แม้สถานการณ์ Trade War ที่ “รัฐบาลสหรัฐฯ” เปิดฉากอย่างดุเดือดเพื่อไล่ต้อนแบรนด์จีนอย่าง “HUAWEI” จะมีทีท่าอ่อนลงมากแล้ว โดยเฉพาะหลังเสร็จสิ้นการประชุม G20 ของเหล่าผู้นำโลก ที่ 2 ประธานธิบดีสหรัฐฯ และจีน แสดงความเห็นพ้องต้องกันในประเด็นเศรษฐกิจและการค้าว่าสมควรจะเจรจากันใหม่ เรียกว่า “ส่งสัญญาณดี” ชนิดที่เรียกว่าดีจนน่าใจหาย เพราะถึงขนาดผู้นำสหรัฐฯ ออกปากเองว่า “บริษัทสัญชาติอเมริกันสามารถทำการค้ากับ HUAWEI ได้เช่นเดิม”
แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ส่งผลกระทบต่อ “ความมั่นใจ” ทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคอยู่ไม่น้อย เพราะหมากกระดานโหดที่สหรัฐฯ วางกับดักให้ HUAWEI นั้นกระจายอยู่หลายทาง เพื่อขึ้นบัญชีดำยักษ์ใหญ่แบรนด์จีนรายนี้ และปิดโอกาสให้บริษัทอเมริกันทำการค้าด้วยดังเดิมโดยอ้างอิงถึงความมั่นคงแห่งชาติ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสั่นคลอนทางธุรกิจอย่างแท้จริง
เรื่องนี้ทำเอา Tech Company อย่าง Google ต้องออกมา “ระงับ” ความร่วมมือทางธุรกิจกับ HUAWEI ตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ และเมื่อยักษ์ใหญ่ในฐานะเจ้าของบริการ Google Play Store, Gmail และ YouTube ออกมาขยับตัวเช่นนี้ ยิ่งทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนและไม่มั่นใจในการใช้งานดีไวซ์ของ HUAWEI เหมือนเคย เพราะกังวลว่าสมาร์ทดีไวซ์ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ที่อยู่บนระบบปฏิบัติการ Android จะไม่สามารถใช้บริการได้ เช่นเดียวกับบริการพื้นฐานจาก Google
“โอกาส” คือเรื่องสำคัญที่ “แบรนด์” ไม่ควรทิ้งขว้าง !
เป็นสิ่งหนึ่งที่ HUAWEI เลือกดำเนินการโดยไม่รีรอ กับการออกแถลงการณ์ “สร้างความมั่นใจ” แก่ผู้บริโภคและคู่ค้าทั้งหลาย ว่าบริษัทยังคงให้บริการอัพเดทซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัย รวมถึงบริการหลังการขายแก่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของแบรนด์ทั้งโมเดลที่จำหน่ายออกไปแล้วและยังรอจัดจำหน่ายอยู่ในสต็อก ขณะเดียวกัน HUAWEI ยังคงตอกย้ำแนวคิดในการสร้าง “ซอฟต์แวร์ อีโคซิสเต็ม” ที่ปลอดภัยและยั่งยืน พร้อมแสดงพลังความเป็นเลิศด้านนวัตกรรม ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชัน ICT ชั้นนำ เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้ดีไวซ์ทั่วโลกและการเชื่อมต่อการสื่อสาร
เพราะ Crisis ไม่ใช่เรื่องของ “องค์กร” แต่เป็น “วิกฤตของทุกคน”
มรสุมครั้งนี้ ไม่ได้กัดกร่อนความมั่นใจของผู้บริโภคเท่านั้น ต้องยอมรับว่า…ส่งผลกระทบโดยตรงถึง “บุคลากร” ฟันเฟืองขับเคลื่อนองค์กรด้วย แต่ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับ HUAWEI กลับกลายเป็นสัญญาณดี! เมื่อบรรดาพนักงานหลายพันคนในสาขาประเทศจีน ต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างไม่หยุดนิ่ง รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมารองรับการให้บริการและหวังลดพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ทำให้เราได้เห็นข่าวเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการใหม่ที่ HUAWEI ซุ่มพัฒนา “HongMeng OS” ตั้งแต่เมื่อ 5-6 ปีก่อน รวมถึงการถือครองสิทธิบัตรของ ARMv8 ที่เป็นใบเบิกทางให้ HUAWEI สามารถต่อยอดเทคโนโลยี SOC ได้ต่อเนื่องและรักษาสถานภาพ “ผู้นำ” เทคโนโลยีกล่องบนมือถือได้โดยไม่ได้รับผลกระทบ สิ่งเหล่านี้…ยังไม่รวมถึงความพยายามในการพัฒนานวัตกรรมส่วนอื่นเพื่อให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กระทั่งถึงปลายน้ำอย่างการวางฐานการผลิตเพื่อรองรับตลาด หรือแม้แต่เรื่องช่องทางจัดจำหน่ายทั่วโลก
