[ ข่าวประชาสัมพันธ์ ]
สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟ
คุณจำความรู้สึกที่คุณไม่สามารถทำการติดต่อสื่อสารได้ เพราะคุณทำโทรศัพท์หายได้หรือไม่ คุณจำความรู้สึกเมื่อคุณไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในที่มืดได้หรือไม่
เชฟโรเลต ประเทศไทย ถามคำถามดังกล่าวต่อสื่อมวลชนระหว่างเวิร์คช็อปแนะนำเทคโนโลยีใน เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ ที่จัดขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยเวิร์คช็อปนี้จะสร้างสถานการณ์ให้สื่อมวลชนเกิดความกังวลใจเมื่อไม่สามารถทำการติดต่อสื่อสารได้ และความเกิดความวิตกเมื่อทัศนวิสัยในการขับขี่ของตนลดลง ก่อนที่ความรู้สึกดังกล่าวนั้นจะหายไปเมื่อได้สัมผัสกับ รถเชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ ที่มีระบบเชฟโรเลต มายลิ้งค์ และสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ผ่านแอพพลิเคชั่น แอปเปิ้ล คาร์ เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ได้ตลอดเวลา รวมถึงการได้ทดสอบระบบป้องกันอุบัติเหตุแบบแอคทีฟ ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันโดดเด่นของรถอเนกประสงค์ เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นใหม่ ปี 2016
“แคปติวาใหม่เป็นรถเอสยูวีแรกในประเทศไทยที่นำเสนอการเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่นแอปเปิล คาร์เพลย์ (Apple CarPlay) และแอนดรอยด์ ออโต้ (Android Auto) เพื่อการใช้โทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรี รองรับการสั่งงานด้วยเสียง เพื่อโทรออกและส่งข้อความ แคปติวายังเป็นรถรุ่นแรกของเชฟโรเลตที่มาพร้อมระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟอันล้ำสมัย ทำให้การขับขี่บนท้องถนนในประเทศไทยมีความสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น” คุณอุณา ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประสบการณ์ลูกค้า เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย กล่าวระหว่างเวิร์กช็อป
เมื่อสมาร์ทโฟนเป็นหนึ่งเดียวกับยานยนต์
แคปติวาโฉมใหม่มอบการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้าเชฟโรเลต และการยกระดับคุณสมบัติในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งเนื่องจากยอซโซ (Yozzo) บริษัทวิจัยตลาดด้านโทรคมนาคม ระบุว่า 76.5 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายโทรศัพท์กว่า 4.3 ล้านเครื่องในประเทศไทยในไตรมาสแรกของปี 2558 เป็นสมาร์ทโฟน และเกือบทั้งหมดเป็นสมาร์ทโฟนของแอปเปิลและระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
จากการวิจัยตลาดของดับเบิลยูแอนด์เอส (W&S Thailand Market Research) ระบุว่า ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนมากกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ในประเทศไทยมีอายุ 26 ปีขึ้นไป มากกว่าครึ่งเป็นผู้มีรายได้ปานกลางและผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้ที่กำลังสร้างครอบครัว ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและเป็นฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของรถเชฟโรเลต แคปติวา
