4 หนทางจัดการลูกน้องฝ่ายพีอาร์ในยุคมิลเลนเนียล

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

KeepTheDoorOpen

การทำงานกับคนนั้นมีความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เมื่อยุคของคนเปลี่ยนไปมาตรฐานการทำงานของคนยุคก่อนอาจนำมาปรับใช้กับคนยุคปัจจุบันไม่ได้อีกต่อไป การก้าวหน้าในหน้าที่การงานของสายพีอาร์นั้นคือการเข้าใจในความเป็นมนุษย์ของคนอื่นให้ได้มากที่สุดและหาทางประนีประนอมความต้องการของทุกฝ่ายให้ได้ดีที่สุด

ข้อด้อยของพีอาร์ที่ทำงานในยุคปัจจุบันนั้นคือพวกเขาขาดทักษะในการสื่อสาร ซึ่งอาจเป็นเรื่องตลกแต่เนื่องจากในสังคมปัจจุบันมีข้อมูลข่าวสารยัดเยียดมาจากทุกทางคนปัจจุบันจึงค่อยๆ เลิกคิดสารด้วยตนเองและกลายเป็นผู้รับอย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตาม คุณในฐานะผู้นำต้องโน้มน้าวให้พวกเขาพัฒนาตัวเองและเปลี่ยนเป็นพีอาร์มืออาชีพในอนาคต

ต่อไปนี้เป็นทิปส์ 4 ข้อที่หัวหน้าฝ่ายพีอาร์สามารถโน้มน้าวทีมให้ดึงศักยภาพของเขาออกมาให้ดีที่สุด

1.เอาใจใส่

ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันทุกสัปดาห์ แต่ทุกครั้งที่มีการพูดคุยต้องมั่นใจว่ามันมีสาระและจำเป็นจริงๆ และต้องย้ำให้พวกเขามั่นใจว่าพวกเขามีศักยภาพในการตัดสินในการตัดสินใจและอย่ารบกวนคุณด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถตัดสินใจเองได้

2.กล่าวคำว่าขอบคุณ

มันไม่ยากเลยแต่ทุกคนชอบคำขอบคุณดังนั้นการแสดงออกว่าคุณซาบซึ้งในสิ่งที่ได้รับเป็นเรื่องที่ดีมาก ไม่มีอะไรน่าเบื่อไปกว่าการทำงานเหนื่อยแทบตายแล้วสุดท้ายเห็นเจ้านายหยิบเอกสารแล้วเดินสะบัดหน้าจากไป

3.อย่าทำไม่ดี

เมื่อคุณทำงานกับสตาร์ทอัพหรือบริษัทเทคโนโลยีให้จำไว้ว่าโลกนี้มันแคบนัก หากคุณทำไม่ดีกับลูกน้องสักคนหนึ่งด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พฤติกรรมของคุณอาจถูกใส่สีตีไข่และกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้ นั้นไม่ได้หมายความว่าให้คุณเอาใจลูกน้องแต่ต้องมั่นใจว่าทุกการกระทำของคุณสมเหตุสมผลและสามารถอธิบายได้

4.โปร่งใส

อย่าไปปิดบังหากคุณคิดจะเปลี่ยนงานเพราะสุดท้ายคนอื่นๆ ก็จะรู้จาก Facebook หรือ Twitter ของคุณอยู่ดี ดังนั้นเมื่อคุณบอกเจ้านายแล้วให้บอกเพื่อนร่วมงานเพราะการรู้จากปากคุณดีกว่าการให้เขารู้จากโซเชียลมีเดียมาก อย่าลืมว่าแม้คุณจะออกจากบริษัทไปความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก็ยังดำเนินต่อไปนะ

Source http://www.prdaily.com/Main/Articles/19053.aspx


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง