แอดยิ้ม บริษัทออนไลน์มาร์เก็ตติ้งชั้นนำของไทย ประกาศความพร้อม รองรับแนวโน้มตลาดดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งโตกระฉูด ดึงพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ Yello Digital Marketing (YDM) ร่วมถือหุ้น พร้อมให้การสนับสนุนเงินทุน และเทคโนโลยีที่มีจุดเด่นสามารถช่วยลูกค้าลงโฆษณาได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง มั่นใจตอบสนองความต้องการทำตลาดในโลกออนไลน์ของธุรกิจทั้งรายใหญ่และรายย่อย ลั่นตั้งเป้าดัน ‘แอดยิ้ม’ ก้าวสู่บริษัทดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งอันดับหนึ่งในภูมิภาค ภายใน 3 ปี
Yello Digital Marketing (YDM) เป็นบริษัทในเครือของ Yello Mobile บริษัททางด้านโมบายมีเดียที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศเกาหลีใต้บัจจุบันYello Mobile มีบริษัทในเครือมากกว่า 70 บริษัท ครอบคลุมเกือบทุกด้านในเรื่องดิจิทัลมีเดีย อาทิE-commerce, Mobile Application, Advertising & Marketing, Travel และ O2O (Online 2 Offline) โดย YDM ถือเป็นกลุ่มบริษัทใน Yello Mobile กลุ่มแรกที่เริ่มขยายตัวออกนอกประเทศเกาหลี โดยมุ่งเป้าประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอันดับแรก
ปัจจุบันเฉพาะกลุ่ม YDM มีบริษัทชั้นนำอยู่ในกลุ่มทั้งหมด19 บริษัท ครอบคลุมประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, และไทย มีพนักงานรวมกันมากกว่า 1,000 คน ดูแลลูกค้ามากกว่า 5,000 ราย
ขณะที่บริษัท แอดยิ้ม เริ่มก่อตั้งในปี 2554 โดยเริ่มต้นจากธุรกิจ ONLINE AD NETWORK และเติบโตสู่การเป็นIntegrated Online Marketing ให้บริการครบทุกด้านในเรื่องของการทำการตลาดออนไลน์ เริ่มตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์, การสร้างสรรค์งาน Digital, ทำเว็บไซต์ ,ทำ Mobile Application, VDO Viral, วางแผนและจัดซื้อ Online Media ,บริหาร Social Mediaฯลฯถือเป็นหนึ่งในบริษัทด้านดิจิทัลของคนไทยที่เติบโตเร็วที่สุด บัจจุบันมีพนักงานมืออาชีพประมาณ 90 คนดูแลลูกค้าชั้นนำในประเทศมาแล้วกว่า 350แบรนด์ อาทิ ลอรีอัลประเทศไทย, ซาบีน่า, ปูนซีเมนต์ไทย, Swensens, แอมเวย์, น้ำมันองุ่น, Index Living Mall ฯลฯ
ภายใต้การเข้าถือหุ้นของกลุ่ม YDM ครั้งนี้ ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ หรือที่รู้จักในกันในนาม “โซวบักท้ง” Internet Marketer ชื่อดัง ผู้ก่อตั้งแอดยิ้มยังคงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ และบริหารงานในฐานะ CEO ต่อไป
คุณธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอดยิ้ม เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางด้านโฆษณาออนไลน์เป็นอันดับต้นๆของโลก ไม่แปลกใจเท่าไรนักที่มีบริษัทต่างชาติติดต่อเข้ามาขอเป็นพันธมิตรด้วยมากมายโดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีติดต่อเข้ามาเกือบ 10 ราย แต่ถือว่ากลุ่ม YDM เป็นกลุ่มมีความน่าสนใจมากที่สุด เนื่องจากมีปรัชญาในการดำเนินธุรกิจในทางเดียวกัน ให้อิสระในการบริหารงานอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยังมีเทคโนโลยีและDigital Platform ที่น่าสนใจที่จะเข้ามาช่วยให้แอดยิ้มเติบโตขึ้นไปในอีกระดับ
“ด้วยการเข้ามาสนับสนุนของกลุ่มYDM เป้าหมายในการเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย อาจจะเล็กเกินไปสำหรับพวกเราแล้ว ตอนนี้เราเล็งเป้าไปที่การเป็นบริษัทดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ธนพล กล่าวอย่างมั่นใจ
สำหรับเทคโนโลยีที่ทางแอดยิ้มได้นำเข้ามาเสริมธุรกิจนั้น ถือว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นระบบ Programmatic Advertising ที่จะเข้ามาช่วยให้ระบบ AD NETWORK ของแอดยิ้มมีความฉลาด สามารถลงโฆษณาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในราคาที่ประหยัดลง, ระบบ Recobell ซึ่งเป็นระบบบริหาร ขายสินค้า E-commerce ที่สามารถเพิ่มยอดขายแบบเห็นผลทันทีภายใน 24 ชั่วโมงทันทีที่ติดตั้งเสร็จ, ระบบ Adwitt ระบบลงโฆษณาบน Facebook ที่ช่วยให้คนลงโฆษณา Facebook ประหยัดเงินได้ถึง 30-50% รวมถึงระบบโฆษณาและการตลาดบนมือถือและอีกมากมาย
Sang Seok Lee ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ YDM กล่าวว่า “การรุกซื้อบริษัทดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งชั้นนำในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างหนักของเครือ YDM ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น เรายังคงมองหาบริษัทดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งที่มีศักยภาพและความสามารถที่โดดเด่น ในแต่ละประเทศ อย่างเช่น แอดยิ้ม ในประเทศไทย เข้ามาเสริมทัพ เพื่อให้เกิดภาพของการสอดประสาน และร่วมมือกันในการทำงานของบริษัทต่างๆในเครือเพื่อรุกหนักอุตสาหกรรมดิจิทัลในระดับโลก”
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก่อนที่กลุ่ม YDM จะสยายปีกบินมาสู่ประเทศไทยนั้น กลุ่ม YDM เพิ่งจะเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ใน “ADPLUS” บริษัท ONLINE AD NETWORK ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย และล่าสุด เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ มีรายงานว่า YDM เพิ่งเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท “Gushcloud” บริษัท Influencer Marketing ขนาดใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ ถือได้ว่า YDM เอาจริงเอาจังและรุกหนักในการขยายธุรกิจในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแท้จริง
สำหรับตลาดโฆษณาดิจิทัลในประเทศไทยนั้น บัจจุบันคาดการณ์ว่ามีมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 40% คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5% ของมูลค่าการโฆษณารวมทั้งหมด ซึ่งถือว่า มูลค่าโฆษณาดิจิทัลในไทยนั้นยังมีสัดส่วนที่น้อยมาก และมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นอีกมากในอนาคต เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆในโลก เช่นจีน มีสัดส่วนโฆษณาดิจิทัล20+% ยุโรป 30+% ออสเตรเลีย20+%มาเลเซีย 10% ประเทศไทยจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนทางด้านโฆษณาดิจิทัล จำนวนมาก
