9 สิ่งที่คุณอาจจะยังไม่รู้ เกี่ยวกับ “Jack Ma”

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

jackma1

“เล็ก กระทัดรัด-บาง-เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง” นี่คือนิยามที่นิตยสาร Forbes บรรยายถึงมหาเศรษฐี Jack Ma” ประธานและผู้ก่อตั้ง Alibaba และยังเป็นนักธุรกิจใจบุญคนสำคัญของประเทศจีนอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นนักธุรกิจจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ประสบความสำเร็จคนแรกที่ได้ขึ้นปก Forbes อีกด้วย

ในปี 2014 เขาได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศจีน และร่ำรวยเป็นอันดับที่ 18 ของโลก มีทรัพย์สินเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 24,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ตามรายงานของ Forbes) แต่อาจจะมีบางเรื่องที่คุณอาจจะยังไม่ทราบเกี่ยวกับชายผู้นี้อีก ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงเขาในมุมมองที่อาจจะไม่ทราบมาก่อนได้

1.ที่มาของการตั้งชื่อบริษัทว่า Alibaba

แรกเริ่มก่อตั้ง บริษัท Alibaba ยังเป็นเพียงแค่บริษัทเล็กๆ เท่านั้น แต่ Jack Ma ตั้งเป้าหมายในอนาคตว่า Alibaba จะต้องเป็นบริษัทระดับโลกให้จงได้ ดังนั้น ชื่อของบริษัทจะต้องเป็นที่รู้จักในระดับโลกด้วย

ดังนั้น วันหนึ่ง Jack Ma ไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่สหรัฐฯ และถามพนักงานสาวว่าเธอเคยได้ยินเรื่องของ Alibaba หรือไม่ เธอตอบว่าเคย และบอกกับเขาว่าเป็นเรื่อง “open sesame” ไงล่ะ หลังจากนั้น เขาก็เดินทางไปถามคนอื่นๆ อีกในที่ที่แตกต่างกันไป ด้วยคำถามเดียวกัน และตระหนักว่าเรื่องราวของ Alibaba เป็นเรื่องราวสากลที่ผู้คนส่วนใหญ่รู้จัก และแม้ว่าจะต่างภาษาหรือต่างสำเนียงกันไปก็ตามแต่ผู้คนก็ยังคงออกเสียงเหมือนกัน

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ไปจดทะเบียนชื่อโดเมน เนม ว่า  Alibaba.com โดย Jack Ma ต้องยอมจ่ายถึง 1 หมื่นดอลลาร์ เพื่อที่จะซื้อชื่อนี้มากจากเจ้าของดั้งเดิม ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่แย่นัก เพราะเขาเชื่อว่าเค้าจะใช้คาถา “open sesame” เพื่อเปิดประตู่สู่ความยิ่งใหญ่ของบริษัทได้เช่นเดียวกับตำนานเรื่องเล่า Alibaba ผู้เปิดประตูสู่ถ้ำสมบัติได้

อย่างไรก็ตาม Jack Ma ยังได้จดทะเบียน ชื่ออื่นๆ อีก ได้แก่ Alimama.com และ Alibaby.com ซึ่งเขาเคยกล่าวว่า Alibaba, Alimama และ Alibaby จะส่งเสริมซึ่งกันและกันในฐานะครอบครัว เขาวางแผนที่จะสร้างธุรกิจแบบยาวๆ

2.เขาเชื่อว่า ความล้มเหลว สำคัญมากกว่า ชัยชนะ

Jack Ma เรียนรู้ภาษาอังกฤษ จากการให้นักท่องเที่ยวทัวร์ฟรีเพื่อแลกกับการฝึกฝนภาษาอังกฤษกับกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งเขาเองนั้นก็มั่นใจในความสามารถด้านภาษาอังกฤษของตัวเองอย่างมาก แต่ครั้งหนึ่งครูภาษาอังกฤษกลับให้คะแนนสอบเขาเพียงแค่ 59% เท่านั้น ซึ่งทำให้เขาโกรธ ไม่พอใจ และรู้สึกพ่ายแพ้อย่างมากในตอนนั้น

แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เขากลับกล่าวว่าเขากลับรู้สึกยินดียิ่งที่วันนั้นเขาสอบตก “ในบางครั้งแผลเป็นก็มีค่ามากกว่าเหรียญรางวัล และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทัศนคติของคุณที่มีต่อแผลเป็นอันนั้น” มันคือวิธีที่สวยงามที่สุด ที่คุณจะพูดถึงการเรียนรู้จากความล้มเหลวว่ามันสำคัญมากกว่าความสำเร็จที่คุณได้รับ

3.เขาถูกปฏิเสธหลายครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องเรียน

Jack Ma สมัครเรียนที่ Harvard ถึง 10 ครั้งด้วยกันแต่ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง! ครั้งหนึ่งเขาให้สัมภาษณ์กับ Charlie Rose โดยเผยถึงเบื้องหลังความสำเร็จของเขาว่า กว่าเขาจะมีวันนี้ได้ในชีวิตของเขานั้นเคยถูกปฏิเสธมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เช่น เขาสอบเข้าวิทยาลัยที่จีนไม่ได้ถึง 3 ครั้ง และถูกมหาวิทยาลัยอย่าง Harvard เมินใส่ถึง 10 ครั้งด้วยกัน

แม้กระทั่งทำงานเขาก็เคยถูกปฏิเสธไม่รับเข้าทำงานถึง 30 งานด้วยกัน ครั้งหนึ่งเขาเคยสมัครเป็นตำรวจ มีผู้สมัครทั้งหมด 5 คน แต่ปรากฏว่ามีผู้สอบผ่านถึง 4 คนด้วยกัน ในขณะที่เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ผ่าน นอกจากนี้ เขายังเคยสมัครทำงานที่ KFC โดยมีผู้สมัครถึง 27 คน โดยที่ทั้ง 26 ได้งานไป แต่ Ma เป็นเพียงคนเดียวที่ตก!

และแม้จะถูกปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็กลับกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ในครั้งหน้าถ้าคุณถูกปฏิเสธไม่ได้งานลองเอาเรื่องนี้ไปเป็นแรงบันดาลใจดูสิค่ะ

4.Jack Ma ไม่แคร์ที่จะถูกล้อเลียน แถมยังล้อเลียนตัวเองอีกด้วย

ผู้คนมักจะเล่นมุกตลกเกี่ยวกับตัวเขามากมายและเขาไม่เคยถือสาเลย มิหนำซ้ำยังเล่นแก๊กเกี่ยวกับตัวเองบน Weibo ให้อีกด้วย “ในตอนแรกที่เห็นภาพเด็กคนนี้ ครั้งแรกผมคิดว่าคนในครอบครัวของผมจะต้องเป็นคนอัพโหลดรูปตอนเด็กนี่แน่ๆ เด็กอะไรช่างดูร้ายกาจอย่างนี้ ผมรู้สึกเหมือนมองไปที่กระจกเลยล่ะ แล้วผมเคยถือก้อนอิฐนะ สมัยเด็กทุกๆ วันผมจะเป็นคนที่แต่งตัวเรียบร้อย ติดกระดุม 5 เม็ดทุกครั้งที่ออกจากบ้าน แต่พอกลับมา กลับไม่มีกระดุมเลย”

jackma3

ถ้านี่คุณว่าเด็ดแล้วสำหรับอารมณ์ขันของมหาเศรษฐีคนนี้ Jack Ma เคยปรากฏตัวที่งานอีเว้นท์ บริษัท ด้วยการแต่ชุดหนังสีจัดและสวมวิกสไตล์พังค์มากๆ พร้อมกับร้องเพลง “You Are So Beautiful” ท่ามกลางสายตาพนักงานกว่าพันคน ในงานฉลองครบ 1 ปีบริษัท

jackma4

แล้วเขายังคอมเม้นต์ภาพนี้ว่า “ผมไม่ได้รู้สึกประหม่าเลยที่แต่งตัวแบบนี้ ทำไมจะต้องกังวลไปด้วยล่ะ ใช่! เราต้องเป็นตัวของเราเอง นี่คือตัวคนของเราคือคนที่มีความสุข มีคำกล่าวของจีนว่าไว้ว่า มีนกหลายชนิดในป่าใหญ่ ซึ่งจริงๆ ฉันคิดว่าถ้านกนั้นใหญ่พอ มันก็อาจจะบินไปหาป่าอื่นก็ได้”