แคมเปญดี! “ชุบชีวิต” แบรนด์
ต่อยอดมาจากประเด็นฝ่าวิกฤตไปพร้อมกัน! ล่าสุด “พาร์ทเนอร์” ของหัวเว่ยจัดแคมเปญ “รับประกันคืนเงินเต็มจำนวน” ด้วยการการันตีว่าภายในระยะ 2 ปี ที่ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ HUAWEI ไป (สำหรับผู้ที่ซื้อระหว่าง 12 มิ.ย.-1 ก.ย.2562) จะสามารถใช้งานและอัพเดทแอปจากทั้ง Google และ Facebook ไม่ว่าจะเป็น Google Play Store, Gmail, Google Maps, Google Chrome, YouTube, Facebook หรือ Instagram เป็นต้น ผ่านสมาร์ทโฟนได้ตามปกติ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคว่ายังคงใช้งานได้เช่นเดิม ไม่เกิดผลกระทบจากสถานการณ์สงครามการค้าครั้งนี้
แคมเปญดังกล่าวได้โปรโมทผ่านสื่อประชาสัมพันธ์หลากหลายช่องทาง รวมถึงผู้จัดจำหน่ายแบรนด์ HUAWEI ทั้ง 5 ราย อาทิ ซินเน็ค, เจมาร์ท, ทีจีโฟน, ซีเอสซี และบานาน่า ซึ่งสามารถเรียกกระแสความสนใจและความมั่นใจกลับมาได้อย่างชัดเจน ทั้งความเชื่อมั่นในแบรนด์และการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ HUAWEI ยังออกแคมเปญลดราคาครั้งใหญ่ในไทย ด้วยชื่อว่า “HUAWEI Grand Sale 2019” ซึ่งนำเสนอดีลพิเศษให้ลูกค้าทุกสัปดาห์เป็นเวลา 2 เดือน (ตั้งแต่ 28 มิถุนายน ถึง 31 สิงหาคม) และยังได้สิทธิ์ลุ้นรถยนต์สุดหรู “BMW 520d M sport” แคมเปญนี้ อาจจะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยลืมเรื่องสงครามการค้ากันไปเลย
ชู “นวัตกรรม” ต่อยอดความสำเร็จ
ไม่ใช่เพียงแค่นี้ เพราะ HUAWEI ประเทศไทย ยังขยายความร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์หลักของไทยอย่าง AIS และ Truemove H เพื่อใช้สมาร์ทโฟนรุ่น Mate 20X Pro 5G เพื่อทดสอบเทคโนโลยีเครือข่าย 5G ล่าสุด เนื่องจากสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวมีแผนจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ เช่นเดียวกับ แผนการเปิดให้บริการ 5G อย่างเป็นทางการในประเทศไทยของบรรดาโอเปอร์เรเตอร์อีกด้วย
สำหรับการทดสอบเครือข่าย 5G และประสิทธิภาพ HUAWEI Mate 20X Pro 5G เป็นการจดทะเบียนเครื่องบนเครือข่ายการสนทนาแบบ NSA (non-standalone) ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่าง 5G และ 4G พร้อมการทดลองวิดีโอคอลล์ด้วยภาพความละเอียดสูง 4K ซึ่งไม่สามารถทำได้บนเครือข่าย 4G รวมถึงประสิทธิภาพในการดาวน์โหลด – อัพโหลด ที่รวดเร็วกว่าที่เคยมีมา ผ่านสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดของ HUAWEI เช่นกัน
ทั้งออกมาชี้แจงเอง ทั้งการยืนยันอย่างมั่นใจจากพาร์ทเนอร์ รวมถึงตัวแทนจัดจำหน่าย และแม้แต่โอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการเครือข่ายขนาดนี้ คงต้องปรบมือให้ HUAWEI และชื่นชมว่า “เลือก” และ “เดินเกม” เฉียบขาด สามารถพลิกสถานการณ์ Trade War สู่การสร้าง “โอกาส” และเรียก “ความเชื่อมั่น” ให้กลับมาสู่แบรนด์ได้อย่างน่าชื่นชม
