มาใช้แบรนด์เป็นเครื่องจักรทำเงินของคุณกัน

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

เคยมีใครบอกคุณไหมว่า “แบรนด์ดีๆ ก็แค่ภาพลักษณ์สวยๆ” หากคุณยังเชื่อแบบนั้น อยู่ก็เหมือนปล่อยให้โอกาสขายถูกทิ้งไปทั้งวัน ทั้งคืน ตลอด 365 วันต่อปี แบรนด์ทำได้มากกว่าการสร้างความประทับใจแรกพบ เพราะเมื่อได้รับการวางกลยุทธ์อย่างถูกต้อง มันจะดึงดูดสายตา เล่าเรื่องแทนคุณ สร้างความไว้วางใจ และปิดการขายในฉากหลังแบบที่คุณไม่ต้องเล่าคำใด เพิ่มสักประโยคเดียว

หัวใจของแบรนด์ที่สร้างรายได้มีสามแกน ได้แก่ ความสอดคล้อง ความฉลาดมีลูกเล่น และความชัดเจน 3 สิ่งนี้ผสานกันเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผู้ชมเปลี่ยนสถานะจาก “สนใจ” เป็น “ยอมจ่าย” โดยไม่รู้ตัว

  1. ประสบการณ์ที่ “สอดคล้อง” ยกกำลังความมั่นใจ

ผู้บริโภคยุค Digital ฉลาดเกินกว่าจะถูกโลโก้สวยๆ หรือฟอนต์เก๋ๆ หลอกได้ง่าย ผู้บริโภคเปิดเว็บไซต์ไม่กี่วินาทีก็แยกแยะระหว่างมืออาชีพกับมือสมัครเล่นออกทันที การสื่อสารทุกช่องต้องเชื่อมโยงกันตั้งแต่โทนถ้อยคำ สีสัน ภาพถ่าย ไปจนถึงจังหวะการโพสต์ เมื่อทุกสัมผัสเล่าเรื่องเดียวกันว่า “คุณค่าของเราคืออะไร” สมองของผู้ชมจะไม่ต้องเสียเวลาประมวลผล ผลคือเวลาบนหน้าเว็บจะมีการใช้นานขึ้น อัตราการกดติดตามสูงขึ้น และสำคัญที่สุด ความลังเลลดลง

ลองจินตนาการถึงแบรนด์ที่วันนี้ใช้ Minimal Graphic พรุ่งนี้เปลี่ยนไปใช้ตัวหนังสือ Hand Writing สีสด สัปดาห์ถัดมาปล่อยวิดีโอสไตล์สารคดี Dramatic ประสบการณ์ลักษณะนั้นทำให้ผู้ชมสะดุด รู้สึกวุ่นวาย และตั้งคำถามว่า “ธุรกิจนี้พึ่งพาได้จริงหรือ” ทันทีที่ความสงสัยเกิดขึ้น การตัดสินใจซื้อก็หายทันที น้ำหนักความเชื่อมั่นจึงเริ่มต้นตั้งแต่โทนเดียวของภาพปก Facebook ไปจนถึงเสียงพูดใน TikTok

  1. ความ “ฉลาด” ทำให้แบรนด์ฝังอยู่ในความทรงจำ

ในกระแสที่มี Content มากมายดังท้องทะเล และการเลื่อน Scroll ที่ง่ายมาก สิ่งเดียวที่หยุดนิ้วได้คือความแปลกใหม่ที่ชวนให้สนุก ตั้งคำถาม หรืออย่างน้อยก็ทำให้ต้องย้อนกลับมาดูสองรอบ ความฉลาดแบบมีลูกเล่นไม่ใช่การเล่นมุกตลกพร่ำเพรื่อ แต่คือการออกแบบประสบการณ์ให้ ‘ขัดจังหวะ’ ความจำเจอย่างมีศิลปะ

