เพราะการดำเนินธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย พ่อค้าแม่ขายอาจมีภาระค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ที่สูง ทำให้การโปรโมทผลิตภัณฑ์และบริการอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเรื่องท้าทาย ทั้งที่มีไอเดียดีและผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยม แต่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถฉุดรั้งไม่ให้ธุรกิจเติบโตเท่าที่ควร
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เข้าใจถึงความท้าทายนี้ จึงเปิดตัวแคมเปญล่าสุดในชื่อ “โฆษณาร้านค้าให้ฟรี จากสินเชื่อมณีทันใจ” มุ่งหวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นยอดขายของร้านค้า พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อย ด้วยการเปิดโอกาสให้พ่อค้าแม่ขายได้ลุ้นลงโฆษณาและโปรโมทร้านค้าได้ฟรี พร้อมดึงอินฟลูเอนเซอร์นักร้องและนักแสดงชื่อดัง “โต้ง-ทูพี” และ “พลอย ชิดจันทร์” ร่วมถ่ายทำคลิปโปรโมทร้านค้า เผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์ทั่วประเทศ เป็นการรวมพื้นที่สื่อและทรัพยากรสำคัญเพื่อโปรโมทธุรกิจ จนส่งให้แคมเปญนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ความเด่นของแคมเปญนี้คือการเป็นมากกว่าการโฆษณาแบบเดิม ๆ เพราะการยืนหยัดเคียงข้างพ่อค้าแม่ค้า นั้นทำให้ “สินเชื่อมณีทันใจ” ไม่ได้เป็นเพียงแต่โปรดักส์ที่สนับสนุนทางการเงิน แต่ยังสร้างสังคมที่เกื้อกูลได้ด้วย ตั้งแต่ตัวแคมเปญที่ออกแบบให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เข้าร่วมและมีโอกาสชนะรางวัล Boost Ads สะท้อนถึงจุดยืนของธนาคารไทยพาณิชย์ ในการเป็นมากกว่าสถาบันการเงิน แต่เป็นพันธมิตรสู่ความสำเร็จของธุรกิจจริง ๆ
อิมแพคไกลกว่าแคมเปญโฆษณา
ดร.ชาลี อัศวธีระธรรม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Digital Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ เล่าถึงแนวคิดที่มาของแคมเปญล่าสุด ว่ามาจากความมุ่งมั่นของธนาคารไทยพาณิชย์ในการนำขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาบริการทางการเงินที่ “รู้จักลูกค้าผ่านข้อมูล และรู้ใจลูกค้าผ่านความรู้สึก” ซึ่งจะมีความลึกซึ้งที่มากกว่าการเป็น Digital Banking ทั่วไป เราจึงได้สานต่อแนวคิด “กู้…เพื่อสู้” ซึ่งทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์นำเสนอดิจิทัลโซลูชันทางการเงินที่ไม่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของลูกค้าสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน แต่ยังให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมโดยรวมให้ดีขึ้น
“เราสร้างเครือข่ายแห่งการเกื้อกูล แบ่งปัน จุนเจือระหว่างกัน ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด”
เครือข่ายแห่งการเกื้อกูลคือแรงบันดาลใจเบื้องหลังแคมเปญ ทำให้แคมเปญนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายทางการตลาดของธนาคารไทยพาณิชย์ในเรื่องการส่งเสริม Digital lending ตรงนี้ ดร.ชาลี อธิบายว่าหลายปีที่ผ่านมา “สินเชื่อมณีทันใจ เพื่อธุรกิจ” มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย และได้ยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการรายย่อยทั้งแบบมีหน้าร้านและแบบขายออนไลน์ รวมถึงกลุ่มคนทำงานฟรีแลนซ์
“แม้ส่วนใหญ่คือกลุ่มขายปลีกสินค้าทางออนไลน์ เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง แต่ก็พบลูกค้ากลุ่มอื่นๆไม่น้อย เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง อาหาร ห้องพัก คลินิก ยานยนต์ หรือแม้กระทั่งเกี่ยวข้องกับการเกษตร และเห็นได้ว่าการขอสินเชื่อผ่านออนไลน์ ไม่ใช่ความยากลำบากเหมือนในอดีต และไม่ต้องรู้สึกเขินอายที่จะไปเจอพนักงานที่สาขาอีกต่อไป ผู้คนมีมุมมองต่อการทำธุรกรรมการกู้เงินผ่านแอปที่สะดวกและเข้าถึงได้มากขึ้น เพราะไม่ต้องเดินทางไปสาขา ไม่ต้องยื่นเอกสารมากมาย ซึ่งสินเชื่อมณีทันใจ เพื่อธุรกิจก็สามารถตอบสนองความต้องการเงินทุนเงินหมุนเวียน ผ่านการขอสินเชื่อจากแอป SCB EASY ที่รู้ผลอนุมัติไวสุดใน 5 นาที”
