แม้ในช่วงที่ผ่านมาเทคโนโลยี Metaverse จะไม่ถูกพูดถึงมากนักแต่เทคโนโลยีนี้ยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตโลก Metaverse จะเป็นอีกโลกหนึ่งที่ผู้คนจะสามารถเข้าไปสร้างชุมชน มีปฏิสัมพันธ์ รวมไปถึงการทำธุรกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการในโลกแห่งความเป็นจริงได้ และหนึ่งในนั้นก็คือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าบริการด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย
นั่นจึงเป็นที่มาของความร่วมมือกันระหว่าง บริษัท บิทคับ บล็อกเชน เทคโนโลยี จำกัด และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกันเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในการใช้เทคโนโลยี Metaverse เป็นช่องทางใหม่ในการโปรโมท รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
Bitkub Metaverse
สำหรับ Bitkub Metaverse เป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างระหว่างบริษัท บิทคับ บล็อกเชน เทคโนโลยี จำกัด และ The Monk Studio บริษัทที่เชี่ยวชาญการออกแบบและผลิตอนิเมชั่นระดับโลกหลายต่อหลายเรื่องโดยกิจการทั้งหมดใน Metaverse จะบริหารงานภายใต้บริษัท XRB Galaxy บริษัทที่มีชื่อเดียวกันกับธีมในโลก Metaverse แห่งนี้
สิ่งที่อยู่ในโลกเสมือนจะมีฟีเจอร์ภายใต้ Bitkub Chain เกือบทั้งหมดอย่าง Decentralized Financial, Game Financial และ NFT Market รวมถึงการเนรมิตดินแดนบนโลกจริงเข้าไปอยู่ใน Metaverse ผู้คน บริษัทหรือแบรนด์สามารถเข้าไปจับจองซื้อที่ดินในโลกแห่งนี้ได้ โดยที่ดินจะมีมากกว่า 10,000 Units แบ่งเป็น 5 ขนาด คือ SS, S, M, L และ XL มีทั้งหมด 6 โซน ประกอบด้วย Bitkub City, XRB City, Mutelulu, Port Town, The Oasis (Lake Land) และ Pioneer Village โดยผู้ใช้งานสามารถสร้างบ้าน ทำธุรกิจ เปิดร้าน รวมถึงใช้ทำการตลาดในด้านต่างๆได้ด้วยและล่าสุด ททท. ก็จะเป็นหน่วยงานที่จะมีอาคารสูงอยู่ในใจกลาง Metaverse แห่งนี้ด้วยเพื่อเป็นจุดโชว์เคส และนำผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวไปยังโลกแห่งความจริงได้
ททท.ได้ประโยชน์อะไร?
ททท.เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่นำแนวคิดเรื่อง Digital Transformation ไปใช้ในองค์กรตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสู่เศรษฐกิจดิจิทัล หนึ่งในนั้นก็คือการนำเอาเทคโนโลยีเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี บล็อกเชน Web3 เกม NFT รวมไปถึง Metaverse เข้ามาใช้ในการทำงานขององค์กร
คุณนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเริ่มต้นด้วยการนำอาคารของ ททท. เข้าไปอยู่ใน Metaverse แห่งนี้โดยในอาคารนี้ผู้เล่นก็จะสามารถเข้าไป สัมผัสกับประสบการเสมือนจริงที่เกี่ยวข้องกับ Soft Power ของไทยไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว อาหาร กีฬาอย่างมวยไทย รวมถึงเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ประกอบการการท่องเที่ยวได้ด้วย
สิ่งที่สามารถทำได้เพื่อช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวประเทศไทยในโลก Metaverse ยกตัวอย่างเช่น
- เป็นช่องทางสัมผัสประสบการแบบ immersive ของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆก่อนเดินทางไปสถานที่จริง
- ใช้ NFT เป็น Voucher สร้างมูลค่ามาใช้ซื้อสินค้าหรือบริการในโลกแห่งความเป็นจริงได้
- ใช้ Game แบบ Play to Earn เผยแพร่อัตลักษณ์ เช่นเกมชกมวยกับบัวขาว ชนะได้ NFT ที่สามารถนำมาแลกของหรือสิทธิเดินทางไปยังค่ายมวยของบัวขาวตัวจริง หรือการเล่นเกมทำไข่เจียวเจ๊ใฝในโลกเสมือนแลกส่วนลดที่ร้านเจ๊ใฝในโลกจริงได้
- การนำลายผ้าภูมิปัญญาท้องถิ่นมาทำเป็น NFT สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในท้องถิ่นที่มีรายได้จากการซื้อขายแลกเปลี่ยน NFT ชิ้นนั้นไปตลอด
- เป็นช่องทางสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมที่พักสร้าง immersive experience ก่อนพักจริง หรืออาจทำ Game แบบ Play to Earn แลก Gift Voucher NFT ที่สามารถนำมาใช้เป็นส่วนลดที่พัก
- โปรโมทเครื่องแต่งกายหรือเครื่องประดับเอกลักษณ์ของประเทศ ที่อาจนำมาใช้เชื่อมโยงกับการซื้อสินค้าลักษณะเดียวกันในโลกแห่งความจริงได้
ทำไม Bitkub Metaverse ต้องจับมือกับ ททท.?