“เมื่อผมแก่ตัวลง ผมอยากจะได้พักผ่อนได้สักครึ่งหนึ่งเหมือนชายคนนี้ และหวังเต็มเปี่ยมว่าวันหนึ่ง เมื่อผมไม่มีฟันแล้ว ผมจะสามารถกลับมายังสถานที่ที่ผมยังเป็นเด็กๆ เคยได้อาศัย มีทุ่งข้าวสีเหลือง ได้เดินทอดน่องไปตามถนน มองหมู่เมฆเคลื่อนตัว และเฝ้ามองดอกไม้เบ่งบาน…”

jackma7

เป็นอีกครั้งที่ Ma เล่นมุกเกี่ยวกับตัวเองโดยเป็นการลงรูปชายแกที่มีใบหน้าคล้ายกับเขา ซึ่งถือได้ว่าเขาเป็นคนใจใหญ่พอสมควร เพราะเขาไม่กลัวที่จะเล่นตลกกับเรื่องของตัวเอง  

5.เขาเป็นคนห่วงใยสิ่งแวดล้อม

Jack Ma บริจาครายได้ 0.3% ทุกปีของ Alibaba เพื่อช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม

jackma6

ล่าสุด เขาได้ไปพูดสปีชที่ปารีส ว่า “หมอกควันบนโลกเลวร้ายมาก ผมอยากจะเป็นเอเลี่ยนเพื่อจะได้หนีกลับดาวเคราะห์ของตัวเองได้สักที” (Jack Ma มีนิคเนมว่า เอเลี่ยน)

และก่อนหน้านี้ งาน APEC ที่ฟิลิปปินส์ เขาขึ้นเวทีพร้อม บารัค โอบามา โดยประธานาธิบดีสหรัฐได้ถามเขาว่า ทำไมถึงสนใจในสิ่งแวดล้อมนัก ซึ่งเขาตอบว่า

“มันไม่ใช่ความสนใจ แต่มันเป็นเรื่องที่ต้องตระหนัก! เมื่อตอนที่ผมอายุ 12 ปี ผมเคยว่ายน้ำที่ทะเลสาบ และเกือบจะจมน้ำแล้วเพราะมันลึกเกินไป ซึ่งตั้งใจว่าจะกลับไปหลังจากนั้น 5 ปีต่อมา แต่แล้วเมื่อผมกลับไปยังที่ๆ เดิม ปรากฏว่าทะเลสาบนั้นมันแห้งหายไปแล้ว คนรุ่นใหม่มากมายตายเพราะมะเร็ง แต่ไม่เคยมีใครได้ยินเกี่ยวกับมะเร็งในอีก 20 ปีข้างหน้า

ถ้าเรามีสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากมายแค่ไหน เราก็จะต้องเผชิญหน้ากับหายนะของธรรมชาติ นี่คือสิ่งที่เราต้องตระหนัก ซึ่งเป็นเวลา 6 ปีมาแล้วที่ Alibaba group บริจาค 0.3% ของรายได้ทุกปี ให้กับคนรุ่นใหม่ที่สามารถคิดค้นนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ เราก็จะเข้าไปช่วยสนับสนุนให้เป็นจริง”

6.เขาวางแผนที่จะทำตลาดให้ใหญ่กว่า Walmart

เมื่อครั้งที่ Ma ให้สัมภาษณ์กับ Charlie Rose หลังจาก Alibaba เข้า IPO แล้วเขากล่าวว่า “ใน 10 ปี เราจะเติบใหญ่กว่า Walmart” เขาตั้งเป้าว่าจะได้คอนซูเมอร์สูงถึง 2 พันล้าน และช่วยธุรกิจเล็กๆ กว่า 10 ล้านนอกเมืองจีนให้ขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้

