10 ปี Galaxy S ต้องวางหมากใหม่! ค้นสาเหตุ SAMSUNG เปิดจอง “Blind Booking” เริ่มใช้ “ไทย” ที่แรกของโลก!

  • 105
  •  
  •  
  •  
  •  

SAMSUNG Galaxy S10

เพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนแฟลกชิปตระกูล Galaxy S10 และ S10+ รวมถึงรุ่น S10e และ Fold ออกมาประชันกับผู้เล่นรายอื่น ๆ เพื่อช่วงชิงโอกาสจากตลาดมือถือ ซึ่งนอกจากเรื่อง เทคโนโลยี” ที่ผู้บริโภคจับตา การขยับตัวของ SAMSUNG” ในรอบนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การทำตลาด ให้มีสีสันและแปลกใหม่หลากหลายประเด็น เช่น การเปิดจองแบบสินค้า Blind Booking” ไม่บอกรายละเอียดหรือเปิดเผยภาพสินค้ารุ่นใหม่เลย (บอกเพียงว่าเป็น New Galaxy) ในไทยเป็นครั้งแรกและเป็นประเทศเดียว ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนจองซื้อไปเมื่อวันที่ 9 – 20 ก.พ. หรือแม้แต่การปรากฎภาพ ลิซ่า BLACKPINK เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีซึ่งเป็นชาวไทย บนเวทีเปิดตัว Galaxy S10 ในงาน MWC 2019 ณ ประเทศสเปน รวมถึงการที่ SAMSUNG มอบสิทธิ์ ให้ไทยเป็นประเทศแรก” ในการส่งมอบเครื่อง S10 และ S10+ แก่ลูกค้าที่ลงทะเบียนซื้อออนไลน์

เกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ คุณวรรณา สวัสดิกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ได้เป็นผู้ไขข้อข้องใจและตอบคำถาม ว่า เราอาจไม่ได้เห็นภาพตลาดมือถือเติบโตอย่างก้าวกระโดดเหมือนเมื่อก่อน สถานการณ์ในตอนนี้อยู่ในช่วงทรงตัว ผู้เล่นแต่ละรายต่างแข่งขันกันที่นวัตกรรม เพื่อชักจูงใจผู้บริโภคให้หันมาเลือกแบรนด์ของตนเอง

นางวรรณา-สวัสดิกูล-รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด
นางวรรณา สวัสดิกูล

“ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา SAMSUNG มียอดขายรวม 2,000 ล้านเครื่องทั่วโลก โดยไทยถือเป็นตลาดใหญ่ของเรา กระทั่งวันนี้เรามั่นใจว่า SAMSUNG ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดสมาร์ทโฟน ยังมีฐานแฟน ๆ ที่ชื่นชอบในแบรนด์และนวัตกรรมของเรา สิ่งที่ต้องทำต่อไป คือ การทำให้ลูกค้ายังคงแฮปปี้กับแบรนด์และนวัตกรรมภายใต้ชื่อ SAMSUNG ด้วย 3 กลยุทธ์หลักสู่ความสำเร็จ ได้แก่ การนำเสนอนวัตกรรม การสร้างแบรนด์รอยัลตี้ และการทำราคาที่เหมาะสมกับเทคโนโลยี ซึ่งเรามั่นใจว่าแบรนด์มีฐานแฟนที่รัก SAMSUNG มากอยู่แล้ว เห็นได้จากจำนวนผู้ใช้งานแอป Smart Switch ซึ่งใช้การถ่ายโอนข้อมูลระหว่างเครื่อง ซึ่ง 70% เป็นลูกค้าเก่าที่เปลี่ยนเครื่องใหม่ และอีก 30% เป็นลูกค้าใหม่ที่ย้ายมาจากแบรนด์อื่น”

เพราะการตลาดยุคนี้ ไม่ใช่แค่ “พูด – บอกตรง ๆ”

สำหรับกลยุทธ์การจองเครื่องแบบ Blind Booking ถือเป็นหนึ่งในการตลาดแบบ Create Excitement ถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ SAMSUNG ประเทศไทยนำมาใช้เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างความตื่นเต้นและกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน การสื่อสารกับผู้บริโภคผ่าน Influencer ก็ถือเป็นความสำเร็จอีกประการของ SAMSUNG และแบรนด์ก็ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับคนกลุ่มดังกล่าวด้วย

