สำหรับคนที่ติดตามเทคโนโลยีจะทราบว่า ปัจจุบันนี้โลกได้เข้าสู่ยุค IoT (Internet of Things) ทุกสิ่งสามารถจัดการได้ด้วยอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไลฟ์สไตล์ ธุรกิจ การเงินการธนาคารหรือแม้แต่การท่องเที่ยว เป็นต้น ไม่เพียงเท่านี้อินเทอร์เน็ตยังเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างมากมาย ทั้งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะต้องใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาเกี่ยวข้อง
ดูเหมือนว่าจะมีการพูดถึงอย่างมากเกี่ยวกับยานยนต์ไร้คนขับที่มีการคาดการณ์ว่า จะเริ่มทะยอยออกมาวิ่งบนท้องถนนทั่วโลกในปี 2023 แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นรถยนต์หลายค่ายต่างๆ ก็พยายามเชื่อมต่อรถยนต์เข้ากับอินเทอร์เน็ตเพื่อให้สามารถสื่อสารกับผู้ขับขี่ได้ โดยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบต่างๆ ในรถยนต์ด้วยคำสั่งเสียงและรถยนต์เข้าใจพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับ
ซึ่งระบบดังกล่าวจะเน้นไปที่การใช้ภาษาอังกฤษ ที่สำคัญต้องออกสำเนียงภาษาอังกฤษให้ชัดเจนระบบจึงจะทำตามคำสั่งอย่างเข้าใจ หากนำไปใช้กับหลายประเทศทั่วโลกก็อาจจะไม่มีปัญหา แต่เมื่อนำมาใช้ในประเทศไทยกลับพบปัญหาที่เรียกว่าคลาสสิคสุดๆ นั่นคือ การออกสำเนียงภาษาอังกฤษของคนไทยที่ไม่เหมือนกับคนต่างชาติ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำหรับคนไทย นั่นทำให้ระบบที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่กับรถยนต์ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แต่สำหรับค่ายรถยนต์สัญชาติอังกฤษอย่าง MG พลิกวิกฤติและนำจุดอ่อนของคนไทยมาปรับปรุง พร้อมทั้งยังได้ศึกษาไลฟ์สไตล์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยยุคใหม่อย่างถี่ถ้วน จนสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับ MG โดยเฉพาะที่มีชื่อว่า “ไอ-สมาร์ท (i-SMART)” ความพิเศษของระบบดังกล่าวคือการรองรับคำสั่งภาษาไทยได้อย่างเข้าใจ ตลอดจนสามารถมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ
“i-SMART” เป็นระบบที่อาจเรียกได้ว่าเป็นระบบ AI ในรถยนต์ที่ MG พัฒนาขึ้น โดยสามารถตอบสนองต่อคำสั่งเสียง ยิ่งไปกว่านั้นสามารถรับคำสั่งเสียงแบบภาษาไทยได้ สามารถเริ่มต้นใช้งานเพียงพูดว่า “ฮัลโหล เอ็มจี (Hello MG)” ระบบก็พร้อมรับคำสั่งภาษาไทย โดยเวอร์ชั่นนี้สามารถสั่งการควบคุมเครื่องเสียง ระบบปรับอากาศ ระบบช่วยนำทางหรือแม้กระทั่งการเปิดปิดซันรูฟ ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย
ตามที่กล่าวไว้แล้วว่าระบบ i-SMART เป็นระบบที่มีการใช้ AI เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งระบบ AI นี้จะช่วยเก็บข้อมูลและเรียนรู้พฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับแต่ละท่าน ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำทางไปในเส้นทางที่ใช้ประจำได้รวดเร็วและสะดวกกว่าปกติ นอกจากนี้ระบบ AI ยังช่วยในการปรับสมรรถนะเครื่องยนต์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการขับขี่มีประสิทธิภาพในการขับขี่มากยิ่งขึ้น โดยผ่านโมบายล์แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
และด้วยความที่รถยนต์สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตตามรูปแบบของ IoT นั่นจึงทำให้รถยนต์ MG ที่มีระบบ i-SMART สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตผ่านรถยนต์ได้ในระหว่างการขับขี่ นั่นหมายความว่าผู้ขับขี่สามารถซื้อสินค้าออนไลน์ได้ด้วยรถยนต์ MG ผ่านระบบ i-SMART ได้นั่นเอง
ทั้งนี้ MG ยังตั้งเป้าที่จะให้รถยนต์ของ MG ทุกรุ่นมีการติดตั้งระบบ i-SMART และให้ระบบดังกล่าวเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดออกมาจากโรงงาน โดยมองว่าในอนาคตรถยนต์จะกลายเป็นหนึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ที่สำคัญระบบต่างๆ ยังมีการติดตั้งอยู่ในรถระดับผู้บริหารหรือในรถหรูซูเปอร์คาร์ นั่นจึงเป็นโอกาสที่ทำให้ MG สามารถสร้างภาพลักษณ์ความเป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอยู่ในรถยนต์ระดับผู้บริหาร หรือรถยนต์ซูเปอร์คาร์ที่วิ่งอยู่ทั่วไปในท้องถนนกรุงเทพฯ
