เผยพฤติกรรมคุณแม่สายโซเชียล ตามแฟชั่น นิยมสินค้าออแกนิค ใส่ใจโปรโมชั่น

  • 245
  •  
  •  
  •  
  •  

shutterstock_572430436-700

หากถามว่าตอนนี้ผู้บริโภคกลุ่มไหนที่น่าจับตามองที่สุด จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก “กลุ่มคุณแม่” โดยเฉพาะคุณแม่รุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง มีพฤติกรรมการบริโภคที่แตกต่างจากกลุ่มอื่นๆ ทั้งในแง่ของการเปิดรับสื่อ การเข้าถึงเทคโนโลยี และการใช้ Social Media ในชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นกลุ่มที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการทำตลาด จากการเก็บข้อมูลของ ศูนย์วิจัยสถาบันอาร์แอลจี เผยว่า คุณแม่ยุค Digital ในไทย ประกอบด้วยกลุ่มที่กำลังคั้งครรภ์ จนถึงคุณแม่ที่มีบุตรอายุไม่เกิน 16 ปี และคุณแม่ในกลุ่มอายุ 21 – 35 ปี ซึ่งมีจำนวนประมาณ 8 ล้านคน

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เผยว่า คุณแม่สายโซเชียล หรือคุณแม่ยุคดิจิทัล เป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทั้งในด้านกำลังและอำนาจในการตัดสินใจซื้อ ทั้งยังนิยมเข้าสื่อดิจิทัล มีทัศนคติและพฤติกรรมการบริโภคที่ให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลสุขภาพ ตามกระแสแฟชั่น นิยมสินค้าออแกนิก และใส่ใจในเรื่องโปรโมชั่น

โดย 58% เริ่มมีพฤติกรรมในการรับชมโทรทัศน์น้อยลง เพราะหันไปใช้สื่อออนไลน์ บนอุปกรณ์ PC แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนมากขึ้น และกิจกรรมส่วนใหญ่คือ การเช็กอีเมล์ 85% เข้าเว็บไซต์เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก 83% ใช้ Social Media 81% ช้อปปิ้งออนไลน์ 73% และค้นหาข้อมูลทั่วไป 72% (ที่มา theAsianparent.com)

นอกจากนี้ คุณแม่ยุคใหม่ยังให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลรูปร่าง การออกกำลังกาย เกาะติดกระแสแฟชั่น ทานอาหารและเครื่องดื่มออแกนิกที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงสินค้าอื่นๆ ที่ต้องปราศจากสารเคมี ทั้งนี้ หากสินค้ามีรูปลักษณ์ หรือบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดใจ พร้อมโปรโมชั่นดีๆ พวกเขาก็พร้อมจะแชร์ต่อไปยังเพื่อนๆ ใน Social Media ของตัวเอง

จากการเก็บข้อมูลของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พบว่า 5 กลุ่มสินค้าที่จะตอบสนองความต้องการของคุณแม่สายโซเชียลได้มีทั้งสิ้น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าสำหรับเด็ก อุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ อุตสาหกรรมแฟชั่น อุตสาหกรรมด้านอุปกรณ์ดิจิทัลและบริการแอปพลิเคชัน และอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง

1. กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าสำหรับเด็ก

ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มากที่สุดพบว่า จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชั่นหรือคุณสมบัติพิเศษ โดยเฉพาะสินค้าที่ชูในเรื่องของการส่งเสริมความฉลาดหรือพัฒนาการจะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูง โดยอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ ได้แก่ อุตสาหกรรมเสื้อผ้า โดยมีปัจจัยจากพัฒนาการทางการเติบโตและกระแสแฟชั่น โดยเฉพาะเสื้อผ้าในกลุ่มเส้นใยธรรมชาติและฝ้าย อุตสาหกรรมด้านผลิตภัณฑ์สำหรับชีวิตประจำวันและของเล่น เช่น ครีมอาบน้ำ ผ้าอ้อม ของเล่นที่ผลิตจากยางพารา และอุตสาหกรรมอาหารสำหรับเด็ก อาทิ นมผง อาหาร ขนมพร้อมรับประทาน ทั้งนี้ ในปี 2558 -2563 มีการคาดการณ์ว่ากลุ่มอาหารทั่วโลกจะมีการเติบโตร้อยละ 6 ต่อปี มีมูลค่าราว 7.3 หมื่นล้านดอลล่าร์ฯ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ได้แก่ อินเดีย จีน และอินโดนีเซีย (ที่มา Exim Bank)

2. อุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ

ผู้บริโภคในกลุ่มคุณแม่ยุคดิจิทัล ถือว่าเป็นกลุ่มต้นๆ ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในเรื่องรูปร่าง ผิวพรรณ ระบบภายใน และการรักษาโรค โดยในกลุ่มนี้ยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังและยินดีในการใช้จ่ายเพื่อการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดแม้จะราคาสูง สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้สูงสุดก็คือ อาหารเสริมความงาม อาหารเสริมสุขภาพและรักษาโรค และอาหารเสริมเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย โดยมีมูลค่ารวมกันกว่า 6.67 แสนล้านบาท ซึ่งยังมีการคาดการณ์ไว้อีกว่าในปี 2560 จะเติบโตขึ้นอีกประมาณ 11 % หรือ 7.38 แสนล้านบาท (ที่มา ศูนย์วิจัยธ.ไทยพาณิชย์) โดยผู้ประกอบการที่ต้องการอาศัยโอกาสดังกล่าวจะต้องเน้นการขยายตลาดในเชิงลึก ด้วยการมุ่งเน้นนวัตกรรมใหม่ๆ และคุณสมบัติที่หลากหลาย เพื่อให้สินค้าเกิดความน่าสนใจมากขึ้น

3. อุตสาหกรรมแฟชั่น

กว่า 91% ของคุณแม่วัย 21-35 ปี และส่วนใหญ่ยังคงมีการดำเนินชีวิตประจำวันใกล้เคียงกับตอนมีบุตร โดยเฉพาะการตามกระแสแฟชั่น ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้เองก็ถือได้ว่ามีทางเลือก โดยเฉพาะการเน้นการออกแบบที่มีประสิทธิภาพขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตัดเย็บเสื้อผ้า ไซส์ของเครื่องแต่งกาย การออกแบบลวดลาย สี และรูปทรงของเครื่องประดับและอุปกรณ์เพื่อการสวมใส่ที่สอดคล้องกับผู้หญิงบุคลิกต่างๆ มากขึ้น นอกจากนี้ผู้ประกอบการบางรายยังได้พัฒนานวัตกรรมและฟังก์ชั่นเพื่อชูจุดเด่นของแบรนด์สินค้า เช่น เสื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยฟิลาเจน อาทิ ชุดคลุมท้อง ถุงเท้า ผ้าขนหนู สิ่งทอจากเส้นใยสับปะรด เสื้อผ้ากันน้ำ ซึ่งเชื่อว่าแฟชั่นไทยในปีนี้จะยังคงมีการเติบโตที่ระดับ 9 แสนล้านบาทตามคาด

4. อุตสาหกรรมด้านอุปกรณ์ดิจิทัลและบริการแอปพลิเคชั่น

พฤติกรรมของผู้บริโภคในกลุ่มนี้ยังคงต้องการเข้าสังคม ชอบความบันเทิง ชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ใช้ง่ายไม่ซับซ้อนเพื่อช่วยลดภาระ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับตัวเองและครอบครัว สำหรับกลุ่มสินค้าและการบริการในกลุ่มนี้ถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่โตเงียบ เนื่องจากมีผู้ประกอบการในตลาดน้อยรายแต่มีความต้องการในปริมาณมาก ซึ่งสินค้าที่กลุ่มนี้นิยมเลือกซื้อและมีความน่าสนใจ อาทิ ร้านค้าออนไลน์ เครื่องปั๊มและถุงเก็บน้ำนม เบบี้มอนิเตอร์ อุปกรณ์เสริมเพื่อการถ่ายภาพ แอปพลิเคชั่นด้านเดลิเวอรี่ อาทิ บริการทำความสะอาด ขนส่ง แอปพลิเคชั่นเพื่อการติดตามลูก อุปกรณ์เครื่องทำความสะอาดอัตโนมัติ เป็นต้น

5. อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง

จากค่านิยมเรื่องความสวยความงาม และการดูแลตนเอง เครื่องสำอางได้กลายเป็นสินค้าที่ก้าวเข้ามามีบทบาทกับผู้บริโภคสตรีแทบทุกวัย โดยยังถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคยอมจ่ายเนื่องจากกำลังซื้อ ความภักดีต่อแบรนด์ และโฆษณาชวนเชื่อจากสื่อต่างๆ สำหรับความนิยมและการเติบโตในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของกลุ่มคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์พบว่าต้องการสินค้าประเภทให้ความชุ่มชื้น ดูแลผิวพรรณ ลดภาวะการเกิดสิว ส่วนคุณแม่อื่นๆ ยังคงนิยมทั้งด้านผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลและผลิตภัณฑ์เพื่อการตกแต่ง อาทิ ลิปสติก น้ำหอม ผลิตภัณฑ์ปกปิดริ้วรอย อย่างไรก็ดีมีการคาดการณ์ว่าในปี 2560 นี้ อุตสาหกรรมเครื่องสำอางน่าจะมีการเติบโตที่เกือบระดับ 3 แสนล้านบาท (ที่มา: คลัสเตอร์เครื่องสำอางไทย) โดยเทรนด์ที่ผู้ประกอบการยังต้องปรับในอนาคตคือ ลดการใช้น้ำ เน้นผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ รวมถึงการผลิตเครื่องสำอางสำหรับเด็ก เป็นต้น


  • 245
  •  
  •  
  •  
  •