เชฟโรเลต ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับประสบการณ์การเชื่อมต่อขณะขับขี่ ให้ชาญฉลาดมากขึ้นและใช้ง่ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ใช้โทรศัพท์ไอโฟนหรือแอนดรอยด์สามารถเชื่อมต่อกับระบบวิทยุมายลิงค์ใหม่ ของรถเชฟโรเลต แคปติวา รุ่นใหม่ ปี 2016 ผ่านแอพพลิเคชั่นแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้
เชฟโรเลตเป็นแบรนด์แรกที่แนะนำฟังก์ชั่น สิริ อายส์ ฟรี (Siri Eyes Free) ของแอปเปิล คาร์เพลย์ ที่ใช้ในรถ และนับเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทยที่นำเสนอแอพฯ ดังกล่าวในรถอเนกประสงค์เอสยูวี และเป็นรายแรกที่นำเสนอความสามารถในการเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่นแอนดรอยด์ ออโต้ทั่วโลก
แอปเปิล คาร์เพลย์ เป็นแอพฯ แสดงผลสมาร์ทโฟนที่พัฒนาโดยแอปเปิลเพื่อให้ไอโฟน 5 หรือรุ่นใหม่กว่าสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยผ่านระบบอินโฟเทนเมนท์ในรถยนต์ อาทิ เชฟโรเลต มายลิงค์ ซึ่งใช้งานได้อย่างสะดวกง่ายดายบนหน้าจอทัชกรีนขนาด 7 นิ้วรุ่นใหม่ของแคปติวา หรือผ่านระบบควบคุมบนพวงมาลัยด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง สิริ อายส์ ฟรี (Siri Eyes Free) แอปเปิล คาร์เพลย์รองรับแอพ อย่างโทรศัพท์ (Phone) ข้อความ (Messages) แผนที่ (Maps) และเพลง (Music) ตลอดจนแอพของบริษัทผู้พัฒนาอื่นๆ สำหรับรายชื่อแอพฯ ที่รองรับการใช้งานสามารถเข้าชมได้ที่ Apple.com/ios/carplay
แอนดรอยด์ ออโต้ เป็นแอพฯ แสดงผลสมาร์ทโฟนที่พัฒนาโดยกูเกิลเพื่อให้สมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (เวอร์ชั่นโลลี่ป๊อป 5.0 หรือ Android Lollipop 5.0 ขึ้นไป) สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยในรถ รวมถึงแคปติวาใหม่ที่มาพร้อมระบบเชฟโรเลต มายลิงค์ แอนดรอยด์ ออโต้นำเสนอการใช้งานที่ง่ายดายของระบบนำทาง กูเกิล แม็พส์ (Google Maps) การช่วยเหลือส่วนบุคคล กูเกิล นาว (Google Now) และการสั่งงานด้วยเสียง โอเค กูเกิล (OK Google) รวมถึงแอพเสียงและเครือข่ายการส่งข้อความที่ครอบคลุมบริษัทผู้พัฒนารายอื่นๆ สำหรับรายชื่อแอพฯ ที่รองรับการใช้งานในตลาดเวลานี้สามารถเข้าชมที่ Android.com/auto
“การตัดสินใจนำระบบวิทยุเชฟโรเลต มายลิงค์ใหม่ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเข้าสู่ตลาดรถเอสยูวีในขณะนี้ ถือเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์อย่างแท้จริง เพราะผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในประเทศไทยมีความคล้ายคลึงกับลูกค้าแคปติวาของเราอย่างมาก แคปติวาใหม่สามารถตอบสนองไลฟ์ไตล์ Here and Now ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด ลูกค้าสามารถฟังเพลงโปรด และเข้าถึงทุกการติดต่อของพวกเขาได้ทุกที่ ในรถเชฟโรเลต แคปติวา” คุณอุณา กล่าว
แอพฯ รองรับบน เชฟโรเลต มายลิงค์ใหม่ เป็นแอพฯ ที่ได้รับการรับรองแล้วว่าจะไม่รบกวนสมาธิของผู้ขับขี่ และสามารถใช้งานแอพฯได้โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ หลายฟังก์ชั่นการใช้งานสามารถควบคุมได้ด้วยเสียงผ่านแผงควบคุมบนพวงมาลัย ผ่านสิริ อายส์ ฟรี หรือ โอเค กูเกิล อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนนและไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้โทรศัพท์แฮนด์ฟรีและตอบข้อความได้อย่างปลอดภัย
