เปิดปีใหม่ 2024 ด้วยตัวพ่อแห่งวงการโฆษณา กับบุคคลที่ถูกยกให้เป็นนัมเบอร์วันแห่งความเท่ แต่เขาไม่ได้แค่หล่อเท่เท่านั้น แต่ยังการันตีด้วยเจ้าของรางวัลโฆษณากวาดมาแล้วหลายเวทีทั่วโลก พร้อมกับการเป็นกรรมการตัดสินรางวัล Cannes Lions 2023 อีกด้วย ได้แก่ “คุณพีท ทสร บุณยเนตร” CCO, BBDO Bangkok” ที่เขาจะมารีวิวถึงผลงานโฆษณา 3 ชิ้นที่ชื่นชอบในปีที่ผ่านมาให้เราได้นำไปศึกษากันว่า มือระดับเทพแบบนี้เขาทรีบิวท์ให้โฆษณาตัวไหนกันบ้าง ป่ะ! โก โก …
#1 Apple “The Lost Voice”
โฆษณาขายฟีเจอร์โทรศัพท์ ที่คิดมาเพื่อทุกคนจริงๆ
.ผมชอบมาก (ก ไก่ล้านตัว) พูดตรงๆว่า ชอบกว่า The Greatest ปีที่แล้วอีก มันเป็นหนังขายฟีเจอร์ครับ น่าจะเป็น Global Direction ของ Apple คือหนังขายของทุกเรื่อง แต่หาวิธีการ Entertainment มาครอบ ตั้งแต่ Shot by iPhone แล้วล่ะ มาพูดถึงงานชิ้นนี้กัน
.DEI คือธีมหลักของคานส์ในช่วงสองสามปีหลัง Diversity Equality and Inclusivity ซึ่งปีที่แล้ว แอปเปิ้ลได้กรังปรีจากงาน The Greatest กับหนังฟีเจอร์ขาย Accessibility งานนี้ก็ขายฟีเจอร์เหมือนกัน แต่ขายฟีเจอร์เดียวครับ ซึ่งตอนหนังทวิสมา คือผมขนลุกไปเลยอะ เอาจริงๆ
หนังโฆษณาใช้วิธีการ Narrative โดยผู้ชายคนนึง เล่าเรื่อง เด็กผู้หญิง ที่ทำเสียงหายไปในป่า โดยมีเจ้ามอนสเตอร์ กระต่าย ผู้น่ารักช่วยเธอหาเสียงนั้น ระหว่างที่ดู ผมก็มีคำถามว่า “เด็กก็พูดได้นิ เสียงอะไรหายไปวะ?”
เนื้อเรื่องก็ดำเนินต่อไป เหมือนคนดู และเด็กผู้หญิง หลงทางในเทพนิยายบางอย่าง มี Creator หน้าตาน่ารัก อยู่ตลอดเรื่อง แต่มันมาพีคตอนจบนี่แหละ!
จากภาพ CGI กล้องก็คัทมาเป็นห้องนอน ที่มีหนังสือนิยาย ภาพเดียวกันกับที่เล่ามาทั้งเรื่อง เห็นคุณพ่อคนนึง นั่งเล่านิทาน แต่ไม่ใช่เสียงตัวเอง
เค้าใช้ iphone เล่านิทานให้ลูกฟัง
เด็กผู้หญิงพูดกับพ่อว่า “Can you read again?” โห ช็อตนี้ ขนลุกซู่เลย จนต้องมาเปิดอ่าน บทสัมภาษณ์
คราวนี้ขนลุกกว่าเดิม!!
เพราะผู้ชายที่อยู่ในตอนเฉลยนั้น คือ Dr. Tristram Ingham นักฟิสิกซ์ ที่มีอาการป่วย facioscapulohumeral muscular dystrophy จนทำให้เค้าไม่สามารถออกเสียงได้ แต่ด้วยฟีเจอร์ของไอโฟนอันใหม่ ทำให้เสียงเค้าถูกเซฟไว้ในไอโฟน และสามารถอ่านนิทานให้ลูกฟังได้
น้ำตาไหลพรากกกกกก
เชี่ยยย หนังโคตรดี !!!!!!!!
.ผู้กำกับงานนี้คือ
Taika Waititi ผกก. ภาพยนตร์ ที่เคยทำเรื่อง Jojo Rabbit / เทพเจ้า Thor หรือ mokumentary เรื่อง what we do in the shadow (Dracula).
.ผมชอบงานแบบนี้ ทั้งขายของ และซื้อใจคนดูไปด้วย Gold คานส์รออยู่เลยครับงานนี้
#2 Boonthavorn “The Door Poster”
โฆษณาที่เปิดประตูสนทนาเรื่องบ้าน ได้เห็นภาพที่สุด
ใครเคยแต่งเติมบ้าน ตกแต่งบ้าน บ้างครับ?
