จับตา 3 เทรนด์ใหญ่ยุค AI First พลิกโฉม “เศรษฐกิจ-ธุรกิจ-ผู้บริโภค” สู่ Fragmentation

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

EGG Digital AI-First

นับวัน AI จะยิ่งมีบทบาทต่อการสร้างคลื่นลูกใหม่ของการเติบโต ทั้งด้านเศรษฐกิจทั่วโลก, องค์กร และการทำงานของผู้คน รวมถึงสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อพฤติกรรมผู้บริโภค จะเห็นการเปลี่ยนผ่านโลกใบนี้ไปสู่ Fragmentation มากขึ้น

ในงานสัมมนา EGG Digital Nexus: The Fusion Frontierจัดโดย EGG Digital พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำ ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์น่าสนใจ คือ หัวข้อ The Fusion Frontier: Where Exponential Possibilities Begin โดย ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด ได้ฉายภาพว่าปัจจุบัน AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่เป็น “เครื่องยนต์” ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมทั้งฉายภาพการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในยุค AI ใน 3 แกนหลักคือ

 

AI Economic Shifts: AI สร้างเศรษฐกิจใหม่ และขับเคลื่อนการเติบโต Global GDP 14%

AI พลิกโฉมโลกเศรษฐกิจจากศูนย์กลางเดียว หรือ Globalization สู่ระบบหลายขั้ว หรือ Fragmentation

– AI สร้างเศรษฐกิจใหม่ และช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของ Global GDP ได้มากถึง 14% นั่นหมายความว่าถ้าธุรกิจไหน หรือประเทศใดยังไม่ได้เริ่มใช้ AI ธุรกิจนั้น หรือประเทศนั้น จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตของ Global GDP 14%

– เกิด Fragmented Ecosystems ของ AI ซึ่งปัจจุบันหลักการของ AI แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ

  • Open Source AI: AI ที่เปิดนักพัฒนาและผู้ใช้งานทั่วไปเข้าถึงการใช้งานได้ฟรี
  • Proprietary AI: AI ที่ใช้งานภายในองค์กร ถูกเทรนโมเดลให้เหมาะกับบริบทและตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละองค์กร

– ทักษะคนทำงาน: ให้มอง AI เป็นเพื่อนร่วมงาน (Co-worker) มากกว่าจะกังวลว่า AI จะมาแทนที่ เพราะการเอา AI มาใช้ในกระบวนการทำงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดเวลาการทำงานลง 60-70%

– การเติบโตของ AI as a service: ธุรกิจให้บริการ AI รูปแบบสมัครสมาชิก เช่น ChatGPT, Gemini เติบโตขึ้นถึง 32% ในปีที่ผ่านมา

– สร้าง Customer Experience Economy: เมื่อเปรียบเทียบระหว่างธุรกิจหรือแบรนด์ที่ใช้ AI กับที่ไม่ได้ใช้ พบว่าธุรกิจ/แบรนด์ที่ใช้ AI เป็นตัวช่วยเสริมสร้างพลังให้กับธุรกิจ สามารถสร้างการเติบโตได้ถึง 18%

EGG Digital AI

 

Business Disruption: พลิกโฉมองค์กรสู่ระบบ Automation ที่คิดและตัดสินใจได้เอง

ในยุคหลังโควิด Business Context เปลี่ยนไปเร็วขึ้น และธุรกิจถูก disrupt ผ่านการใช้ระบบ Automation ซึ่งช่วยในแง่ของการคิดและตัดสินใจได้เอง โดยผลสำรวจพบว่า

– องค์กรที่นำ AI มาใช้ ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น 2-5 เท่า

– AI Self-Automation สามารถลดต้นทุน 15-25%

– ธุรกิจที่ปรับใช้ AI เข้าไปอยู่ในกระบวนการ สามารถสร้าง Innovation ได้เร็วขึ้น 40%

– องค์กรที่ใช้ AI จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 30% บน ROI (Return on Investment)

– ปัจจุบัน 75% ของธุรกิจโดยรวมได้เริ่มใช้​แล้ว ขณะที่ยังมีอีก 25% ยังไม่ได้ใช้ AI