ดร.ชาลี ชี้ว่าตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นมา ธนาคารได้ริเริ่มแคมเปญภายใต้แนวคิด “กู้…เพื่อสู้” เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยผ่านมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อกระตุ้นแรงกายแรงใจให้บรรดาคนค้าขาย สามารถกู้เพื่อสู้ให้ธุรกิจเติบโต รวมถึงผู้มีปัญหาขาดสภาพคล่องที่จะกู้ไปสู้ ต่อทุนให้กิจการยังเดินไปได้ ซึ่งกระแสตอบรับแคมเปญก็เป็นไปด้วยดี
จากนั้นไตรมาส 3 ธนาคารไทยพาณิชย์ก็ยังคงไปต่อในแนวคิดเดิม “กู้…เพื่อสู้” แต่จะไม่ใช่เพียงสนับสนุนทางด้านเงินทุนเท่านั้น
“เราเห็นว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจใดๆ ก็ตาม มักมีค่าใช้จ่ายที่สูงและสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ คือค่าการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ คนค้าขายออนไลน์ประสบปัญหาที่ต้องรับมือกับ “อัลกอริทึม” ที่ปรับใหม่ลดการมองเห็น ต้องใช้งบทุนในการโปรโมทที่สูงขึ้น หรือบางคนก็ขาดทักษะในทำการทำชิ้นงานเพื่อโปรโมต ขณะเดียวกันคนทำธุรกิจผ่านหน้าร้านก็มีการแข่งขันที่สูงขึ้น”
ธนาคารไทยพาณิชย์จึงมองกลับมาที่พื้นที่สื่อของธนาคารก่อนเป็นอันดับแรก ว่าพอจะช่วยลูกค้าได้อย่างไร ซึ่งโซเชียลมีเดียของ SCB เองนั้น ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LINE, Youtube, Tiktok ล้วนมีฐานผู้ติดตามจำนวนมาก รวมทุกช่องทางเป็นหลัก 10 ล้านราย จึงเชื่อว่าจะช่วยให้พ่อค้าแม่ค้า มีโอกาสได้เข้าถึงลูกค้าของเขาอีกมหาศาล และสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้คนได้
ดังนั้น ธนาคารไทยพาณิชย์จึงเปิดพื้นที่ให้ร้านค้ามาฝากร้านได้ภายใต้แคมเปญ “โฆษณาร้านค้าให้ฟรี จากสินเชื่อมณีทันใจ” ขณะเดียวกันการใช้สื่อผ่านกลยุทธ์ Omni Activation Journey โดยเลือกใช้สื่อดิจิทัล สื่อจอดิจิทัล (DOOH – Digital Out Of Home) และ สื่อ ณ จุดขายในร้านค้าปลีกอย่าง 7-11 ที่มีอยู่มากกว่า 2 พันสาขาทั่วประเทศ เป็นตัวขับเคลื่อนแคมเปญให้กระจายออกไป
ในสื่อกลุ่มนี้เองที่ธนาคารจัดทำชิ้นงานโฆษณาและโปรโมต 4 ร้านค้า ซึ่งเคยเป็นลูกค้าสินเชื่อมณีทันใจ มีการร่วมงานกับนักร้องและนักแสดงอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง “โต้ง-ทูพี” และ “พลอย ชิดจันทร์” ในการนำเสนอร้านค้า
ในอีกด้าน ไทยพาณิชย์ยังประกาศให้ร้านค้าจากทั่วประเทศมาร่วมกิจกรรมฝากร้านใต้โพสต์บน Facebook Page: SCB Thailand เพื่อร่วมสนุกรับพื้นที่โฆษณาฟรีจากบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ ในช่องทาง TIKTOK และ YouTube ตรงนี้มีการร่วมกับเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ไทยพาณิชย์ชวนมาร่วมโปรโมตร้านให้พ่อค้าแม่ค้าในแคมเปญนี้ เช่น สูตรลับหลังร้าน (@smecookingsecrets), Gluta Story (@glutastory), ThomasTom และสยาโม (@tangmomovoice) และยังมีเพจดังร่วมโปรโมตเพิ่มอีกด้วย ทั้งหมดไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายกับร้านค้า โดยมูลค่ารวมของพื้นที่โฆษณาเชื่อว่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ตื่นเต้นขึ้นด้วยอินฟลูเอนเซอร์
โฆษณาร้านค้าให้ฟรี จากสินเชื่อมณีทันใจ เป็นแคมเปญที่มีอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอย่าง “โต้ง-ทูพี” และ “พลอย ชิดจันทร์” มาเติมความเข้มข้นให้แคมเปญ โดยทั้งคู่จะมีบทบาทดึงความสนใจให้ผู้คนรับรู้ และสร้าง engagement กับกลุ่มเป้าหมายได้ นอกจากนี้ คอนเทนต์ครีเอเตอร์บนโลกออนไลน์ยังเป็นที่รู้จักและมีผู้ติดตามจำนวนมาก ซึ่งจุดแข็งของแต่ละคนสามารถเป็นแนวทางในการนำเสนอคอนเทนต์ และโฆษณา ทำให้คนเข้าถึงความสนใจได้มากขึ้น
