กลายเป็นที่ฮือฮาของธนาคารขนาดใหญ่อย่าง SCB จัดตั้ง SCBX ขึ้นมาในฐานะ Umbrella ที่ครอบคลุมธุรกิจในเครือทั้งหมด ซึ่งทาง SCB ใช้คำว่า “ยานแม่ลำใหม่” แม้รูปแบบการให้บริการของธนาคารจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ในแง่ของธุรกิจคือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากเดิมที่ธุรกิจธนาคารเป็น Umbrella ครอบคลุมทุกธุรกิจที่อยู่ในเครือ กลายเป็น SCBX ที่เป็น Umbrella ครอบคลุมธุรกิจแทนรวมถึงธุรกิจธนาคาร
สิ่งหนึ่งที่ คุณอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวไว้ในการเปิดตัวว่า หลังจากช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาทาง SCB ได้โฟกัสการ Transformation และ Upside Down ธุรกิจ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้และเติบโตในระยะยาว ซึ่งการรวมทุกอย่างมาอยู่ภายใต้การดำเนินการของ SCB ก่อให้เกิดข้อจำกัดในหลายเรื่อง และทำให้ศักยภาพในการขับเคลื่อนองค์กรได้ไม่เต็มที่
SCBX แปลงสภาพ Tech Financial Company
ที่ผ่านมาธุรกิจ FinTech ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของธุรกิจธนาคาร ด้วยแนวคิดที่นำเทคโนโลยีมาผสานกับธุรกิจการเงิน นั่นจึงทำให้ธนาคารปรับตัวสู่การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เน้นเทคโนโลยี เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับการบริการ รวมไปถึงการแตกตัว (Spin Off) ไปสู่ธุรกิจใหม่ที่ออกนอกกรอบธุรกิจการเงิน แต่ยังคงอยู่ภายใต้การตัดสินใจของธนาคารที่ถือเป็นธุรกิจหลัก
อย่างที่ทราบธนาคารเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ การตัดสินใจแต่ละครั้งจำเป็นต้องผ่านหลายขั้นตอน เมื่อเทียบกับธุรกิจ Startup ด้าน FinTech ที่ขยับตัวเร็วกว่า ทำอะไรได้เร็วกว่า ทำให้สิ่งที่ SCB คิดอาจช้าเกินกว่าความต้องการของตลาด ขณะที่ธุรกิจธนาคารต้องอาศัยความมั่นคงและความรอบคอบในการตัดสินใจ นั่นจึงทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “บริหารสวนทางความเป็นจริง”
การสร้าง SCBX จึงเป็นการปรับให้รูปแบบการบริหาร สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น โดยที่ไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของธนาคาร แถมยังสามารถขยายวงจรธุรกิจออกไปได้หลากหลาย มากกว่าแค่ธุรกิจด้าน FinTech โดยเชื่อมโยงกลับมาที่ธุรกิจบริการทางการเงิน หากนึกภาพไม่ออกลองนึกถึงคำว่า ecosystem ซึ่ง SCBX กำลังสร้างระบบ ecosystem ขึ้นภายใต้การแตกธุรกิจของตัวเองออกไปหลายแขนง ทั้งการ Spin Off และการ Joint Ventures
กระจายความเสี่ยง หาโอกาสใหม่ เหตุผลของ SCBX
ทั้งหมดนี้ต้องยอมรับว่าเกิดมาจากการ Disrupt ของธุรกิจการเงิน ซึ่งหมายความว่าองค์กรใดที่ปรับตัวได้ช้าก็จะถูกกระแส Disrupt และจะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบันเริ่มปรากฏการ Disrupt ในธุรกิจ FinTech โดยใช้วิธีพุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนของระบบธนาคารในเรื่องของพื้นที่ครอบคลุมการให้บริการ ขณะที่การแก้เกมของธนาคารใหญ่อาจทำได้เชื่องช้าเพราะต้องอาศัยการตัดสินใจที่รอบคอบ