ลูกค้าแคปติวา รุ่นใหม่ ปี 2016 สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับระบบมายลิงค์ผ่านทางพอร์ทยูเอสบี พร้อมกับการชาร์จโทรศัพท์ ถ้าผู้ใช้มีไอโฟนที่รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ หรือโทรศัพท์แอนดรอยด์ที่รองรับแอนดรอยด์ ออโต้ ระบบนี้จะเปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ แสดงหน้าจอที่คุ้นตาโดยดึงเอาไอคอนของแอพฯบนมือถือมาแสดงบนบนหน้าจอทัชสกรีน ทั้งรายชื่อสำหรับการติดต่อ เพลงและแอพฯ ที่รองรับการใช้งาน
การพัฒนาระบบมายลิงค์ใหม่ให้สามารถใช้ระบบปฏิบัติการและแอพฯที่เราคุ้นเคยของแอปเปิลและแอนดรอยด์ ทำให้ลูกค้า เชฟโรเลต แคปติวา สามารถเชื่อมต่อและใช้งานระบบนี้ได้ทันที โดยไม่ต้องทำความคุ้นเคยกับฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ ลูกค้าแคปติวาสามารถใช้ฟังก์ชั่นเดียวกันนี้ในการเล่นเพลงในโทรศัพท์ หรือผ่านระบบคลาวด์ ระบบเชฟโรเลต มายลิงค์ยังสามารถแสดงภาพและวีดีโอจากโทรศัพท์ขึ้นบนหน้าจอทัชสกรีนเมื่อตัวรถจอดสนิทหรือเคลื่อนที่ช้าๆ
“ปัจจุบันมีลูกค้าเชฟโรเลต แคปติวา มากกว่า 38,000 คนในประเทศไทย เรามั่นใจว่าเชฟโรเลต แคปติวาใหม่ที่ได้รับการยกระดับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนจะดึงดูดลูกค้าให้สนใจแบรนด์ของเรามากขึ้น” คุณอุณา กล่าว “ด้วยระบบอินโฟเทนเมนท์ เชฟโรเลต มายลิงค์ เชฟโรเลตกำลังสร้างมาตรฐานใหม่ของการเชื่อมต่อและยกระดับความสะดวกสบายในตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีในประเทศไทยให้สูงขึ้นอีกขั้น”
ป้องกันอุบัติเหตุตลอดเวลา
ในขณะที่การสั่งงานด้วยเสียงของระบบมายลิงค์เน้นย้ำความมุ่งมั่นของเชฟโรเลตที่มีต่อความปลอดภัย แคปติวา ใหม่ ยังยกระดับการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้สูงขึ้นอีกขั้น ด้วยการแนะนำระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา (Side Blind Zone Alert) ระบบแจ้งเตือนการจราจรและสิ่งกีดขวางด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert) และระบบช่วยเหลือการถอยจอด (Rear Park Assist) ระบบเหล่านี้ใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ที่ติดตั้งบนกันชนหลังในการตรวจจับมุมอับสายตาด้านข้าง คอยช่วยเหลือผู้ขับขี่เมื่อกำลังถอยหลังหรือเปลี่ยนช่องจราจร จึงหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้
ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา เป็นการช่วยเหลือขณะเปลี่ยนช่องจราจรที่ช่วยให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงการเฉี่ยวชนด้วยการระบุว่ามีรถอยู่ในมุมอับสายตาทั้งขณะเคลื่อนที่หรือจอดนิ่ง เมื่อระบบตรวจจับว่ามีรถอยู่ในมุมอับสายตา สัญลักษณ์สีเหลืองจะปรากฏบนกระจกมองข้างด้านดังกล่าวและไม่กะพริบ ถ้าผู้ขับขี่เปิดไฟเลี้ยวเพื่อทำการเปลี่ยนช่องจราจรขณะที่มีรถคันอื่นอยู่ในมุมอับสายตา สัญลักษณ์บนกระจกดังกล่าวจะกะพริบเพื่อยกระดับการเตือนผู้ขับขี่ถึงความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบแจ้งเตือนการจราจรและสิ่งกีดขวางด้านหลัง ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับทัศนวิสัยของลูกค้า โดยทำงานร่วมกับระบบกล้องมองหลังเพื่อตรวจจับสภาพการจราจรเมื่อกำลังถอยหลัง ถ้าระบบตรวจจับพบว่าถนนด้านหลังรถมีวัตถุเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ อาทิ เด็กที่กำลังปั่นจักรยาน สัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมสีแดงจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอถอยหลังด้านที่มีวัตถุเคลื่อนที่ พร้อมกับเสียงเตือนจากลำโพงด้านที่มีวัตถุเคลื่อนที่