หนึ่งในตัวอย่างชัดเจนคือไทยพาณิชย์ได้ชวน “โต้ง” มาแร็พ สั่งออเดอร์อาหารในร้านเตี๋ยวกะตํา By’Pond หรือใช้คาแร็กเตอร์จากการเป็นกรรมการของรายการ The Rapper Thailand มาต่อยอดให้กับการนำเสนอร้าน Star Award and Trophy ที่ขายเครื่องรางวัลต่างๆ
ด้าน “พลอย ชิดจันทร์” ที่มีกระแสนิยมอย่างมากกับคลิปละครสั้นที่กลายเป็นไวรัล กับวลีเด็ด “ที่จริงฉันเป็นประธานบริษัท” มาโยนให้กับเจ้าของร้านตัวจริง ที่ร้าน Destiny Nail & Spa ขณะเดียวกันก็มีการทดลองพลิกบทบาท ให้พลอย ชิดจันทร์ได้เป็นคนขายเบ็ดตกปลา ซึ่งเป็นการนำเสนอให้ร้านโชคทรัพย์อนันต์ฟิชชิ่ง ในรูปแบบที่แปลกตา และเชิญชวนให้มาชมร้านได้เป็นอย่างดี
รับชมคลิป โฆษณาร้านให้ฟรี จากสินเชื่อมณีทันใจ เพื่อธุรกิจ SCB
แรงขับเคลื่อนระดับประเทศ
แม้กลุ่มเป้าหมายหลักของแคมเปญและสินเชื่อมณีทันใจ เพื่อธุรกิจ จะเป็นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบการรายย่อย (SSME) ที่มีรายได้ต่อปีรวมไม่เกิน 75 ล้านบาท ทั้งแบบมีหน้าร้านและแบบขายออนไลน์ รวมถึงกลุ่มคนทำงานฟรีแลนซ์ แต่ผลลัพท์ที่ขยายกว้างจากแคมเปญสินเชื่อมณีทันใจ เพื่อธุรกิจ ที่มีส่วนสนับสนุนทางด้านเงินทุน นั้นสามารถเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย นำไปสู่แรงขับต่อเนื่องในภาพรวมระดับประเทศได้
ดร.ชาลี อธิบายว่า แม้สินเชื่อมณีทันใจ จะเป็นสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย (SSME) ที่มีรายได้ต่อปีรวมไม่เกิน 75 ล้านบาท ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กที่สุดของกลุ่ม SME แต่การค้าในกลุ่มนี้นับเป็นรากฐาน เป็นฟันเฟืองขนาดเล็กจำนวนมากที่ช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ร้านค้ารายเล็กจึงเป็นกำลังสำคัญในการกระจายรายได้ ช่วยเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบภายในประเทศ เพราะส่วนใหญ่จะใช้ทรัพยากรภายในประเทศในการผลิตและการค้าเป็นหลัก
ประเด็นนี้สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ที่พบว่าการเติบโตของ E-commerce ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องแม้จะมีแนวโน้มแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่ม Marketplace retailers ธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2023 คาดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตราว 10% จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการบริโภค
สำหรับก้าวต่อไปของสินเชื่อมณีทันใจ ธนาคารไทยพาณิชย์จะยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมเรื่อง Digital lending ผ่านการรับรู้และการจดจำของโซลูชันทางการเงินตอบโจทย์ผู้ประกอบการรายย่อยยุคใหม่ได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะการนำขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือให้ธุรกิจของลูกค้าสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
“ในอนาคตลูกค้าจะสัมผัสได้ว่า หากเป็นลูกค้าดีสินเชื่อของไทยพาณิชย์จะสมัครง่ายที่สุด มีการบริหารจัดการดีที่สุดเพราะใช้ Machine Learning เข้ามาในกระบวนการ เปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ลูกค้าที่ไม่มีบัญชีเงินเดือนจะได้รับความสะดวก กลุ่มลูกค้าที่ประกอบธุรกิจจะเข้าถึงแหล่งเงินได้มากกว่าเดิม โดยจะเป็นการให้ดอกเบี้ยแบบ Risk Base Pricing ทั้งหมด ลูกค้าได้รับดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย ไม่ใช่การแข่งขันด้านราคาแบบเดิม”
แคมเปญล่าสุดของธนาคารไทยพาณิชย์จึงเป็นได้มากกว่าการโฆษณา และตอกย้ำได้ว่า #ไทยพาณิชย์ เคียงข้างพ่อค้าแม่ขายทั่วไทย โดย “รู้จักลูกค้าผ่านข้อมูล และรู้ใจลูกค้าผ่านความรู้สึก” อย่างแท้จริง.