7.เขาไม่อ่านหนังสือธุรกิจ แต่คลั่งไคล้ในนิยายกำลังภายใน

เมื่อครั้งที่เขาเริ่มต้น Taobao แรกๆ นั้น เขาตั้งใจจะเขี่ย eBay ให้พ้นไปจากประเทศจีน ซึ่งมีเพื่อนของเขาคนหนึ่งแนะนำให้เขาอ่านหนังสือของ eBay ชื่อว่า “Perfect Marketing” (เป็นเรื่องราวของการที่ eBay เอาชนะ Yahoo ได้) แต่เขาปฏิเสธ พร้อมกับบอกว่า “วันหนึ่งฉันจะให้พวกเขามาอ่านหนังสือที่ชื่อว่า ‘How Taobao beat Ebay’ ” ซึ่งในที่สุดเขาก็สามารถขจัด eBay ออกจากเมืองจีนได้

แต่กระนั้น Ma ก็สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่อ่านหนังสือตามที่พวกเขาสนใจ แทนที่จะอ่านในสิ่งที่คนอื่นๆ อ่านกัน ยกตัวอย่างตัวเขาเองนั้น เขาชื่นชอบในนักเขียนกำลังภายในชื่อดัง “กิมย้ง”อย่างมาก ดังนั้น หนังสือส่วนใหญ่ที่เขาอ่านจะเป็นนิยายเกี่ยวกับพวกจอมยุทธ เจ้ายุทธจักร อะไรทำนองนี้อย่างมาก

jackma5
Jack Ma กับกิมย้ง นักเขียนชื่อดัง

8.เขารัก ไทชิ และเปรียบเปรยมันกับการทำธุรกิจ

Jack Ma หลงใหลในศิลปะ “ไทชิ” อย่างมาก เขาหมั่นฝึกซ้อมเป็นประจำ และเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า “ผมรักไทชิ ไทชิคือคือปรัชญาของการทำอย่างไรให้เกิดความสมดุล ครั้งหนึ่งผู้คนเคยถามผมว่า ผมเกลียด eBay หรือผมตอบว่าไม่ eBay คือบริษัทยักษ์ใหญ่ และถ้าเขาตีผมตรงนี้ ผมก็จะตีเขาตรงนั้น เขามา ผมไป ผมเล็กกว่าเขา ดังนั้น ผมจะต้องกระโดดในขณะที่เขาทำไม่ได้”

jackma2

นอกจากนี้ เขายังระบุว่า “ไทชิ คือปรัญชาซึ่งช่วยทำให้คุณสงบได้ การแข่งขันเป็นเรื่องน่าสนใจ แต่ธุรกิจไม่ใช่สนามรบ ดังนั้น มันไม่จำเป็นที่จะต้องใช้หลักคิดที่ว่า ฉันอยู่คนอื่นตาย”

9.เขาเชื่อว่า Alibaba คือต้นแอปเปิ้ล

ครั้งหนึ่ง Ma เคยบอกกับ Bloomberg ว่า “ถ้า Amazon คือผลแอปเปิ้ลลูกใหญ่ เราก็คือต้นแอปเปิ้ล เราเชื่อว่าทุกบริษัทสามารถเป็น Amazon ได้ เราต้องการให้ทุกบรัทสามารถดำเนินธุรกิจด้วย ecommerce ได้ ดังนั้น เราจึงไม่คิดว่า Amazon และเราจะต้องแข่งขันกัน”

Amazon มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ซึ่งขายสินค้าคงเหลือ ขณะที่ Alibaba ไม่ได้ขายอะไรโดยตรง แต่เป็นบริการของคนกลางที่จะเชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขาย  นอกจากนี้ Amazon ไม่มี third party marketplace เป็นของตัวเอง แล้วยังมีวิธีในการทำเงินที่ต่างกันอีกด้วย ที่สำคัญมาร์เก็ตเพลสของ Taobao ยังไม่มีเก็บค่าชาร์จใดๆ เลยด้วย รายได้อย่างเดียวของเราคือการโฆษณา

จากทั้งหมด 9 ข้อนี้ อาจจะทำให้คุณรู้จักชายชาวจีนร่างเล็กคนนี้ ที่ได้ชื่อว่าสร้างอาณาจักรยิ่งใหญ่ที่สุดได้ในกำมือน้อยๆ มากขึ้นกว่าเดิม

แหล่งที่มา 


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!