GMM Music โตแกร่งสวนกระแสเศรษฐกิจ โชว์ผลงานไตรมาส 1 ปี 68 รายได้โตพุ่งทะยานเกือบ 20%

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

[ข่าวประชาสัมพันธ์]

 

จีเอ็มเอ็ม มิวสิค (GMM Music) เผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 แข็งแกร่งเกินคาด เติบโตสวนทางกับสภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ผันผวน ย้ำธุรกิจเพลงแตกต่างจากธุรกิจสื่อ เติบโตด้วยสภาวะตลาดที่มีศักยภาพ รวมถึงการวางแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก – ได้แก่การบริหารธุรกิจดิจิทัลมิวสิค, การบริหารธุรกิจลิขสิทธิ์, การบริหารธุรกิจศิลปิน และการบริหารธุรกิจโชว์บิซ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา GMM Music เดินหน้าเสริมแกร่งให้ทุกกลุ่มธุรกิจ พร้อมเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตทั้งในแง่คุณภาพและประมาณ ควบคู่กับการผนึกกำลังเชิงลึกกับพันธมิตรระดับโลกและระดับเอเชียอย่าง Tencent, TME, Warner Music ASIA , YG และ LDH เพื่อสร้างสรรค์ผลงานและโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในฐานะ Music Pure Play อย่างต่อเนื่องตลอดปี 68 นี้

 

นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน)

 

นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้สภาพเศรษฐกิจไทยจะเกิดความผันผวนอย่างหนัก หลายธุรกิจในอุตสาหกรรม Entertainment ถูก Disrupt และ เกิดภาวะชะลอตัวทางรายได้ แต่ธุรกิจเพลงยังคงเป็นเซ็กเตอร์ในอุตสาหกรรมเอนเตอร์เทนเมนต์ที่แข็งแกร่ง เติบโตผ่านพ้นกระแส Disruption ด้วยความมั่นคง และปรับตัวเข้าสู่ Growth Stage ได้เป็นอย่างดี ซึ่งผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของเราในปี 2567 และไตรมาสแรกของปี 2568 เกิดจากความสำเร็จของกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างครอบคลุมทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว รวมถึงการบริหารจัดการด้วยความเชี่ยวชาญของทีมงานที่มีประสบการณ์ การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์ และปรับเปลี่ยนให้ทันกับตลาดและผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วทันเกม”

 

 

ในปี 2567 GMM Music สร้างปรากฏการณ์ด้วยการสร้างรายได้รวมกว่า 4,056 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) เฉลี่ยอยู่ที่ 15% ต่อปี และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 8.03% เมื่อเทียบกับงวดสิ้นปี 2566 โดยบริษัท ฯ มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10.73% รักษาระดับใกล้เคียงกันกับปีที่ผ่าน ๆ มา โดยมีอัตราเติบโตของกำไรเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) เฉลี่ย 19.53% ต่อปี

 

 

สำหรับไตรมาสแรกของปี 2568 GMM Music ยังคงรักษาผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้รวม 1,073.18  ล้านบาท เติบโตเกือบ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 155.39  ล้านบาท เติบโตขึ้น 46.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ผลการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ 4 เสาหลักในไตรมาส 1 ปี 68

  • กลุ่มธุรกิจดิจิทัลมิวสิค (Digital Streaming) มีรายได้ 30 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากธุรกิจ Digital Subscription จาก Platform Streaming ต่าง ๆ แม้รายได้จากการโฆษณาใน Video Streaming และ Audio Streaming Platform (Ad Revenue) จะลดลงเล็กน้อยตามภาวะการใช้เงินในตลาดที่หดตัว แต่ไม่ส่งผลกระทบกับภาพรวมของกลุ่มธุรกิจ โดยปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ คือการเติบโตของรายได้ประจำ (Recurring Revenue) จากการบริหารจัดการลิขสิทธิ์เพลง (Music IP) อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้ง New Release หรือเพลงใหม่ และ Music Back Catalog หรือคลังเพลงฮิตจำนวนมหาศาลที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย
  • กลุ่มธุรกิจบริหารลิขสิทธิ์ (Right Management) ยังคงเติบโตท้าทายสภาวะตลาดในปัจจุบันด้วยรายได้กว่า 94.42 ล้านบาท อันเป็นผลจากการวางกลยุทธ์ล่วงหน้า และการวางแผนงานระยะยาวร่วมกับพาร์ทเนอร์สาขาต่าง ๆ และการเติบโตของการจัดงานคอนเสิร์ตและ Music Festival ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • กลุ่มธุรกิจบริหารศิลปิน (Artist Management) ยังคงรักษาเสถียรภาพได้ดีด้วยรายได้จากงาน Sponsorship เพิ่มขึ้นกว่า 108% ขณะที่ส่วนของงานจ้างศิลปิน (Live Show) มีอัตราการจ้างงานอยู่ในมาตรฐานเดิม ในขณะที่ส่วนของงาน Presenter และ Tailormade มีผลประกอบการลดลงเล็กน้อย เนื่องด้วยความผันผวนของเม็ดเงินการโฆษณาในแต่ละไตรมาส
  • กลุ่มธุรกิจโชว์บิซ (คอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรี) ทำรายได้สูงสุดที่ 358.68 ล้านบาท สร้างปรากฏการณ์เติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 45% และจำนวนคนดูกว่า 220,000 คน ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวหรือกว่า 100% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากความสำเร็จอย่างล้นหลามของ Music Festival ระดับประเทศในช่วงไตรมาส 1 นี้ อาทิ เทศกาลดนตรี Rock Mountain, เฉียงเหนือเฟส, พุ่งใต้เฟส, นั่งเล มิวสิคเฟสติวัล และเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้นใหม่อย่าง FAAD Festival รวมถึงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่อย่าง Cocktail Ever Live ที่ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากแฟนเพลง

“นอกจาก 4 เสาธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ได้อย่างมั่นคงและแข็งแรง อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ GMM Music ยังสามารถรักษาการเติบโตได้ดี คือธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานอย่าง BLKGEM สถาบันศิลปะบันเทิงที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง GMM Music และ Harlem Shake ซึ่งบริหารโดยครูเจด้า – อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง สามารถสร้างรายได้ที่เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 83% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา” ภาวิตเสริม

ในด้านการผลิตคอนเทนต์ GMM Music มียอดการรับชมวิดีโอและฟังเพลงเติบโตกว่า 26% เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยส่วนของการรับชมวิดีโอ มีการเติบโตถึง 22% ด้วยยอดรับชม (วิว) จาก 4,472 ล้าน เป็น 5,492 ล้าน โดยส่วนของ Back Catalog เติบโต 13% ขณะที่ผลงานใหม่ (New Release) เติบโต 25%  และส่วนของเพลงประเภท Audio เติบโต 49% ด้วยยอดรับฟัง (สตรีมมิ่ง) จาก 629 ล้าน เป็น 939 ล้าน โดยส่วนของ Back Catalog เติบโต 10% และผลงานใหม่ (New Release) เติบโต 24% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

 

กลยุทธ์ในช่วงครึ่งหลังปี 68

GMM Music คาดว่าภาวะการแข่งขันในธุรกิจโชว์บิซจะรุนแรงยิ่งขึ้น โดยประเทศไทยจะมีการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินไทยและต่างประเทศมากกว่า 1,000 งานในปีนี้ ทั้งนี้ โดยปกติบริษัทฯ ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า 1 -2 ปีสำหรับธุรกิจนี้ โดยพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ทั้งเทรนด์ ของผู้ชม การวางตำแหน่งแบรนด์ ตลอดจนการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร ซัพพลายเออร์ และการพัฒนาคุณภาพทีมงาน ซึ่งในปี 68 นี้ นอกจากจะมีแผนจัด Music Festival ในหลากหลายพื้นที่และมีการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินในสังกัดแล้ว ยังมีคอนเสิร์ตและแฟนมีทของศิลปินเกาหลี เช่น Le Sserafim Tour ‘Easy Crazy Hot’ in Bangkok, 2025 Han So Hee 1st Fanmeeting World Tour [Xohee Loved Ones,] in Bangkok และคอนเสิร์ตจากศิลปินนานาชาติอีกมากมาย

ภาวิตให้ความเห็นว่าภาวะตลาดโชว์บิซมีการแข่งขันที่สูงขึ้นและมีผู้เล่นใหม่ ๆ รวมตัวกันเข้ามา เป็นสิ่งที่ดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม และบริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันอยู่ตลอดด้วยการวางกลยุทธ์เชิงรุกทั้งระยะสั้น กลาง และยาวอย่างมีแบบแผน ความได้เปรียบด้านโครงสร้างบริษัท ประสบการณ์ของทีมงาน และองค์ความรู้ในธุรกิจที่มีมาอย่างยาวนาน รวมถึงการมี Big Data ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเพลงทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากหลากหลายมิติมาช่วยประกอบการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ

ในส่วนของธุรกิจดิจิทัลมิวสิค จะมีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในเชิงลึกเพื่อสรรหาแนวทางและโมเดลธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้เติบโตมากขึ้น ตลอดจนการใช้ยุทธศาสตร์เฉพาะทางในการบริหาร Back Catalog และ New Release อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งน่าจะสามารถสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการผลิตคอนเทนต์ โดยปกติบริษัทจะมีการวางกลยุทธ์ 3 ปี ล่วงหน้าโดยเราจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับ 14 ค่ายเพลงในสังกัด พร้อมเดินหน้าแผนจัดตั้งค่ายเพลงอินเตอร์จำนวน 2 ค่ายร่วมกับ Tencent Music Entertainment (TME) และ Warner Music Asia ซึ่งพร้อมจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้  โดยวางเป้าหมายขยายสเกลของพอร์ตโฟลิโอเพลงโดยรวมของบริษัทด้วยผลงานเพลงใหม่ ๆ ทั้งเชิงคุณภาพ และปริมาณ ไม่น้อยกว่า 500 เพลง และ 3,000 Playlists  ภายในปี 68 นี้

“เราเชื่อมั่นว่า GMM Music จะยังสามารถเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจได้ตลอดทั้งปี 68 นี้ ด้วยความมุ่งมั่นของเราในการสร้างความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมเพลงไทย ซึ่งไม่ใช่แค่การเติบโตทางธุรกิจ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศทางดนตรีที่ยั่งยืนและครอบคลุม ตั้งแต่การพัฒนาศิลปินรุ่นใหม่ การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่หลากหลาย การใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเพลงไทยสู่ New Music Economy ด้วยการเป็น Music Pure Play ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ” ภาวิตกล่าวสรุป

[ข่าวประชาสัมพันธ์]


  •  
  •  
  •  
  •  
  •