หนึ่งในปัญหาของโลก Metaverse คือการนำสถานที่หรือสิ่งของที่มีอยู่ในโลกแห่งความจริงเข้าไปอยู่ในโลก Metaverse จากปัญหาเรื่องของลิขสิทธิ์รวมถึงการขออนุญาตจากเจ้าของสถานที่ต่างๆ ที่ในหลายๆ Metaverse เช่นในต่างประเทศเคยเกิดปัญหามาก่อนหน้านี้แล้ว
ดังนั้นการมีองค์กรใหญ่อย่าง ททท.เข้ามาร่วมมือด้วยก็จะสามารถเป็นตัวกลางในการขอสิทธิ์ในการนำสถานที่ต่างๆเข้ามาอยู่ใน Metaverse ได้เช่น ททท.จะสามารถเป็นตัวกลางประสานกับเจ้าอาวาสวัดอรุณ เพื่อนำ วัดอรุณเข้าไปปรากฏอยู่ใน Metaverse ได้ นอกจากสถานที่แล้วก็ยังรวมไปถึงงานศิลปะไทยรูปแบบต่างๆ เช่น ลายผ้า เครื่องเงิน เสื่อผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ไทย หรือแม้แต่เครื่องประดับที่อาจมีแบรนด์หรือมีลิขสิทธิ์ต่างๆก็จะช่วยประสานขอสิทธิ์หรือแม้แต่ซื้อลิขสิทธิได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง
Metaverse จะเติบโตในระยะยาว
โลก Metaverse แม้จะเคยเป็นเรื่องฮือฮาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแต่ในช่วงนี้ไม่ถูกพูดถึงมากนัก แต่ CEO บิทคับ บล็อกเชน อย่างคุณ คุณภาสกร ปานนอก ก็ยืนยันว่า bitkub ไม่ได้มองว่า Metaverse จะโตใน 1-2 ปี แต่มองระยะยาวในหลัก 10-20 ปี พร้อมกับยืนยันว่า อนาคตโลกจะเปลี่ยนไป โลกเป็นแบบ New Normal คนอยู่ในโลกดิจิทัลมากขึ้น และจะค่อยๆซึมเข้ามาสู่วิถีชีวิตของคนมากยิ่งขึ้น คนเราสามารถมีชีวิตทั้งในโลกความจริงและโลกเสมือนได้ สามารถเข้าไปมีกิจกรรม สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆได้ด้วย เช่นเดียวกันนักท่องเที่ยวที่สามารถสัมผัสประสบการณ์ต่างๆที่ไม่สามารถทำได้ในโลกจริง ส่วนผู้ประกอบการก็สามารถมีช่องทางใหม่ๆที่จะเข้ามาสร้างมูลค่าของสินค้าและบริการผ่าน Metaverse ได้ เรียกได้ว่า Metaverse จะเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนเข้าไว้ด้วยกัน
เริ่มเล่นได้เมื่อไหร่?
คุณภาสกร เปิดเผยว่า Bitkub Metaverse จะเปิดให้บริการแบบ beta ช่วงเดือนมิถุนายนนี้ และจะเปิด official public ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้สำหรับใครที่อยากเล่นก่อนก็รอประกาศจากทาง bitkub ผ่านทาง Facebook Fanpage Bitkub Metaverse ได้เลย
แม้ Metaverse จะไม่ได้รับการพูดถึงมากนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ความร่วมมือระหว่าง Bitkub และ ททท.ในครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นถึงความเป็นไปได้ของ Metaverse ที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนเรามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทในแง่ของ “การตลาด” ที่จะเป็นอีกช่องทางในการเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการของผู้ประกอบการ รวมถึงมีบทบาทกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวม
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดการมีส่วนร่วมจาก “ผู้เล่น” ที่จะก้าวเข้าไปสู่โลก Metaverse แห่งนี้ ซึ่งทาง Bitkub ก็ต้องเป้าที่จะมีผู้เล่นในเฟสแรกมากถึง 300,000 ราย และมีเป้าหมายใหญ่ที่ 1 ล้านราย ซึ่งเราก็ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าจะได้รับความนิยมมากแค่ไหน