คุณอาจใช้วิธีเล่าเรื่องด้วยภาพเปรียบเปรย ทำให้ผลิตภัณฑ์ธรรมดากลายเป็นตัวเอกของภาพยนตร์สั้น หรือสร้าง “Microbrand” รอบแคมเปญใหม่ ออกมาเป็นชุด Sticker E-mail Signature และหน้า Landing Page ที่ใช้โทนเฉพาะกิจ ผู้คนอาจยังไม่ซื้อทันที แต่เมื่อหัวเราะกับพาดหัวที่ดูสะดุดตาหรือหลงรักมุกภาพล้อเลียน ความรู้สึกนั้นจะติดอยู่ในใจ วันหนึ่งเมื่อถึงเวลาต้องแก้ปัญหาที่คุณเชี่ยวชาญ พวกเขาจะย้อนกลับมาหาโดยไม่ลังเล

เช่นแบรนด์เครื่องดื่ม “Liquid Death” คือกรณีศึกษาคลาสสิก น้ำเปล่าในกระป๋องลายหัวกระโหลกที่สื่อสารแบบ “ฆ่าความกระหาย” ฉีกทุกภาพจำของน้ำดื่มใสบริสุทธิ์ พวกเขาขายขวดน้ำรีฟิลชื่อ “Reusable Slaughter Bottle” และแฟลกสเตนเลสทรงโลงศพ การประชดประชันนี้ สร้างแรงดึงดูดมหาศาล ทำให้สินค้าที่เป็นเพียงน้ำดื่มกลายเป็นปรากฏการณ์ปากต่อปาก ลูกค้าอาจยังไม่หิวน้ำ แต่ย่อมจดจำแบรนด์ได้เสมอ

  1. ความ “ชัดเจน” คือทางลัดสู่คำว่า “ตกลง”

ไม่มีอะไรปิดการขายได้รวดเร็วเท่าความชัดถ้อยชัดคำ ในโลกที่เวลาเป็นสินค้าหรู ข้อความแบรนด์ต้องบอกให้ได้ภายในวินาทีว่า “ลูกค้าได้อะไร ทำไมควรสนใจ และต้องทำอย่างไรต่อ”  ความซับซ้อนเกินจำเป็นจะเพิ่มแรงเสียดทานและผลักผู้ชมออกไปหาทางเลือกที่เข้าใจง่ายกว่า

กลยุทธ์แบรนด์จึงไม่ใช่การสรรหาถ้อยคำสวยงามที่สุด แต่คือการตัดคำฟุ่มเฟือยออก กลั่นเหลือประโยคที่กระทบใจที่สุด เมื่อข้อความที่คิดถูกวางบนแบรนด์ที่ทั้งสอดคล้องและฉลาด กระบวนการตัดสินใจของผู้ชมจะกลายเป็นงานง่ายทันที คุณไม่ต้องโน้มน้าวด้วย slide 10 หน้า เพราะประสบการณ์ตลอด customer journey ได้ทำหน้าที่ปลูกความปรารถนา สร้างความไว้วางใจ และส่งสัญญาณคุณค่าไปเรียบร้อยแล้ว

แบรนด์ไม่ใช่เพียงบรรยากาศสวยๆ งามๆ แต่เป็นเครื่องจักรสร้างรายได้ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อคุณทุ่มเท การสร้างประสบการณ์ที่สอดคล้อง ฉลาด และชัดเจน จะดึงดูดคนที่ใช่ ผูกสัมพันธ์ในระดับอารมณ์ แล้วพาผู้บริโภคก้าวข้ามจากสถานะผู้สนใจไปสู่ผู้ซื้ออย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

หากตอนนี้ภาพลักษณ์ธุรกิจยังรู้สึกไม่มีอะไรหวือหวาหรือแนวทางกระจัดกระจาย ก็ถึงเวลาปรับเปลี่ยนแบรนด์ให้ทำงานหนักแทน เพราะในตลาดที่แข่งกันด้วยความไว ประสบการณ์แบรนด์ที่แตกต่างของคุณจะเป็นตัวแยกคุณออกจากคู่แข่งที่มีมากมาย และเปลี่ยนแบรนด์ให้กลายเป็น “เครื่องจักรทำเงิน” ที่ปิดยอดได้แม้ในยามที่พักผ่อนหรือสามารถไปใช้เวลาทำอย่างอื่นได้ทันที


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