กระแสข่าวปลอมระบาดและผู้ใช้ Facebook กว่า 87 ล้านบัญชีถูก Cambridge Analytica เอาไปใช้ทำแคมเปญหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดีให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ โดยใช้เทคนิคยิงโฆษณาแบบเจาะกลุ่มของ Facebook จนเกิดกระแสไม่พอใจ ชวนให้คนลบบัญชี Facebook ผ่านเคมเปญ #deletefacebook จนทำให้ “มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ค” ถูกวุฒิสมาชิกอเมริกายิงคำถาม 5 ชั่วโมงเต็มใน 2 วันที่ผ่านมา
Facebook เผชิญกับวิกฤติศรัทธาว่าเป็นแพลตฟอร์มที่คู่ควรกับการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานอย่างปลอดภัยหรือเปล่า? เรามาดูข้อสงสัยหลักๆผ่าน 2 วันเต็มในการสอบสวนครั้งนี้กัน
Cambridge Analytica ได้ข้อมูลผู้ใช้ Facebook ไปได้อย่างไร?
เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ใช้ Facebook กว่า 126 ล้านคนจะเห็นโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียและข้อมูลของ 87 ล้านคนบน Facebook จะถูก Cambridge Analytica เอาไปใช้ผิดๆ
ซึ่งเมื่อมาร์คถูกตั้งคำถามนี้ ก็บอกได้แค่ว่ากำลังตรวจสอบอยู่ และเป็นไปได้ที่แต่ละฝ่ายมีความเชื่อมโยงกัน ย้ำว่าได้แบนแอปฯหลายตัวที่อยู่ใน Facebook และส่งข้อมูลให้ Cambridge Analytica ไปแล้ว
Facebook กำลังสืบดูว่ามีแอปฯไหนบ้างที่เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานบน Facebook ก่อนที่จะกันไม่ให้นักพัฒนาซอฟท์แวร์เข้าถึงข้อมูลตั้งแต่ปี 2014 ถ้าพวกว่าใครทำผิดฯ ก็จะแบนออกจาก Facebook และแจ้งให้คนที่ได้รับผลกระทบรู้
เพราะที่ผ่านมา Facebook เปิดให้แอปฯดูดข้อมูลผู้ใช้แอปฯ ภายหลังจึงมาจำกัดให้ดูดข้อมูลของคนที่เล่นแอปฯเท่านั้น จนข้อมูลรั่วไหลไปให้ Cambridge Analytica ส่วนหนึ่งเพราะ Facebook ละเลยที่จะตรวจสอบแอปฯและกำชับผู้ที่ได้ข้อมูลไปผิดๆให้ลบข้อมูลที่ว่าด้วย
Facebook จะรักษาข้อมูลส่วนตัวให้ปลอดภัยขึ้นได้อย่างไร?
เมื่อถูกถามว่า Facebook จะทำอย่างไรกับนโยบายความเป็นส่วนตัวและข้อกำหนดการใช้งานที่ชวนปวดหัว? มาร์คก็ออกมายอมรับว่านโยบายและข้อตกลงที่ว่ามันซับซ้อน หลายคนไม่ได้อ่านมัน แต่มันก็เป็นปัญหาที่บริษัทเทคฯเจ้าอื่นๆเจอเหมือนกัน มาร์คยังบอกว่าที่ผ่านมา Facebook ก็พยายามทำให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านโยบายที่ให้ผู้ใช้ Facebook อ่าน มันก็ยังยาวเกินเข้าใจยากอยู่ดี
ที่น่าสนใจคือเมื่อวุฒิสมาชิกบางคนเสนอให้ Facebook ยอมรับกฎหมายความเป็นส่วนตัวว่า Facebook จะต้องขออนุญาตผู้ใช้งาน Facebook ก่อนเก็บ แชร์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานทุกครั้งและใช้ให้น้อยที่สุดเป็นตั้งค่าเริ่มต้น
มาร์คกลับแสดงท่าทีไม่สนับสนุนข้อเรียกร้องของวุฒิสมาชิก
มันเป็นเรื่องซับซ้อนที่จะให้คำตอบเพียงคำตอบเดียว
แต่เมื่อมาร์คถูกยื่นข้อเสนอให้มีเอเจนซี่ปกป้องผู้บริโภคในพื้นที่ดิจิทัลโดยมีคนของรัฐบาลเข้าไปกำกับดูแล มาร์คยินดีที่จะศึกษารายละเอียด
โมเดลธุรกิจของ Facebook จะถูกบังคับให้เปลี่ยนหรือไม่?
หลายคนตลกเมื่อวุฒิสมาชิกถามมาร์คว่า Facebook จะรักษาโมเดลธุรกิจที่ Facebook ให้บริการฟรีๆได้อย่างไร? ซึ่งมาร์คก็ตอบไปว่า “เราให้บริการโฆษณานะท่านวุฒิสมาชิก”
แต่มาร์คคงตลกไม่ออกเมื่อถูกถามว่า “Facebook เก็บเงินคนใช้ Facebook หรือไม่เพื่อแลกกับการที่ Facebook จะไม่เอาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานไปใช้” ซึ่งมาร์คตอบปฏิเสธแค่นั้น
ถ้า Facebook จะไม่ทำโฆษณาเลย ก็ต้องหาโมเดลธุรกิจใหม่
ทั้งนี้เจ้าตัวได้ปฏิเสธว่า Facebook ไม่ได้ผูกขาดการแข่งขัน ถึงแม้ความจริง Facebook, Instagram และ Messenger จะติดแอปฯอันดับต้นๆที่โหลดใช้ฟรีใน Apple Store ก็ตาม
เราไม่ได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบให้กว้างพอ เป็นข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ เป็นข้อผิดพลาดของผมเอง ผมขอโทษ
งานนี้ไม่ได้เป็นบทเรียนให้กับมาร์คและ Facebook ที่พัฒนาเทคโนโยลีจนทำผิดพลาดกับผู้บริโภค แต่เป็นบทเรียนให้กับวุฒิสมาชิกที่ไม่ได้ทำการบ้านมาดีก่อนถามและคนออกกฎหมายและตามไม่ทันเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน
Copyright © MarketingOops.com
