เทคโนโลยีบล็อกเชนมีความสามารถในการเปลี่ยนระบบการเก็บสะสมและใช้ข้อมูลสถิติต่าง ๆ เพื่อไม่ให้มีการแทรกแซง เกิดความชัดเจนโปร่งใสและความปลอดภัยขั้นสูงที่สามารถวัดผลได้ หลาย ๆ คนอาจคิดว่าสิ่งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ในปัจจุบันการเก็บข้อมูลเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ด้วยเหตุนี้ ส่งผลให้เทคโนโลยีบล็อกเชนถูกนำไปศึกษาเพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับภาคหน่วยงานและเศรษฐกิจในหลากหลายสาขา อาทิ การแพทย์ การศึกษา การบันเทิง ประกันต่าง ๆ จนถึงภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
เทคโนโลยีบล็อกเชนต่าง ๆ สามารถนำประโยชน์มาปรับใช้เข้ากับการท่องเที่ยวได้ โดยการรวบรวมผู้ถือเงินรวมพันและภาคต่าง ๆที่เกี่ยวข้องคือ นักท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว บริษัทที่เกี่ยวข้องกับวีซ่า กรมภาษี รวมถึงภาครัฐที่จะสามารถติดต่อและเชื่อมข้อมูลโดยง่ายและไม่ต้องผ่านขั้นตอนให้ยุ่งยาก
การติดต่อและข้อมูล
ในปี พ.ศ. 2561 หน่วยงาน UNWTO ได้ทำการสรุปข้อมูลออกมาว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา ยังประเทศไทยมีสูงถึง 1.4 ร้อยล้านคน ซึ่งเกินจากที่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าถึง 2 ปี เพราะสาเหตุนี้ การติดต่อเรื่องการเดินทางผ่านบริษัทท่องเที่ยวหรือ เว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น booking.com หรือ Airbnb ได้ฉวยโอกาสนี้ โดยการเพิ่มค่าตัวกลางในการติดต่อสูงถึง 20% ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายจนการคิด ค่าตัวกลางได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
เศษฐกิจการท่องเที่ยวมักจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยข้อมูลที่หลากหลายจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น ความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกนำส่งต่อ ๆ กันไปมา จึงไม่สามารถสร้างมั่นใจในด้านความปลอดภัย ให้กับผู้บริโภคที่มีความจำเป็นต้องงดเปิดเผยข้อมูลให้กับบริษัทต่าง ๆ เช่น บริษัททัวร์ หรือ เว็บไซต์ท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ cyber attack หรือการภัยคุกคามทางไซเบอร์ ในเหตุการณ์ไม่นานมานี้ WWPKG บริษัททัวร์ที่ใหญ่ต้น ๆ ของฮ่องกงโดนแฮกข้อมูลผ่านทางไซเบอร์ โดยได้นำข้อมูลสำคัญของลูกค้าไป คือ หมายเลขบัตรประชาชนและหมายเลขบัตรเครดิต ในปีเดียวกันเหตูการณ์เช่นนี้ได้เกิดขึ้นกับ booking.com เว็บไซต์จองการท่องเที่ยวต่าง ๆ โดนลูกค้าถูกส่งอีเมล์ไปหาซึ่งถามถึงประวัติ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และหมายเลขบัตรเครดิตอีกด้วย
เหตุการณ์การแทรกแซงทางไซเบอร์เหล่านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าหากนำเทคโนโลยี บล็อกเชนเข้ามาใช้ เนื่องจากบล็อกเชนมีรหัสเฉพาะที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้และยังไม่มีตัวกลาง ในการนำส่งข้อมูลอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถแฮกไปในจุดใดจุดหนึ่งเพื่อนำข้อมูลออกมาได้หมด เพราะข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายบล็อกเชนทุกเครื่อง ดังนั้น ถ้าหากจะมีการแทรกแซง คนเหล่านั้นจะต้องแฮกเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นล้าน ๆ เครื่องพร้อมกัน ซึ่งเกิดขึ้นได้ยาก
สิ่งที่เรียกได้ว่าดีที่สุดที่มาจากเทคโนโลยีบล็อกเชนก็คือ สามารถตัดตัวกลางในการค้าขาย สินค้าและบริการได้ โดยที่ลูกค้ายังสามารถใช้บริการจาก booking.com หรือ Skyscanners ได้อย่างเดิม เนื่องจากลูกค้าสามารถติดต่อกับผู้ขายได้โดยตรง ค่าใช้จ่ายก็ถูกขึ้นอีกด้วย
หยุดการปลอมความคิดเห็นของผู้ใช้บริการ
ในเวลานี้บนเว็บไซต์ต่างๆได้มีการปลอมความคิดเห็นของผู้ใช้บริการอย่างแพร่หลาย ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้ให้บริการต่างสามารถปลอมเป็นผู้บริโภค สินค้าและบริการต่าง ๆ ของธุรกิจตนเองได้ เพื่อให้ดูดีในสายตาของผู้อ่านความคิดเห็นเหล่านี้ ซึ่งเรียกได้ว่าให้บริการกลายเป็น 5 ดาวได้เลย นอกเหนือจากนั้น เมื่อได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ บริษัทเหล่านี้สามารถลบบัญชีของตนเองและเปิดบัญชีใหม่ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเห็นเลยก็ได้ TripAdvisor ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเว็บไซต์การท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความคิดเห็นที่ถูกปลอมเฉลี่ยประมาณ 1ใน 3 ของความคิดเห็นทั้งหมด
สิ่งที่กระตุ้นการปลอมแปลงความคิดเห็นบนเว็บไซต์ต่างๆเหล่านี้ เกิดจากการที่ใครที่ไหน ก็สามารถสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ได้อย่างไม่จำกัดบนอินเตอร์เน็ต ทั้งบน Google, Facebook และ Social media อื่น ๆได้อีกมากมาย ด้วยเหตุนี้ ผู้คนสามารถสร้างตัวตนได้จำนวนมาก เพื่อทำให้บริษัทหรือบุคคลใดก็ตาม ดูเหมือนว่าดีหรือแย่ก็ได้ตามใจชอบ ซึ่งหลาย ๆ บริษัทและบุคคลต่างๆกำลังได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น International Air Transport Association (IATA) ได้กล่าวว่าใน 1 ปีทางบริษัทต้องจ่ายเงิน เป็นจำนวนกว่า 1 ล้านบาท เนื่องจากกิจกรรมหลอกหลวงต่างๆบนอินเตอร์เน็ต
เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้เพราะบล็อกเชนไม่สามารถปิดลงหรือลบล้างข้อมูลต่าง ๆได้ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ ทุก ๆ การซื้อขายหรือติดต่อจะสามารถสืบที่มาและที่ไปได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็น หรือการแลกเปลี่ยนซื้อขายเทคโนโลยีบล็อกเชนที่สามารถติดตามและ สอบสวนยืนยันตัวตนจริงของผู้ใช้ได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีบล็อกเชนในประเทศไทยยังถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่อยู่ ในอนาคตจะเป็นอย่างไร เราจะได้เห็นและใช้ในรูปแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งตัวผู้ใช้งานและบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องเหล่านี้ ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปในวันข้างหน้า
เขียนโดย จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
Expertise: Blockchain & FinTech
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่