มุมมอง Online Advertising Trend จาก Microsoft

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

kamolpatปัจจุบันการโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น เมื่อนักการตลาด และเจ้าของสินค้าหันมาให้ความสนใจ ทำให้สื่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้เป็น Niche Media อีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนบทบาทกลายเป็น Mass Media ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนในวงกว้างอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2552 เป็นปีที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลต่อเนื่อง

กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรธุรกิจหันมาใช้โฆษณาออนไลน์มากขึ้นเพราะสามารถลดต้นทุนได้ โดยเฉพาะในภาวะที่งบโฆษณาสินค้าลดลง การเลือกใช้โฆษณาออนไลน์ จึงเป็นกลยุทธ์หนึ่งซึ่งจะเป็นทั้งทางเลือกและทางรอดของเจ้าของสินค้าที่ต้องการลงทุนต่ำแต่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า เนื่องจากช่องทางออนไลน์สามารถวัด ผลตอบแทนจากการลงทุน Return on Investment ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เศรษฐกิจส่งผลโฆษณาออนไลน์เติบโต

กมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการประจำประเทศไทย Microsoft Advertising เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้โฆษณาออนไลน์เติบโตในปี 2552 ได้แก่

  1. ปัญหาเศรษฐกิจ เนื่องจากลูกค้ามีงบโฆษณาสินค้าจำกัดหรือลดลง เมื่อมีงบประมาณน้อย จึงจำเป็นต้องใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการใช้โฆษณาสินค้าผ่านออนไลน์สามารถวัดผลได้ชัดเจน เช่น เวลาลงแบนเนอร์โฆษณาสามารถบอกได้ว่า มีคนเข้ามาเล่นเกมนานเพียงใด หรือบางครั้งสามารถเข้าไปดูโปรไฟล์ของลูกค้าได้ เพราะฉะนั้น จะเห็น Return on Investment ได้ชัดเจน 
  2. ระยะเวลาการใช้อินเทอร์เน็ต พบว่า ในช่วงปี 2551 ถึง ปี 2552 เป็นที่ยอมรับว่า อินเทอร์เน็ตไม่ใช่แค่ Niche Media แต่เป็น Mass Media ที่สามารถเข้าถึงคนมากกว่า 10 กว่าล้านคนในประเทศ “จากการวิจัยของ ThePan Asia-Pacific Cross Media Survey เกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งประเทศไทย พบว่าในกรุงเทพมีคนใช้อินเทอร์เน็ตสูงถึง 70% และพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะมีพฤติกรรมหลายๆ อย่าง ที่เป็น Premium มากว่าคนที่ไม่เล่นอินเทอร์เน็ตเช่น มีบัตรเครดิต เดินทางไปต่างประเทศ พักค้างคืนโรงแรม มีการจับจ่ายใช้สอย สินค้าราคาแพง มี Social Lifestyle ชอบดูหนัง ฟังเพลง ดูคอนเสิร์ต มากกว่าคนที่ไม่ได้เล่นอินเทอร์เน็ต เพราะฉะนั้น เป็นพฤติกรรมที่นักการตลาดมองว่าเป็นกลุ่มเป้าหมาย จึงหันมาลงโฆษณาในจุดนี้มากขึ้น“ กมลภัทร กล่าว

ทั้งนี้ มูลค่าตลาดโฆษณาออนไลน์ในปี 2552 คาดว่าจะอยู่ราวประมาณ 1-2% ของตลาดโฆษณาโดยรวม เนื่องจากปัจจุบันยอดการขายของโฆษณาบนออนไลน์เติบโตมาโดยตลอด ในแต่ละปี รายได้จากโฆษณาออนไลน์เติบโตเฉลี่ยประมาณ 30-40% ต่อปี ทั้งนี้เจ้าของผลิตภัณฑ์ได้หันมาให้ความสนใจกับโฆษณาออนไลน์เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถเทียบได้กับสื่อโทรทัศน์ เพราะจำนวนการเข้าถึงที่ยังแตกต่างกันมาก

จับตาเทรนด์โฆษณาออนไลน์มาแรง ปี 52

กมลภัทร กล่าวถึงเทรนด์ของโฆษณาออนไลน์ปี 2552 ว่า รูปแบบของโฆษณาออนไลน์จะมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่ง Rich Media จะเป็นส่วนเสริมทำให้โฆษณาเป็นที่ดึงดูดน่าสนใจ รวมทั้งสามารถวัดผลได้ เช่น MSN จากเดิมโฆษณาด้านล่างจะนิ่งๆ แต่ปัจจุบันนี้มีลูกเล่นมากขึ้น และไม่ได้อยู่ในกรอบแบบเดิมๆ อีกต่อไป สามารถทำภาพเคลื่อนไหว แสดงผลแบบ Full Screen ทำให้โฆษณาน่าสนใจกว่าเดิม เป็นการเพิ่มลูกเล่นของโฆษณา 

เช่น Skiner จะเป็นกรอบที่จะช่วยขยายคอนเทนต์ให้เห็นชัดเจนมากขึ้น และเมื่อคลิกสามารถเปลี่ยนแปลงได้

