รถยนต์ SUV ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรถประเภทรถตรวจการณ์ หรือที่ในอดีตเรียกว่ากระบะดัดแปลง (PPV – Pickup Passenger Vehicle) ที่มีโครงสร้างพื้นฐานมาจากรถกระบะ แต่ทราบหรือไม่ว่ารถยนต์ SUV ก็แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม หนึ่งในนั้นเรียกว่า Sub-Compact SUV ที่นอกจากจะดูเท่ ล้ำสมัย ยังแฝงไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องยนต์ที่พร้อมพาไปได้ทุกที่
C-HR (Coupe-High Rider) รถยนต์ Sub-Compact SUV จากค่ายใหญ่อย่าง TOYOTA ที่ได้รับการกล่าวขานมาระยะหนึ่ง จากการเปิดตัวในต่างประเทศและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้ C-HR อยู่ในกระแสการติดตามของผู้ที่สนใจในรถยนต์สไตล์ Sub-Compact SUV ยิ่งเมื่อได้รับการยืนยันจากทาง TOYOTA ถึงการเตรียมนำ C-HR เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย กระแสความต้องการสัมผัสและอยากเป็นเจ้าของก็เพิ่มมากขึ้น
จนในที่สุด TOYOTA ได้จัดงาน The Irresistible Night เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้ากลุ่มแรกที่รอคอยและจองรถยนต์ C-HR พร้อมทั้งยังได้ส่งมอบรถยนต์และของที่ระลึกให้กับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งถือเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่ได้ขับ C-HR บนท้องถนนจริงไม่ใช่เพียงแค่การทดลองขับอีกต่อไป
โดยงาน The Irresistible Night ได้มอบค่ำคืนแห่งประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาส ไม่ว่าจะเป็นการร่วมชิมอาหารเมนูพิเศษจากเชฟระดับ Michelin Star จากร้าน Chim by Siam Wisdom ที่พร้อมเสิร์ฟอาหารรสเลิศตามสไตล์สีรถของ C-HR ที่มีให้เลือกหลากหลาย โดยแต่ละเมนูจะมีรสชาติที่แตกต่างบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและแตกต่างกันแต่ลงตัว เฉกเช่นเดียวกับ C-HR ที่สามารถตอบสนองทุกการขับขี่และทุกไลฟ์สไตล์ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น และรื่นรมย์กับเครื่องดื่มหลากสไตล์จากฝีมือบาร์เทนเดอร์ระดับโลก นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดคอนเสิร์ตจาก Jetset’er และ ป๊อด ธนชัย อุชชิน
รูปแบบของงาน (Theme) จัดในสไตล์ที่เรียบหรูแต่เร้าใจ เช่นเดียวกับรถยนต์ C-HR ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบที่ TOYOTA ใช้คำว่า “Sexy Diamond” ซึ่งดีไซน์ของตัวรถนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงเหลี่ยมมุมของเพชร พร้อมดีไซน์สไตล์คูเป้แบบซ่อนที่เปิดประตูด้านหลังได้อย่างกลมกลืนจนมองผิวเผิน C-HR คือรถยนต์คูเป้ 2 ประตู พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED และไฟเลี้ยวสุดเท่แบบ Sequentialที่ไม่มีใครเหมือน กระจกมองข้างปรับพับอัตโนมัติกับไฟส่องสว่างรูปโลโก้ C-HR ที่ไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้ TOYOTA C-HR ยังถูกออกแบบภายในให้สอดคล้องกับดีไซน์ “Sexy Diamond” เหมือนภายนอกได้อย่างลงตัว โดยภายในจะเน้นโทนสีเข้มที่มีทั้งสีทูโทน (ดำและน้ำตาล) และสีดำ ไม่เพียงเท่านี้แผงคอนโซลหน้ายังถูกตกแต่งด้วยสีดำเปียโนแบล็ค พร้อมหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอที่ถูกออกแบบพิเศษให้เอียงองศาไปทางผู้ขับขี่เล็กน้อยเพื่อสะดวกในการใช้งาน
ไม่เพียงเท่านี้ภายใน C-HR ยังถูกออกแบบให้สามารถปรับพับเบาะด้านหลัง 60 : 40 ได้เพื่อปรับพื้นที่ใช้สอย ให้สามารถเพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงเบรกมือที่ปรับเปลี่ยนใหม่เป็นปุ่มแทนไม่ใช่แบบคันโยกตามสไตล์รถยุโรป
นอกจากนี้ C-HR ยังโดดเด่นด้วย 4 เทคโนโลยีใหม่ ทั้งเทคโนโลยีระบบ Hybrid 4th Generation ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่สุดแสนประหยัดกับอัตราเฉลี่ยสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 24.4 กม./ลิตร แต่ยังคงไว้ซึ่งความแรง พร้อมด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota Global New Architecture) ที่พัฒนาโครงสร้างตัวถังให้แข็งแกร่งขึ้น ช่วยให้ช่วงล่างยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ผ่านประสบการณ์การทดลองขับที่หลายคนเอ่ยปากชม
ความปลอดภัยยังถือเป็นเรื่องสำคัญ จึงไม่แปลกที่ C-HR จะมีมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ระดับโลกของโตโยต้า (Toyota Safety Sense) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่รวมระบบความปลอดภัยขั้นสูงเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist)
และเทคโนโลยี Toyota T-Connect Telematics ความสะดวกสบายใหม่ที่ช่วยให้ C-HR กับผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกันได้ผ่านแอพพลิเคชั่นทั้ง Smartphone และ Apple Watch เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นหลากหลาย อาทิเช่น ระบบนำทาง, Wi-Fi ในรถ, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม., ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์และช่วยค้นหาพิกัดในกรณีที่รถถูกโจรกรรม เป็นต้น
C-HR พร้อมทะยานไปทุกไลฟ์สไตล์ทั้งแบบเครื่องยนต์ Hybrid และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร พร้อมสีให้เลือก 6 สี ทั้ง Attitude Black Mica, Metal Stream Metallic และ White Pearl Crystal ที่มีในทุกรุ่น และ Blue Metallic / Black Roof, Premium Red / Black Roof และ Radiant Green Metallic / Black Roof สีพิเศษที่มีเฉพาะรุ่น Hybrid
ราคาเริ่มต้นที่รุ่น 1.8 Entry ราคา 979,000 บาท, รุ่น 1.8 MID ราคา 1,039,000 บาท, รุ่น HV MID ราคา 1,069,000 บาท และรุ่น HV HI ราคา 1,159,000 บาท (โดยรุ่นที่เป็นหลังคาสีดำและสี White Pearl Crystal จะเพิ่มอีก 10,000 บาท)