EGG Digital AI

ในจำนวน 75% ของธุรกิจที่นำ AI ไปใช้ในธุรกิจ เพื่อวัตถุประสงค์หลักคือ 

  • ลดขั้นตอนการทำงาน
  • วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้น เร็วขึ้น และแม่นยำขึ้น
  • ใช้ด้าน Computer Vision เช่น สแกนใบหน้า
  • ใช้ Voice AI สำหรับสื่อสารตอบคำถามลูกค้า
  • นำ Robotic มาทำงานร่วมกับคน

ขณะที่ธุรกิจอีก 25% ยังไม่ได้ช้ AI มาจาก 3 ปัจจัยหลัก

  • มองว่าต้องใช้เงินลงทุน
  • เจ้าของบริษัท/ผู้บริหารมองว่าถึงเอา AI มาใช้ ก็อาจไม่มีพนักงานใช้จริง ทำให้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
  • พนักงานยังขาดทักษะด้าน AI ไม่เข้าใจวิธีการใช้งานว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับงานของตัวเองอย่างไร

EGG Digital Nexus The Fusion Frontier

 

Customer Evolution: ผู้บริโภค Fragmentation มากขึ้น และเปิดรับ Culture ใหม่

ปัจจุบันผู้บริโภคมีความ Fluid และ Fragmentation มากขึ้น โดยพร้อมจะเปลี่ยนแปลง และเปิดรับ Culture – Sub-culture ใหม่ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่ธุรกิจ หรือแบรนด์ต้องทำ คือ สร้างความเชื่อมโยง (Relevancy) กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด ผ่าน Culture หรือ Sub-culture ของผู้คน และนำแบรนด์เข้าไปอยู่ในพื้นที่หรือช่องทางที่ลูกค้าอยู่ จากผลสำรวจพบว่า

– หลังโควิด ลูกค้าเปลี่ยนแบรนด์ (Switching Brand) มากขึ้น

  • 80% ของลูกค้าเปลี่ยนแบรนด์ภายใน 1 ปี ซึ่งเป็นโอกาสใหม่ให้ลูกค้าทดลองแบรนด์ใหม่ๆ
  • 50% ของลูกค้าที่เปลี่ยนแบรนด์ไปแล้ว จะไม่กลับไปแบรนด์เดิมอีกเลย

EGG Digital AI

– Real-time Expectation: ผู้บริโภคมีความคาดหวังสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ผลสำรวจพบว่า

  • 91% ของผู้บริโภคคาดหวังให้แบรนด์ตอบสนองต่อ Need & Want ของเขาภายใน 1 นาที

– Personalized Economy: ธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ Personalization จะสร้างการเติบโตได้มากกว่าธุรกิจที่ไม่ได้ตอบโจทย์ Personalization ถึง 17.5%

– Phygital Seamless Journeys: ธุรกิจที่มี Physical Store เริ่มปรับตัวไปอยู่บนออนไลน์ และสามารถสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้ารูปแบบ Phygital Experience ที่เชื่อมต่อระหว่าง Physical และ Digital Experience ได้อย่างไร้รอยต่อ พบว่า

  • ลูกค้า 73% ต้องการประสบการณ์ไร้ร่อยต่อรูปแบบ Phygital Experience

– แบรนด์ที่มุ่งสร้าง Brand Loyalty กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สามารถรักษาฐานลูกค้าได้มากกว่าแบรนด์ที่ไม่ได้สร้าง Brand Loyalty ถึง 2.6 เท่า

เพื่อให้เห็นภาพของธุรกิจที่นำ AI มาใช้ในกระบวนการธุรกิจ และสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า เพื่อสร้างการเติบโตใหม่ ยกตัวอย่างถึง 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก (Retail), ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) และธุรกิจโทรคมนาคม (Telco)

EGG Digital AI

 

ธุรกิจค้าปลีก ใช้ AI สร้างประสบการณ์ Personalization

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวงการค้าปลีกเวลานี้ พบว่าปัจจุบัน Retailer มีการทำ Localized Assortment เพื่อตอบโจทย์ความคาดหวังและความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละโลเคชัน แต่ละจังหวัด แต่ละภูมิภาค

ขณะเดียวกัน Retailer หันมาพัฒนารูปแบบ “Hybrid Format” มากขึ้น โดยในแต่ละสโตร์ สามารถให้บริการได้ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์

