บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร โชว์ผลประกอบการนิวไฮทั้งรายได้ กำไร และแบ็คล็อก ในไตรมาสแรกของปี 2565 โดยมีรายได้ 111.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124% และกำไรสุทธิ 28.64ล้านบาท เติบโตขึ้น 132% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 49.78 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 12.34 ล้านบาท ในขณะที่แบ็คล็อกทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 458 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้มากกว่า 247 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ปรับประมาณการการเติบโตในปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า70% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 50% เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทฯ ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ไตรมาสแรกทั้งรายได้ กำไรสุทธิ และมูลค่าแบ็คล็อก ผนวกกับแนวโน้มการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จากการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมโรคระบาดโควิด-19 และการปลดล็อคการเดินทางเข้า – ออกของหลายประเทศจะส่งผลบวกต่อบรรยากาศการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 จะเป็นไปอย่างโดดเด่นอีกครั้ง เนื่องจากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจและการกลับมาดำเนินงานและทำกิจกรรมทางการตลาดของภาคธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม รวมถึงกระแสการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการให้บริการแบบครบวงจรของบริษัทฯ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ การเติบโตในทุกมิติของบริษัทฯ จึงเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ ผนวกกับวิสัยทัศน์ในการขยายบริการและมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อยู่เสมอทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและนักลงทุนเป็นอย่างดี
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2565 ที่ผ่านมา บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) ยังคงเป็นบริการหลักในการผลักดันรายได้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีรายได้ 69.43 ล้านบาท ตามด้วยบริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) ที่มีรายได้ 28.78 ล้านบาท บริการที่ปรึกษาการบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic PMO) ที่สร้างรายได้ 7.76 ล้านบาท และบริการที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Big Data and Advanced Analytics) ที่มีรายได้ 5.37 ล้านบาท ตามลำดับ ในส่วนรายได้จากงานต่างประเทศนั้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 1 มีรายได้อยู่ที่ 23.53 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีส่วนแบ่งกำไรอีก 6.60 ล้านบาท จากบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (ORBIT) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บลูบิค และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) ซึ่งอัตรากำไรสุทธิของ ออร์บิท ดิจิทัล นั้นสูงขึ้นเนื่องจากได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI ในไตรมาสที่ผ่านมา และในส่วนของ บลูบิคนั้นคาดว่าจะได้รับอนุมัติยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
“อุตสาหกรรมเทคโนโลยียังอยู่ในช่วงขาขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าโดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากมีโครงการใหม่ๆ ที่มีมูลค่าสูงทยอยเข้ามาตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านบริการแบบครบวงจรและตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี บริษัทฯ จึงจัดสรรงบประมาณสำหรับการลงทุนกว่า 80 ล้านสำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ในการขยายบริการที่เกี่ยวเนื่องกับบริษัทฯ รวมถึงกิจการใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโต” นายพชร กล่าว
ในส่วนผลิตภัณฑ์และโซลูชันด้านบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลบนระบบคลาวด์ (HR Cloud Solution) ภายใต้ชื่อ “HumanOS” ที่พัฒนาโดย ไอที-แคท ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาและออกแบบซอฟต์แวร์เพื่องานบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่บริษัทฯ ได้ประกาศเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 40% เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น บลูบิคเตรียมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าของ “HumanOS” ที่มีฐานผู้ใช้งานค่อนข้างมากอยู่แล้วให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยวางกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดที่มีศักยภาพทั้งองค์กรขนาดเล็กและกลาง ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ๆ บนระบบ HumanOS ที่ตอบโจทย์กระแสความต้องการนำเทคโนโลยีไปใช้งานด้านทรัพยากรบุคคล โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการขยายฐานตลาดของระบบดังกล่าวจะเป็นการต่อยอดธุรกิจด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสำหรับองค์กร (Enterprise Application) เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในเครือได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนินงานตามแผนการเพิ่มจำนวนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี (Tech Talent) โดยในปีนี้มีแผนสรรหาบุคลากรเพิ่มอีกกว่า 100 ตำแหน่ง อาทิ บุคลากรในสายงานพัฒนาระบบซอฟท์แวร์ สายงานวิศวกรข้อมูลและวิทยาศาสตร์ข้อมูล และสายงาน Digital Product Management เพื่อรองรับการเติบโตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัทฯ ได้ในที่สุด