กรุงเทพฯ, 30 กันยายน 2016: บริษัท เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย สร้างชื่อให้ผลงานไอเดียนวัตกรรมฝีมือคนไทยอย่างยิ่งใหญ่อีกระลอก คว้าเพิ่ม 3 รางวัลกรังด์ปรีซ์จากเวทีสไปค์ เอเชีย อวอร์ด 2016 (Spikes Asia Awards 2016) ประเทศสิงคโปร์ และอีก 3 รางวัลดินสอจากเวทีระดับโลกในงานดีแอนด์เอดี อิมแพค อวอร์ด 2016 (D&AD Impact Awards 2016) จากผลงาน “หมึกพิมพ์ลายนูน” (Touchable Ink) ซึ่งช่วยให้คนตาบอดสามารถใช้เครื่องพิมพ์ธรรมดาตามบ้านสามารถพิมพ์อักษรเบรลล์ได้
โดย เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย ได้ส่งผลงาน Touchable Ink คว้ารางวัลกรังด์ปรีซ์ในสาขา Innovation, Healthcare และ Design จากเวทีสไปค์ เอเชีย อวอร์ด 2016 และยังได้รางวัลดินสอขาวในสาขา Industry Evolution รวมถึงอีกสองรางวัลดินสอกราไฟต์ในสาขา Education และ Health & Wellness จากงาน ดีแอนด์เอดี อิมแพค อวอร์ด 2016 ซึ่งเป็นงานมอบรางวัลอันทรงเกียรติระดับโลกที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อยกย่องผลงานและไอเดียสร้างสรรค์ที่มีส่วนสร้างการเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ Touchable Ink คือโครงการจากไอเดียสร้างสรรค์ของบริษัท เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย ร่วมกับบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ในการพัฒนาหมึกพิมพ์ที่สามารถทำให้เครื่องพิมพ์ธรรมดาตามบ้านสามารถพิมพ์อักษรเบรลล์และภาพลายเส้นนูนสำหรับสื่อสารกับคนตาบอดได้ เพียงใช้หมึกดังกล่าวพิมพ์ลงกระดาษธรรมดาและเป่าให้ความร้อนโดยอุปกรณ์ อาทิ เครื่องเป่าผม ตัวอักษรและลายพิมพ์ดังกล่าวก็จะนูนขึ้นมาให้สัมผัสได้ในทันที
นายสาธิต จันทร์ทวีวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ บริษัท เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีและตื่นเต้นมากที่ได้ทำโครงการเพื่อสังคมที่ท้าทายเพื่อ คนตาบอดรวมถึงได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างแท้จริง ทีมงานของเราได้ทุ่มเทแบบสุดใจเพื่อให้ผลงานหมึกพิมพ์ลายนูน (Touchable Ink) นี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นมา ผมรู้สึกดีใจกับทีมงานและลูกค้าของเราที่ไอเดียดังกล่าวได้รับการยอมรับอย่างยิ่งใหญ่จากทั้งงานสไปค์ เอเชีย อวอร์ด และ ดีแอนด์เอดี อิมแพค อวอร์ด”
บริษัท เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย ถือเป็นเอเจนซี่ที่มีประสบการณ์ดูแลลูกค้าผลิตภัณฑ์และแบรนด์ค้าปลีกที่ทำธุรกิจช่วยเหลือผู้มีปัญหาทางสายตามามากกว่า 10 ปี นอกเหนือจากแคมเปญด้านการสื่อสาร บริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคม อาทิ โครงการรับบริจาคแว่นตาเพื่อช่วยเหลือผู้มีปัญหาสายตาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และโครงการช่วยสนับสนุนและให้กำลังใจแก่ผู้สูงอายุที่มีปัญหาทางสายตา โดยรณรงค์ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานส่งข้อความให้กำลังใจให้ เพื่อให้พวกท่านมองเห็นเป็นข้อความแรกหลังจากได้รับแว่นตารวมถึงบริการปรับสายตาให้มองเห็นเป็นปกติ
“ทีมงานของเจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย ได้ทำโปรเจ็คด้านสุขภาพการมองเห็นนี้มานานและเรารู้ดีว่านอกเหนือจากผู้มีปัญหาทางสายตาแล้ว ยังมีคนอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลือ” นายสาธิต กล่าวเพิ่มเติม “คนตาบอดในประเทศไทยนั้นมีมากกว่าร้อยละ 1 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และพวกเขาต้องอาศัยการสัมผัสแทนการมองเห็นในชีวิตประจำวัน และการมีอักษรเบรลล์นั้นถือเป็นสิ่งสำคัญกับพวกเขาเหล่านี้อย่างมาก แต่เครื่องพิมพ์เบรลล์ก็มีราคาแพงเกินกว่าคนทั่วไปจะสามารถซื้อหาใช้ได้ ดังนั้นคนตาบอดเหล่านี้ จึงไม่สามารถเข้าถึงการพิมพ์หรือสามารถเข้าถึงอักษรเบรลล์ได้โดยง่าย แม้แต่จะทำฉลากของใช้ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน”
สำหรับเวทีสไปค์ เอเชีย อวอร์ด 2016 ในปีนี้ นอกเหนือจากรางวัลโกลด์ในสาขากลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสุขภาพ รางวัลซิลเวอร์สาขาประชาสัมพันธ์ และรางวัลบรอนซ์สาขาโปรโมชั่น ที่ผลงาน Touchable Ink ได้รับ บริษัท เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย ยังคว้าอีกหนึ่งรางวัลซิลเวอร์ในสาขาภาพยนตร์จากผลงานของลูกค้าโอเรียนทอล พริ้นเซส รวมถึงอีกหนึ่งรางวัลบรอนซ์สาขาสื่อกลางแจ้งจากผลงานของลูกค้าโรงเรียนสอนภาษาแบร์ลิทซ์
หมึกพิมพ์ลายนูน (Touchable Ink) คือไอเดียสร้างสรรค์ที่สร้างชื่อเสียงแก่ทีมงานบริษัท เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย ที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย โดยนอกเหนือจากการกวาดรางวัลผลงานสร้างสรรค์จากเวทีคานส์ ไลอ้อน (Cannes Lions 2016) ถึง 6 รางวัล ในปีนี้ซึ่งรวมถึงสาขานวัตกรรมในปีนี้ ไอเดียดังกล่าวก็ยังกำลังได้รับการโหวตในงานเวทีมอบรางวัลอันยิ่งใหญ่ระดับประเทศอย่าง “แอดแมน อวอร์ด 2016” (Adman Awards 2016) และคาดว่าน่าจะเป็นตัวเก็งในหลายสาขา โดยเจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย กำลังร่วมมือกับทางบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เพื่อสร้างสรรค์พัฒนาไอเดียดังกล่าวออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบสู่ตลาดให้เป็นผลสำเร็จ
เกี่ยวกับบริษัท เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน
บริษัท เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน (J. Walter Thompson Company) ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1864 และเป็นผู้บุกเบิกสร้างสรรค์โซลูชั่นเพื่อการสร้างแบรนด์และธุรกิจให้มั่นคงยืนนานมาอย่างต่อเนื่องกว่า 150 ปี ในปัจจุบัน ภายใต้การกุมบังเหียนของ กุสตาโว มาร์ติเนซ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารทั่วโลก บริษัทฯได้เติบโตและมีเครือข่ายระดับโลกหลากเครือข่าย อาทิ เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน เวิลด์ไวด์, มายรัม (Mirum) และ คอลโลเควียล (Colloquial)