ขณะที่ธุรกิจธนาคารอาจมองหาโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ๆ ได้ยากขึ้น ซึ่งการแตกตัวจะกลายเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างโอกาสในการเติบโตด้านอื่นๆ เช่น แอปพลิเคชั่น Robinhood แอปฯ สำหรับ Food Delivery ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคและอาจเป็นช่องทางขยายสู่ธุรกิจการเงินต่อไปในอนาคต แอปฯ Robinhood อาจถูกใช้เป็น Role Model ของธุรกิจที่ Spin Off ต่อไปในอนาคต
ซึ่งการจัดตั้ง SCBX จะช่วยให้การ Spin Off ทำได้ง่ายขึ้น ทั้งในรูปแบบ Joint Ventures กับบริษัทชั้นนำ หรือการ Spin Off ออกไปเป็นบริษัทในเครือ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทที่ Spin Off ออกไปมีอิสระทางความคิด โดยไม่มีข้อจำกัดของธนาคารเข้ามาเกี่ยวข้อง พูดง่ายๆคือ SCBX กำลังจะสร้างกลุ่ม Startup ขึ้นมา เพื่อช่วยให้สามารถแข่งขันได้ในยุคที่ธุรกิจต้องตัดสินใจเร็ว
คาดการณ์เหตุผลของการเป็น SCBX
เนื่องจากที่ผ่านมา SCB ใช้เทคโนโลยีกับธุรกิจธนาคารเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยทำให้เกิดความสะดวกสบายในการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงิน ช่วยให้ลูกค้ากลุ่ม SME และลูกค้ารายย่อยเข้าถึงระบบธนาคารมากขึ้น แต่ลูกค้ารายใหญ่อาจไม่คิดเช่นนั้น การปรับให้ธุรกิจธนาคารอยู่ภายใต้ Umbrella ของ SCBX และการนำ Digital Financial กระจายไปสู่บริษัทต่างๆ ในเครือ คาดว่า SCBX น่าจะต้องการให้ธุรกิจธนาคารเน้นในเรื่องของความมั่นคงทางการเงิน และความน่าเชื่อถือของธนาคาร โดยมองเป้าหมายไปที่การขยายเงินฝากของลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่
ขณะที่ธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ให้ผ่านบริษัทต่างๆ ในเครือ เพื่อให้สามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ได้โดยไม่ยึดติดกับระบบธนาคาร โดยธนาคารเป็นเพียงกระเป๋าที่เก็บเงิน ส่วนบริษัทต่างๆ ในเครือจะเป็นผู้ทำหน้าที่ฝาก ถอน โอน จ่าย นอกจากนี้ SCBX ยังนำธุรกรรมอื่นๆ ของธนาคารออกมาไว้กับบริษัทในรูปของ Joint Venture ทั้งการกู้สินเชื่อส่วนบุคลกับ AISCB หรือการกู้สินเชื่อซื้อรถหรูอย่าง AlphaX
ฉะนั้นคาดการณ์ว่า การขยับตัวในครั้งนี้ของ SCBX คือการให้ธุรกิจธนาคารเน้นสร้างความมั่นคงและเน้นความเชื่อมั่นในฐานะแหล่งเงินที่ปลอดภัย รวมถึงการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศและการโอนเงินระหว่างประเทศ ขณะที่บริษัทอื่นๆ ในเครือจะทำหน้าที่ให้บริการเต็มรูปแบบในด้านธุรกรรมการเงินกับลูกค้ารายย่อยและกลุ่มธุรกิจ SME รวมถึงการหาโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจอื่นๆ ที่สามารถเกี่ยวเนื่องกับ FinTech ได้
ซึ่งอนาคตของ SCBX น่าจะเติบโตขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เมื่อดูจากการแตกตัวออกมาหลายบริษัทที่แทบจะครอบคลุมทุกธุรกรรมการใช้ FinTech และยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยรูปแบบการบริหารของแต่ละบริษัทจะแยกขาดจากกัน เรียกว่าใครพร้อมสามารถพัฒนาก็ลุยก่อนได้เลย ภายใต้วิสัยทัศน์และเป้าหมายเดียวกัน