นอกจากนี้ Retailer ทั่วโลกใช้ AI ในการทำโปรโมชั่น, ราคา และสร้างประสบการณ์ Personalization ให้กับลูกค้า

– คาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ธุรกิจ Retailer (Grocery Retail) จะมีมูลค่าประมาณ 4.5 ล้านล้านบาท อัตราการเติบโต 3.8%

– แบรนด์ที่เริ่มใช้ AI Promotion และ AI Pricing ช่วยสร้างการเติบโตมากกว่าแบรนด์ที่ไม่ได้ใช้ AI อยู่ที่ประมาณ 6%

– คาดการณ์มูลค่า Retail Media Network ในไทย อยู่ที่ 10,000 – 12,000 ล้านบาทต่อปี

 

ธุรกิจ FMCG ใช้ AI วิเคราะห์ความต้องการพฤติกรรมกการซื้อ และพัฒนาสินค้าใหม่

แบรนด์ในธุรกิจ FMCG มีการทำ AI-Driven Demand Sensing เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อและความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งผสานการใช้ Data ทั้งการเป็นพันธมิตรกับ Retailer นำ Retail Data มาบวกกับ Data ของตัวเอง ผสานกับ AI มาต่อยอดในการพัฒนาสินค้าใหม่ (New Product Development: NPD) ได้เร็วยิ่งขึ้น

– คาดการณ์ขนาดธุรกิจ FMCG ภายในปี 2030 จะอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านบาท มีอัตราการเติบโต 4.3%

– FMCG ที่ใช้ AI สามารถสร้างการเติบโตได้มากกว่าแบรนด์ FMCG ที่ไม่ใด้ใช้ AI เลย อยู่ที่ประมาณ 30%

– Retail Media Network กลายเป็นมีเดียที่ให้ประสิทธิภาพในการสร้าง ROAS ให้กับแบรนด์ 12%

EGG Digital AI

 

ธุรกิจ Telco ทรานส์ฟอร์มจาก Infrastructure Player สู่ Intelligence Provider

ธุรกิจ Telco ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (Telco Analysis) ในการขับเคลื่อนผลิตภาพ (Productivity) ของประเทศให้ดีขึ้น รวมทั้งเชื่อมต่อกับ Cloud, พัฒนา Cyber Security, AI เพื่อยกระดับจากเดิมที่เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม ไปสู่การเป็น Intelligence Provider

– คาดการณ์ขนาดธุรกิจ Telco ในประเทศไทยภายในปี 2030 จะอยู่ที่ประมาณ 800,000 ล้านบาท สร้างการเติบโตอยู่ที่ 4.3%

– 70% ของการเติบโตธุรกิจ Telco มาจากการทำ Quantum Analytics, AI, IoT, Solution Platform

– ธุรกิจ Telco ใช้ AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้มากถึง 20%

“ความท้าทายสำคัญของโลกยุคนี้ อยู่ที่การผสาน AI เข้ากับข้อมูล (Data) มหาศาลจากทุกมิติ และนำมาบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนผ่านระบบนิเวศการตลาดยุคใหม่

การจัดงานครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ ‘EGG Digital’ ได้นำโซลูชันล้ำสมัยด้าน AI Data Analytics, Media Convergence และ MarTech มาจัด Exhibition และเปิดตัว ‘The Matter Suite’ โซลูชันด้าน Business Intelligence & Analytics ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจเข้าใจและคาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภคและตลาด  

พร้อมสะท้อนบทบาทของบริษัทฯ ในการเป็น Nexus หรือศูนย์กลางที่เชื่อมต่อธุรกิจ เทคโนโลยี และผู้บริโภค รวมทั้งร่วมผลักดันการสร้างระบบนิเวศ AI ที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวสู่อนาคต ‘AI First’ อย่างยั่งยืน โดย AI จะสร้างโอกาสดัน GDP ของประเทศไทยเพิ่มขึ้นไปอีก 1-2%  

เราเชื่อว่าโลกยุคนี้ไม่มีใครจำเป็นต้องเก่งทุกด้าน แต่สิ่งสำคัญคือ การหาพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญด้าน AI และนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมา synergy กัน เพื่อเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดไปด้วยกัน” ดร.ธีรเดช กล่าวทิ้งท้าย

EGG Digital Nexus The Fusion Frontier


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