซ้อนในการดำรงชีวิต ทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสำเร็จแช่แข็ง ที่เพียงนำมาอุ่นในไมโครเวฟก็สามารถรับประทานได้ ทำให้ประหยัดเวลาในการเตรียมอาหาร เหมาะกับวิถีชีวิตคนเมืองที่จะมีเวลาน้อย / ผลิตภัณฑ์เก้าอี้ทำฟันสำหรับผู้พิการวีลแชร์ ที่สามารถเคลื่อนรถวีลแชร์ขึ้นไปบนเก้าอี้ทำฟันได้เลย โดยไม่ต้องย้ายตัวเองออกจากวีลแชร์มาที่เก้าอี้ทำฟัน ลดโอกาสที่จะล้มลงขณะย้ายออกจากวีลแชร์มีน้อย
- นวัตกรรมที่ทำให้ชีวิตฉลาดขึ้น หรือ Smart Living คือเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้ชีวิตสะดวกสบาย เช่น ระบบติดตามเฝ้าระวังการทำงานของระบบต่างๆ ระบบนี้จะคอยบันทึก ประมวลผล และรายงานข้อมูลไปยัง device ที่มีการเชื่อมต่อกันไว้ ทำให้สามารถติดตามการทำงานของระบบต่างๆ และได้ทราบล่วงหน้าหากมีความผิดปกติเกิดขึ้น
- นวัตกรรมเพื่อทำให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น หรือ Connected Living คือนวัตกรรมที่ทำให้ชีวิตสามารถเชื่อมต่อกันได้ แม้จะอยู่ห่างไกลกัน เช่น ระบบ Single Window for Visa and Work Permit ซึ่งเป็นระบบการบูรณาการข้อมูลเพื่อการบริการของสามหน่วยงานภาครัฐ (บีโอไอ ตรวจคนเข้าเมือง และกรมการจัดหางาน) ที่สามารถให้บริการหน่วยงานที่ได้รับบีโอไอที่ยื่นคำร้องขอนำเข้าช่างฝีมือผู้ชำนาญจากต่างประเทศมาทำงานในไทย และข้อมูลยังเชื่อมต่อกับระบบ e-Tax ทำให้สามารถยื่นเอกสารทางระบบออนไลน์เพื่อขอยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามเงื่อนไขของบีโอไอ / หรือหุ่นยนต์ดินสอมินิ ก็จัดอยู่ในกลุ่มนวัตกรรมที่ทำให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นได้ด้วย ด้วยระบบการทำงานที่จับภาพโต้ตอบสนทนาด้วยเสียงหรือการส่งสัญญาณเตือนไปยังลูกหลานเมื่อจับสัญญาณได้ว่าผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุกำลังจะล้ม
- นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่มั่งคั่งขึ้น หรือ Wealthy Living คือเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่ช่วยลดรายจ่าย สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมเพื่อแก้ปัญหาด้านการผลิต ซึ่งมักเป็นการนำของเหลือใช้ทางเกษตรมาแปรรูปหรือพัฒนา ต่อยอด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ที่นอกจากจะลดปริมาณขยะได้แล้ว ยังสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นจากผลิตผลทางการเกษตรเหลือใช้เหล่านั้น เช่น กะทิหมักจุลินทรีย์เพื่อแปรรูปเป็นโยเกิร์ต โดยนำกะทิไขมันต่ำซึ่งเป็นส่วนเหลือทิ้งของระบบการผลิตน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นมาผลิตเป็นโยเกิร์ต / แก้วหรือถุงเพาะชำย่อยสลายได้ทางชีวภาพที่ได้จากการนำวัตถุดิบทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นแก้วหรือถุงเพาะชำกล้าไม้แทนถุงพลาสติก นอกจากจะช่วยลดปริมาณพลาสติกแล้ว แก้วหรือถุงเพาะชำย่อยสลายได้นี้ยังช่วยทำให้อัตรารอดของต้นไม้มีเพิ่มมากขึ้น เพราะการย้ายต้นไม้จากถุงเพาะชำลงแปลงปลูกไม่จำเป็นต้องแกะกล้าไม้ออกจากแก้วหรือถุงเพาะชำ ทำให้รากไม่หลุดขาด เมื่อนำลงดินปลูกแล้ว แก้วหรือถุงเพาะชำจะย่อยสลายด้วยตัวเองภายในเวลา 180 วัน
- นวัตกรรมเพื่อสร้างความสุขมากขึ้น หรือ Happy Living คือนวัตกรรมที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้ชีวิตมีความสุขยิ่งขึ้น ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมที่ช่วยสร้างความสุข อาทิ แอปพลิเคชั่น PANNANA สำหรับบรรยายฉากในภาพยนตร์ให้ผู้พิการทางสายตาได้มีโอกาสรับรู้อรรถรสของการชมภาพยนตร์เท่าเทียมกับคนปกติ / รถเข็นผู้ป่วยวีลแชร์ที่ปรับยืนได้ จะช่วยให้ผู้ป่วยวีลแชร์สามารถลุกยืนและช่วยเหลือตัวเองได้ในภารกิจประจำวันโดยไม่ต้องมีผู้มาช่วยพยุงตลอดเวลา ทำให้ผู้ป่วยวีลแชร์รู้สึกมีความสุขเพราะสามารถทำอะไรได้ด้วยตนเอง / หมวกเลเซอร์ปลูกผม สำหรับผู้มีปัญหาผมบาง ที่ใช้เพียง 2 เดือนจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เส้นผมดกหนาขึ้น ทำให้การใช้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น / ผลิตภัณฑ์แผ่นรองรองเท้าเพื่อสุขภาพสำหรับผู้มีปัญหาเท้าผิดปกติ ที่จะสามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติเมื่อมีแผ่นรองรองเท้าเพื่อสุขภาพที่มีการผสานองค์ความรู้ด้านการแพทย์ทางสรีรวิทยา ร่วมกับองค์ความรู้ด้านวัสดุศาสตร์ และที่สำคัญมีราคาถูกกว่าแผ่นรองรองเท้าที่สั่งตัด
จากตัวอย่างดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า คนไทยเราสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความประณีตในการใช้ชีวิตในมุมต่างๆ มาเป็นเวลานานแล้ว การจะบอกเรื่องราวเหล่านี้กับคนต่างชาติ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้และเข้าใจว่า ประเทศไทยเป็นประเทศฐานนวัตกรรม จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โดยในการสื่อสารภาพลักษณ์ประเทศไทยใหม่ครั้งนี้ จะนำเสนอให้เห็นมุมมองใหม่ของประเทศไทยที่แตกต่างด้วยนวัตกรรม โดยนำความเป็น Innovation for Crafted Living มาแสดงออกให้เห็นภาพชัดเจน พร้อมสอดแทรกแนวคิด “นวัตกรรมไทยเกิดขึ้นจริง” มาสื่อสารเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า นี่คือนวัตกรรมไทย โดยมีเป้าหมายให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าใจความหมายของนวัตกรรมไทยได้อย่างถูกต้อง