ปกติแล้วในรายการแข่งขันกีฬาทั่วไปนั้น นอกจากนักกีฬาอาชีพหรือนักกีฬาที่มีชื่อเสียงจะได้รายได้จากโฆษณาและตราต่างๆบนอกเสื้อแล้ว ยังได้เงินค่าสปอนเซอร์จากแบรนด์ยี่ห้อเสื้อชุดแข่งและอุปกรณ์ที่ใช้ด้วย
… และก็แน่นอนว่าทั้งเสื้อผ้าชุดแข่งและอุปกรณ์นั้นได้มาฟรีๆแน่นอน และทุกๆตารางนิ้วบนตัวนักกีฬาก็เป็นเงินเป็นทองทั้งสิ้น
ซึ่งในการแข่งขันกีฬาที่มีคนเข้าร่วมมากๆ เปิดกว้างให้คนทั่วไปสมัครแข่งได้ เช่นการสิ่งมาราธอน และการแข่งขี่จักรยานทางไกลนั้น ยังมีคนทางบ้านมากมายที่ต้องหาอุปกรณ์และเสื้อผ้าเอง โดยบรรดาแบรนด์สินค้าต่างๆรวมถึงเครื่องกีฬาชุดกีฬาต่างหากันไปจ่ายค่าสปอนเซอร์และให้ชุดให้อุปกรณ์กับนักแข่งดังๆกันหมด
แต่ล่าสุดกับการแข่งขันจักรยาน Tour De France ที่ใกล้จะมาถึงนี้ แบรนด์จักรยานในออสเตรเลียคือ “Giant” เลือก คิดต่าง ทำต่าง คือได้จัดแคมเปญ “Real Riders Sponsorships 2011” แจกชุดแข่งและจักรยานจำนวนมากไว้ให้บรรดานักแข่งโนเนมจากทางบ้านแบบฟรีๆ แลกกับการที่แต่ละคนจะต้องถ่ายรูป ให้สัมภาษณ์บอกเล่าการแข่งขัน โชว์ขึ้นเป็นพรีเซ็นเตอร์ในเว็บของ Giant ด้วย
ซึ่งนี่ก็คงเป็นสิ่งที่นักแข่งสมัครเล่นทุกคนยืดอกยินดีรับอยู่แล้ว เพราะเท่ากับว่าได้รับการปฏิบัติด้วยอย่างกับเป็นนักแข่งอาชีพที่มีชื่อเสียงเลยทีเดียว
หากเป็นยุคของสื่อเก่า การทำแบบนี้คงไร้ประโยชน์ เพราะถ่ายภาพนักแข่งโนเนมไปก็ไม่มีหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารไหนลงให้ … แต่ในยุคสื่อออนไลน์อย่างทุกวันนี้ Giant สามารถลงรูปของนักแข่งมากมายในโครงการไว้ในเว็บตัวเอง และนักแข่งแต่ละคนก็ต้องอัพรูปการแข่งขันของตัวเองขึ้น Facebook ฯลฯ ด้วย ย่อมเกิดการมองเห็นและรับรู้ในวงกว้างได้ไม่ยาก
และจับพลัดจับผลู หากแค่คนเดียวหนึ่งในคนทางบ้านจำนวนมากมายนี้ได้รางวัลสักอย่างขึ้นมา ก็เท่ากับว่าแบรนด์ Giant ได้โบนัสพิเศษ ดังตามไปด้วยโดยไม่ต้องไปจ่ายค่าสปอนเซอร์สุงๆให้นักกีฬาดังๆแต่อย่างใด
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสุ่มแจกอย่างไร้หลักเกณฑ์ เพราะใครที่สนใจ ต้องส่งประวัติ รูป ของตัวเองเข้าไปให้กรรมการของทางบริษัท Giant คัดเลือก ซึ่งแม้จะไม่บอกหลักเกณฑ์ไว้ก่อน แต่ก็เชื่อได้ว่าคงจะเลือกคนที่มี social network และสามารถจะขี่ไปจนจบการแข่งขันได้ไว้ก่อน เพื่อจะได้เป็นแหล่งสร้าง content ที่ดีให้กับแบรนด์ได้
ในไทยก็มีการแข่งขันวิ่งมาราธอน เดินทน หรือจักรยานทางไกลอยู่หลายรายการ ฉะนั้นนักการตลาดก็ไม่ควรมองข้าม case study นี้