ระบบช่วยเหลือการถอยจอด ทำงานขณะเข้าจอดด้วยความเร็วต่ำ ด้วยการแจ้งข้อมูล “ระยะห่างระหว่างวัตถุที่ใกล้ที่สุด” บนหน้าจอแสดงข้อมูล (Driver Information Center) และมีสัญลักษณ์เตือนบนหน้าจอกล้องมองหลัง ระบบจะส่งเสียงเตือนอย่างต่อเนื่องหากตัวรถเคลื่อนเข้าใกล้วัตถุมากเกินไปและควรหยุดทันที
อีกระดับของประโยชน์ใช้สอย และการออกแบบที่ล้ำสมัย
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดคือการออกแบบด้านหน้า โดยเฉพาะกรอบไฟหน้า ซึ่งมีขนาดเล็กลงและมาพร้อมไฟส่องสว่างขณะขับขี่กลางวันในตัว การปรับดีไซน์ยังรวมถึงกระจังหน้าซึ่งปรับตำแหน่งโบว์ไทของเชฟโรเลตให้สูงขึ้นบนกระจังหน้า เอกลักษณ์แบบดูอัลพอร์ทถูกปรับดีไซน์ใหม่เช่นกัน เมื่อมองในภาพรวม แคปติวามีรูปลักษณ์ที่ก้าวล้ำ เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีและความรู้สึกร่วมสมัย ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น การออกแบบของแคปติวาใหม่ ยังสอดคล้องกับทิศทางการออกแบบของเชฟโรเลตในระดับโลก ทำให้แคปติวาหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เชฟโรเลตมากขึ้น
แคปติวายังได้รับการยกระดับภายในห้องโดยสาร นอกจากฟีเจอร์การเชื่อมต่อที่มีความสำคัญแล้ว ห้องโดยสารยังถูกปรับดีไซน์ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้นและเป็นผู้นำเทรนด์การตกแต่งในปัจจุบัน การติดตั้งระบบเชฟโรเลต มายลิงค์ทำให้วิทยุและการควบคุมระบบนำทางเป็นส่วนเดียวกันและสามารถใช้งานผ่านหน้าจอทัชสกรีนสีเต็มรูปแบบบนคอนโซลกลาง ขณะที่การควบคุมระบบปรับอากาศแบบดูอัลโซนของแคปติวาที่แยกส่วนออกมาโดยเฉพาะก็มีการใช้งานที่สะดวกง่ายดายมากขึ้น
ภายในห้องโดยสารใช้แสงไฟสร้างบรรยากาศสีฟ้าไอซ์บลูรูปแบบใหม่บริเวณที่วางเท้าด้านหน้าและหลัง พร้อมบันไดข้างขึ้นรูปเรืองแสงทั้งฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า ช่วยเพิ่มความหรูหราและมอบความสว่างชัดเจนเมื่อเข้าหรือออกจากห้องโดยสารยามค่ำคืน
การยกระดับที่มีความสำคัญยังรวมถึงหน้าจอแสดงข้อมูลสำหรับผู้ขับขี่รูปแบบใหม่ มีกราฟฟิกที่อ่านง่ายมากขึ้น รวมถึงสัญลักษณ์ที่แสดงความแตกต่างระหว่างการใช้งานครูสคอนโทรลหรือ Cruise Control Engaged และก่อนการใช้งานครูสคอนโทรลหรือ Cruise Control Ready ข้อมูลสำหรับผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนได้จากสวิทช์ด้านข้างพวงมาลัย โดยสามารถตรวจสอบระยะทาง ปริมาณเชื้อเพลิง อัตราความประหยัดเชื้อเพลิงเฉลี่ยและขณะขับขี่จริง รวมถึงความเร็ว ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์และแรงดันลมยางของแต่ละล้อได้ซึ่งถือเป็นรถเอสยูวีรุ่นแรกในระดับเดียวกัน สวิทช์บนคอนโซลเรืองแสงสีขาวเพิ่มการมองเห็น และถูกปรับตำแหน่งเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายตามหลักการยศาสตร์ของผู้ขับขี่
แคปติวายังติดตั้งระบบเข้า-ออกห้องโดยสารโดยไม่ต้องใช้กุญแจ (Passive Entry Passive Start – PEPS) อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่สามารถปลดล็อกประตูและสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ภายในรัศมีของเซ็นเซอร์โดยไม่ต้องถือกุญแจ โดยมีสวิทช์ที่ติดตั้งด้านขวาของพวงมาลัยที่สามารถเปิดหรือปิดระบบนี้ได้
[ ข่าวประชาสัมพันธ์ ]