“เพราะเราเชื่อว่าการทำตลาดที่ดีในยุคนี้ไม่ใช่แค่การพูดออกไป แต่แบรนด์ที่จะใช้กลยุทธ์เช่นนี้สำเร็จก็จำเป็นต้องมีฐานแฟนที่แท้จริงด้วย จากนี้เราจะใช้กลยุทธ์ลักษณะนี้ต่อเนื่องแต่จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีสีสันและแตกต่างกันไป ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้มีผู้สนใจลงทะเบียนซื้อถึง 20,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Early Adopter”

อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าการทำตลาดสำหรับ Galaxy S10 และ S10+ ได้รับความสำเร็จจาก 2 – 3 ปัจจัยจากผู้บริโภค คือ แบรนด์ โปรดักศ์ และราคาที่เหมาะสมกับเทคโนโลยี ซึ่งในปีนี้ SAMSUNG ก็มีนวัตกรรมที่เตรียมเปิดตัวสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องอีกหลายรุ่น รวมถึงรุ่น Galaxy Fold ที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในไตรมาสที่ 2 เพียง 1,000 เครื่องในประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ผู้ชื่นชอบความลักซ์ชัวรี่และให้ความสำคัญกับนวัตกรรม หรือเป็นผู้บริหารกลุ่ม C Level แต่ไม่ใช่ผู้ที่ชื่นชอบสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่หรือแท็บเล็ต

Blind-Booking
Blind Booking ครั้งแรกที่ SAMSUNG ใช้กับ Galaxy S10

“ไทย” คือ ตลาดหลัก SAMSUNG ให้สิทธิ์รับเครื่องเป็นประเทศแรก

นอกจากนี้ SAMSUNG ยังย้ำภาพความสำคัญของประเทศไทยที่มีต่อแบรนด์ว่า การส่งมอบเครื่อง Galaxy S10e, S10 และ S10+ วันแรกในวันนี้ (25 ก.พ.) ประเทศไทยได้สิทธิ์เป็นประเทศแรกของโลกที่ได้รับเครื่องก่อนสำหรับผู้ที่จองซื้อในรอบ Blind Booking พร้อมด้วยของสมมนาคุณหลายรายการรวมมูลค่าราว 10,000 บาท ส่วนผู้ที่ Pre-Order ในรอบถัดมาจะได้รับเครื่องตั้งแต่วันที่ 6 – 8 มี.ค. ขณะที่ประเทศอื่น ๆ จะเริ่มส่งมอบเครื่องให้ลูกค้าตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.เป็นต้นไป

“ต้องยอมรับว่าการจัดกิจกรรมทางการตลาดและการมอบส่วนลดให้ลูกค้า เป็นเกมที่ทุกแบรนด์ทำเหมือนกันหมด แต่สิ่งที่ SAMSUNG มอบให้ลูกค้าจึงต้องทำให้พวกเขารู้สึกเป็นคนพิเศษที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี วันนี้เราจึงมีจำนวนผู้ใช้สิทธิพิเศษผ่าน Galaxy Gift เป็นจำนวนมากซึ่งมูลค่าที่ได้รับก็สูงถึง 10,000 บาทต่อคนต่อปี”

ใช้ “พฤติกรรมผู้บริโภค – ผลสำรวจ” ต่อยอดสู่โปรดักส์รุ่นใหม่

คุณวรรณา ยกตัวอย่างการพัฒนาโปรดักส์ของ SAMSUNG ว่า Galaxy S10 ได้รับแรงบันดาลใจจากพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่ม Next Generation ซึ่งไม่ได้หมายความถึงคนรุ่นใหม่อายุน้อย แต่หมายถึงกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบเทคโนโลยี ต้องการความแตกต่าง กล้าทำ และเปิดรับเทรนด์ใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว รวมถึงเทรนด์ที่ชื่นชอบ VDO และต้องการเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ มาต่อยอดการพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ทำให้ฟีเจอร์และฟังก์ชัน Galaxy S10 และ S10+ สนับสนุนการสร้างคอนเทนต์ VDO ด้วยกล้องถ่ายภาพ 5 ตัว (กล้องหน้า 2 และกล้องหลัง 3) รวมถึงเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หรือแม้แต่ Wireless PowerShare สามารถแชร์แบตเตอรี่ให้กับดีไวซ์อื่นได้ด้วย