เช่น โฆษณารถยนต์ สามารถคลิกเปลี่ยนสี หรือเปลี่ยนแบ๊กกราวด์ ได้เป็นต้น ซึ่งการลงโฆษณาแบบนี้จะเป็นพรีเมียมมาก เพราะสามารถใช้หน้าเว็บฯ ได้ทั้งหน้า แต่จะมีข้อจำกัดเพื่อไม่ให้คอนซูเมอร์ ถูกรบกวนจากโฆษณา เช่น ให้ลงได้ 1 ครั้งหรือไม่เกิน 3 วัน เป็นต้น หรือจะเป็น Vedio Wall ซึ่งเดิมโฆษณาที่ลงจะอยู่ในพื้นที่นี้เท่านั้น แต่เมื่อคลิกจะขยายเป็นวิดีโอเต็มจอหรือ Vedio Sync ซึ่งเป็นลูกเล่นที่นำมาต่อยอด เป็นจุดที่ครีเอทีฟนำไปคิด Peel Back เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาอินเตอร์แอ็กทีฟ ซึ่งจะต้องกดปุ่มจึงจะสามารถเปิดดูโฆษณาได้ เป็นต้น

การโฆษณาที่ดึงเกมมาเป็นสื่อ ซึ่งเป็นแนวทางที่สร้างความแปลกใหม่สามารถจับต้องได้ และโปรดักต์ให้ไฮไลต์ที่น่าสนใจอีกส่วนคือ Tab ซึ่งจะมาแรงเช่นเดียวกันเพราะสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งวิดีโอ จะมาแรงเช่นเดียวกัน ปัจจุบันคลิกเรตของคนดูวิดีโอสูงมากกว่าแบนเนอร์ธรรมดาหลายเท่า

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ วิดีโอ MSN Vedio ซึ่งเป็นสินค้าที่เป็นไฮไลต์ของไมโครซอฟท์ โดยมี 2 รูปแบบ คือ

  1. คล้ายกับ Youtube โดยให้ผู้ใช้เป็นคนสร้างวิดีโอและโพสเข้าไป ซึ่งในส่วนนี้ไม่ได้มีการนำโฆษณาไปใส่เอาไว้
  2. คอนเทนต์ที่เรียกว่า Professional Content ได้แก่ ลิขสิทธิ์ของเนชั่นแนลจีโอกราฟิก วิดีโอขำขันจากต่างประเทศ ลิขสิทธิ์ของวิดีโอที่เป็นภาพคอนเสิร์ตจากต่างประเทศ สามารถตัดคลิปนำมาลงไว้ได้ ซึ่งรูปแบบการโฆษณาของเราจะออกมาแสดงก่อนมีการเล่นคอนเทนต์เหล่านั้น หรือทุกๆ 5 นาทีของคอนเทนต์จะมีการโฆษณา 1 ครั้ง และโฆษณานี้จะเชื่อมโยงกับคอนเทนต์อื่นๆ ได้

 

เปิดตัว Windows Live เวอร์ชั่นใหม่

กมลภัทรกล่าวว่า ล่าสุด ไมโครซอฟท์ เปิดตัวบริการ Windows Live เวอร์ชั่นใหม่ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการซึ่งมีอยู่ราว 460 ล้านคนทั่วโลก ไม่พลาดการติดต่อและแลกเปลี่ยนข่าวสารล่าสุดระหว่างกลุ่มเพื่อน โดยร่วมมือกับพันธมิตร อาทิเช่น Flickr, Linkedln, Pandora Media Inc., Photobucket Inc., Twitter, WordPress และ Yelp Inc. เชื่อมโยงกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ จากเว็บไซต์ของบริษัทเหล่านั้นเข้ากับบริการ Windows Live ผ่านโปรไฟล์ที่สร้างขึ้นใหม่ และช่องทางรับข่าวสารที่เรียกว่า “What’s New” ซึ่ง Windows Live เวอร์ชั่นใหม่นี้สามารถให้ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นด้วยช่องทางการบริหารจัดการเพียงจุดเดียว

ทำให้ผู้ใช้บริการ Windows Live สามารถเพิ่ม (Add) เว็บไซต์ของพันธมิตรของไมโครซอฟท์เข้าไปในโปรไฟล์ (Profile) ของตนได้และให้กิจกรรมต่างๆ ของเว็บเหล่านั้นปรากฏในบริการของ Windows Live ได้ ซึ่งขีดความสามารถดังกล่าวเป็นผลมาจากความร่วมมือของบริษัทมากกว่า 50 บริษัท เมื่อผู้ใช้บริการ Windows Live แชร์รูปภาพ ปรับปรุงข้อมูลในโปรไฟล์ หรือเขียนรีวิว กิจกรรมเหล่านี้จะไปปรากฏในเครือข่าย Windows Live ได้อัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลใน Windows Live SkyDrive ได้จากอุปกรณ์สื่อสารแบบพกพาได้เกือบทุกประเภท พร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นจาก 5GB เป็น 25GB

ปัจจุบันผู้ใช้บริการที่ใช้ Hotmail สามารถอ่านเมล์ของตนที่อยู่บนเครือข่ายอื่นได้ เช่น Gmail หรือ Yahoo Mail เพราะฉะนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปลงโฆษณาในที่อื่นๆ มากนัก แต่เป็นการลงโฆษณาจุดเดียวที่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า ทำให้นักการตลาดเริ่มมองเห็น

ในระบบจะมีลักษณะที่สามารถ Target กลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้ว่า จะเลือกเพศหญิงหรือชาย อายุ การศึกษา รายได้ และกิจกรรมที่ชอบ ซึ่งในส่วนนี้จะมีข้อมูลของลูกค้าใน Hotmail หรือ MSN เวลาที่สมัครใช้บริการจะต้องใส่ข้อมูลอ้างอิง เราสามารถเลือกตามโปรไฟล์ที่มีอยู่ได้ ซึ่งวันนี้เปลี่ยนแปลงจากเดิม โดยสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ อย่างเครื่องสำอางสำหรับคนอายุน้อยหรืออายุมาก ก็สามารถเจาะจงลงไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนได้

Read full story


  •  
  •  
  •  
  •  
  •