สิ่งที่ปวดหัวที่สุดนอกจากผู้รับเหมาแล้ว ก็คือการต้องทะเลาะกับพ่อแม่ ปู่ย่าตายายนี่แหละ! และสุดท้าย มันมักจะจบแบบ Compromise ป่ะ (ฟิลแบบ บ้านมินิมอล มูจิ ที่มีเก้าอี้ไม้สักพร้อมหมอนสามเหลี่ยม ฮืออ)
ถามว่า ปัญหานี้มันแก้ไขยังไง? ถ้าใครบอกว่า ใครออกเงิน ก็ให้เค้าตัดสินสิ! อาจจะโดนแม่ผมตีมือเลยนะครับ
ปัญหานี้มันไม่ได้แก้ไขง่ายขนาดนั้น แต่สิ่งสำคัญคือ ควรคุยกันก่อนทำบ้าน อันนี้เป็น Key มากกว่า หลายครอบครัวไม่คุยกันก่อนทำบ้าน พอบ้านเสร็จ ก็หงุดหงิด ติดอยู่ในใจ ผมเลยคิดว่าสิ่งที่ “บุญถาวร” ทำ น่าสนใจครับ
เค้าเปลี่ยนโบรชัวบ้าน ที่ทุกคนก็เห็นตั้งแต่โลกเอียงตัว ให้กลายมาเป็น The Door Poster เป็นโปสเตอร์ ที่ให้คุณไปแปะกับประตูบ้าน เพื่อจะได้เห็นว่า ห้องที่อยู่ข้างหลัง มันใช่ที่อยากได้มั๊ย ผมนึกออกเลยว่า ถ้าแม่ตื่นตอนเช้า ลงมาจะเข้าไปทำกาแฟ แล้วเจอว่า ห้องกินข้าว กลายเป็นสไตล์ Bali น่าจะตกใจ และเรียกผมมาถามว่าเกิดไรขึ้น เราก็จะได้คุยกันละ ว่า เนี้ยะ แม่อยากทำห้องแบบนี้ไหม
สิ่งที่ไอเดีย The Door Poster ทำคือ ชวนคุณเข้าไปในเว็บไซต์ของ Boonthavorn กด เลือกห้องที่อยากได้ พิมคีย์เวิร์ดว่าอยากอยู่สไตล์ไหน สี โทนอะไร แล้ว AI มันจะ Generate ห้องนั้นออกมาเป็น Door Poster พอคุณได้ภาพนี้มา ก็เอาไปแปะประตูหน้าห้องเหล่านั้น
เอาง่ายๆ มันเหมือน hologram ในชีวิตจริงเลย เพื่อให้คุณไปคุยกับคนที่บ้าน ว่าคิดยังไง ถ้าอยากซื้อ ในภาพ Poster มันมี QR Code ก็สแกนแล้วซื้อได้เลย ครบลูป สุดๆไปเลย
ถามผมนะ ไอเดียนี้มันแก้ปัญหาที่ว่า โบรชัว มันไม่ช่วยให้เห็นภาพ เลย Develop ให้เป็น Door Poster แทนครับเรียกว่า อยากอยู่อย่างนี้…ด้วยกัน ของจริง / Live Our Way
#3 Etihad “Impossible Orchestra”
โฆษณาที่เสียงสูงที่สุด
มีใครเคยเห็น Viral Video ที่มีแอร์กระโดดออกจากเครื่องบิน แล้วเล่นดนตรีเพลง Mission Impossible บ้างครับ นี่แหละครับงานนี้เลยยย
เวลาพูดถึงหนังเรื่อง Mission Impossible เราก็จะนึกถึง “ทอม ครูซ” กระโดดออกมาจากเครื่องบินเป็นว่าเล่นเลย(ซึ่งใครที่ยังไม่เคยรู้ เค้าเล่าเองแบบไม่มีสแตนอินเลยนะ) พอจะโปรโมตหนังเรื่องนี้ทั้งที สายการบิน Etihad เค้าเจอโอกาส เลยทำแคมเปญโปรโมตที่วินๆ ทั้งคู่ โดยจ้างสตั้นแมน ที่เป็นนักดนตรีด้วยนะ มากระโดดลงจากเครื่องบิน แล้วเปิด Orchestra กลางอากาศ ที่ความสูง 13,000 feet above หรือ 3,962 เมตรจากพื้น!
พวกเค้าเล่นไวโอลีน กีต้าร์ กลองไฟฟ้า เบส บนฟ้าเลยครับ (มีเบื้องหลังด้วยนะ ไปลองหาดูได้ สนุกมากก) ตอนจบร่มก็ถูกกาง (ตอนแรกนึกว่าจะมีเล่นมุก ร่มไม่กาง) แล้วก็เป็น Title Mission Impossible โปรโมตหนังทอมครูซนี่แหละแต่จบด้วยโลโก้ Etihad พร้อม Tageline Nothing is impossible
หง่อววว เรียกว่าจบให้เกี่ยวกันได้ครับ
ชอบในความ Make it Happens ของครีเอทีฟงานนี้มากๆ Ali Rez และทีมงาน เก่งมากๆเลยครับ
เป็นไงกันบ้างกับ 3 โฆษณา โดย “พีท ทสร” มีอันไหนโดนใจคุณกันบ้าง
สำหรับบทความหน้าจะเป็นใครที่จะมาร่วมแชร์โฆษณา 3 ชิ้นกับ “แชร์ โฆษ-มา-ทรี” โปรดติดตาม.