Galaxy S10 Pick Up
บรรยากาศรับเครื่อง Galaxy S10 วันแรกในไทย

เคลียร์ข้อสงสัยภาพ “ลิซ่า BLACKPINK” ปรากฎบนเวทีวันเปิดตัว!

กรณีดังกล่าว ทาง SAMSUNG ระบุว่า ลิซ่า เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงและยังเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ชื่นชอบการสร้างคอนเทนต์ด้วยตนเอง ทั้งยังเป็น Next Generation กลุ่มเป้าหมายของ Galaxy S10 ดังนั้น การที่มีภาพของ ลิซ่า บนเวทีเปิดตัว ณ ประเทศสเปน ก็ถือเป็นการสื่อสารกับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีอีกช่องทางหนึ่ง

งดดราม่า! กลับใจร่วมงาน Thailand Mobile Expo ครั้งที่ผ่านมา

ส่วนประเด็นที่ SAMSUNG เคยประกาศว่าจะไม่ร่วมออกบูธในงาน Thailand Mobile Expo (TME) ในครั้งที่ผ่านมา แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงมีบูธ SAMSUNG ปรากฎอยู่ภายในงานนั้น คุณวรรณา ชี้แจงว่า การร่วมงาน TME ตามปกติเรามีพาร์ทเนอร์ที่ร่วมงานกันอยู่แล้ว งานครั้งล่าสุดจึงไปร่วมงานกับพาร์ทเนอร์รายหนึ่ง ต้องยอมรับว่าการออกบูธของเราในทุกปีจะมีการนำนวัตกรรมไปจัดแสดงอยู่เสมอ แต่ในปีนี้เรายังไม่มีนวัตกรรใหม่ในช่วงที่จัดงาน การออกบูธจึงกลายเป็นเพียงพื้นที่จำหน่ายเท่านั้น ประกอบกับในปีนี้ เราก็เตรียมจัดงานใหญ่เพื่อจัดแสดงนวัตกรรมด้วยจึงต้องการถนอมทีมงานไว้สำหรับงานดังกล่าว

“แม้วันนี้เราจะอยู่ในฐานะเจ้าตลาดทั้งในไทยและทั่วโลก แต่ SAMSUNG ต้องการให้ผู้เริ่มต้นใช้มือถือเลือกเราเป็นเครื่องแรกด้วยเพราะคนรุ่นใหม่มีสมาร์ทโฟนเร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบันรอบเวลาการเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่อยู่ที่ 18 เดือน โดยรุ่นแฟลกชิปที่ได้รับความนิยมในตลาดจะมีราคาอยู่ที่ 600 เหรียญขึ้นไป (ประมาณ 19,000 บาท) อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสที่ 2 จะเริ่มเห็นกลยุทธ์การทำตลาดแบบใหม่ของ SAMSUNG เช่น การพัฒนาสินค้าให้เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานยิ่งขึ้น หรือการรีโพสิชันนิ่งในสมาร์ทโฟนราคาล่าง – กลาง ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดีขึ้นด้วย เพราะการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ ๆ แม้แต่แฟลกชิปก็ไม่ใช่ความหวังเดียวของแบรนด์ แต่ทุกโปรดักส์มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำตลาดอยู่แล้ว โดยคาดว่าในปีนี้ก็จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ออกมาไม่น้อยกว่าเดิมอย่างแน่นอน”


  • 105
  •  
  •  
  •  
  •  
Ms.นกยูง
เมื่อโลกไม่เคยหยุดหมุน เราก็ไม่ควรหยุดเรียนรู้... ชวนคุณมาทำความรู้จักหลากหลายเรื่องราว ทั้งสาระและสีสันบนโลกดิจิทัลไปพร้อมกัน