สุปรีย์ ทองเพชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศิริมีเดีย จำกัด บอกว่า ศิริมีเดีย ก่อตั้งในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เพื่อให้สื่อสิ่งพิมพ์สามารถพัฒนาตัวเองสู่ ดิจิทัล มีเดีย ได้โดยมีความเชื่อที่ว่า Interactive Media ที่จะได้รับความนิยมในสื่อดิจิทัล ที่เปลี่ยนแปลงมาจากสื่อสิ่งพิมพ์รูปแบบเดิมๆ ไม่ใช่เพียงแค่การแปลงนิตยสารมาเป็น e-book ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ ที่จะมาพิสูจน์ความเชื่อของศิริมีเดียว่าถือเป็นต้นแบบของสื่อดิจิทัลยุคใหม่
ก่อนหน้านี้ ศิริมีเดีย พัฒนาแพลตฟอร์มอย่าง Maggy ที่มีความสามารถในการแปลงไฟล์ PDFเป็นรูปแบบของดิจิทัลคอนเทนต์ที่น่าสนใจพร้อมกับวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งาน เพื่อนำเสนอสิ่งที่ผู้อ่านให้ความสนใจ ทำให้สื่อสามารถเสนอคอนเทนต์ได้ตรงใจผู้บริโภค
ทั้งนี้ ศิริมีเดีย ได้รับการตอบรับอย่างดี กระจายธุรกิจ 4 สาขา ใน 4 ประเทศ คือ ไทย, เนเธอแลนด์, เกาหลีใต้ และ สิงคโปร์ โดยเริ่มจากการเป็นบริษัทที่รับแปลงสื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อดิจิทัล เพราะเห็นถึงโอกาสในการเติบโตในยุคที่สื่อสิ่งพิมพ์เริ่มไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นไปแล้วกว่า 80 แอพพลิเคชั่น มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 5 แสนครั้ง
นอกจากนี้ ศิริมีเดีย เริ่มขยายธุรกิจมาด้าน Digital Marketing ที่เรียกว่า Digital Transformation Service เพื่อเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งองค์กร ให้ขึ้นไปทำธุรกิจบนระบบดิจิทัล 100% ให้ได้ โดยไม่จำกัดอยู่แค่สื่อสิ่งพิมพ์ แต่รวมไปถึงบริษัทที่ต้องการเปลี่ยนจากรูปแบบการขายเดิมๆ มาทำการตลาดบนแพลตฟอร์มดิจิทัล
6 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องมีการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลก่อนใครคงหนีไม่พ้น กลุ่มการเงินการธนาคาร อุตสาหกรรมสื่อและความบันเทิง ภาครัฐ อุตสาหกรรมค้าปลีก การท่องเที่ยว และสุขภาพ เพียงแต่ที่จะเห็นได้ชัดเจนมากที่สุดคืออุตสาหกรรมค้าปลีกที่สามารถทำ e-Commerce ในการจำหน่ายสินค้าได้ทันที
ข้อมูลจาก IDCระบุว่า ในปี 2017 องค์กรกว่า 50% ในประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงขึ้นไปอยู่บนโลกดิจิทัล ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะเกิดขึ้นได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทั้งหมด ไม่ใช่แค่การนำระบบเดิมที่ใช้งานอยู่ขึ้นไปอยู่บนโลกดิจิทัล แต่ต้องมีการเปลี่ยนทั้งแนวคิดในการทำงาน และการนำเทคโนโลยีมาใช้
จากการที่ ศิริมีเดีย ร่วมมือกับทาง Adobe Marketing Cloud ทำให้มี Tools ช่วยองค์กรในการบริหารจัดการข้อมูล เพื่อนำมาทำตลาดในรูปแบบดิจิทัล ภายใต้แนวคิดการตลาดรูปแบบใหม่คือ การเจาะเฉพาะลูกค้าแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำข้อมูลของลูกค้าแต่ละรายมาประมวลผลเพื่อนำเสนอสินค้าที่ตรงความต้องการมากที่สุด อีกทั้งยังร่วมพันธมิตรกับ Elastic Path ผู้ให้บริการระบบ e-Commerce ที่สามารถกำหนดเงื่อนไขในการทำตลาดกับผู้บริโภค หรือPersonalised E-Commerce เชื่อว่าจะทำให้การบุกธุรกิจ Digital Marketing มีโอกาสสูงขึ้น
มูลค่าตลาด e-Commerce คาดว่าอยู่ที่ 2.4 แสนล้านบาท และมีโอกาสเติบโต 15-20% การใช้เครื่องมือในการทำตลาดต้องสร้างความแตกต่าง และมีการใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถวิเคราะห์เพื่อใช้ทำตลาดรายบุคคลโดยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย นี่คือการสร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาดและประสบความสำเร็จได้
