ถึงแม้ประเทศไทย ไม่ได้เป็นแหล่งผลิตของโลก และไม่ได้มีแบรนด์ระดับ World-class มากนัก เมื่อเทียบกับประเทศที่ก่อร่างสร้างแบรนด์มายาวนาน
แต่เมื่อพูดถึงระดับการยอมรับ พบว่าสินค้า “แบรนด์ไทย” และ “แบรนด์ท้องถิ่น” เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก และหลายผลิตภัณฑ์ – หลายแบรนด์มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมในกลุ่มคนต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ที่มาไทย แล้วไม่พลาดซื้อกลับไป หรือส่งออกไปตลาดต่างประเทศ
สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) ให้นิยาม “สินค้าไทย” กับ “สินค้าท้องถิ่น” ไว้ว่า
“สินค้าไทย” คือ สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย ใช้วัตถุดิบที่มีในประเทศไทย ผลิตเพื่อจําหน่ายให้กับคนไทยและชาวต่างชาติ เป็นสินค้าที่รู้จักในคนวงกว้างผ่านการทําการตลาดและประชาสัมพันธ์
“สินค้าท้องถิ่น” คือ สินค้าที่ลักษณะเฉพาะที่ผลิตและจําหน่ายในแต่ละท้องถิ่นนั้นๆ เริ่มต้นจากภูมิปัญญา วิถีชีวิต ประเพณี และได้รับการพัฒนาต่อยอด ด้วยความคิดสร้างสรรค์มากข้ึน แต่อาจยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
3 จุดอ่อน “โอทอปไทย”
ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร ผู้ช่วยคณบดี ด้านการสื่อสารองค์กร และหัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) ฉายภาพสถานการณ์สินค้าไทยว่า ข้อมูลจากกรมพัฒนาชุมชน พบว่า สินค้าในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอทอป (OTOP) ในปี 2561 มียอดจำหน่ายสูงถึง 1.9 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูข้อมูลเชิงลึกจะพบว่า สินค้าโอทอปที่มีกว่า 20,000 กว่าราย กลับมีสินค้ามากกว่า 40% ของโครงการโอทอปทั้งหมดที่ยังไม่สามารถก้าวสู่ความเป็นมาตรฐานสากลหรือแข่งขันในตลาดโลกได้
หรือหากเปรียบเทียบยอดจำหน่ายสินค้าโอทอป กับผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ในปี2561 ก็จะคิดเป็นเพียง 1.2% เท่านั้น ซึ่งถือว่ายังน้อยมาก
ดังนั้น หากผลักดันสินค้าโอทอปไทยให้ถูกช่องทาง ก็จะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับประเทศไทยได้อีกหลายเท่าตัว
อย่างไรก็ตามพบว่าสินค้าโอทอปไทยยังมีจุดอ่อนสำคัญ 3 ด้านหลัก คือ
1. “การตลาด” สินค้าไม่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือ สินค้ามีลักษณะใกล้เคียงกัน ไม่มีความแตกต่าง บรรณจุภัณฑ์ หีบห่อไม่สวยงามและทันสมัย
2. “ตั้งราคาไม่สอดคล้องกับต้นทุนของสินค้า” ทำให้ประสบปัญหาทางการเงินจนเกิดภาวะขาดทุน
3. “ขาดช่องทางการจำหน่าย” ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่สามารถเข้าถึงสินค้า และไม่มีการทำการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคไม่รู้จักแบรนด์และสินค้า
3 องค์ประกอบของ “แบรนด์ไทย – แบรนด์ท้องถิ่น” ที่ดี
องค์ประกอบพื้นฐานของ “สินค้าไทย และสินค้าท้องถิ่นที่ดี” ที่ CMMU รวบรวมในไทย และต่างประเทศ 15 งานวิจัย สรุปออกมาเป็นองค์ประกอบด้วย 3 ด้าน คือ
1. เอกลักษณ์ (Identity) คือ ลักษณะเฉพาะที่ไม่มีใครเหมือน ทำให้เป็นจุดเด่น เป็นท่ีรู้จัก และจดจำได้ ที่บ่งชี้สินค้าท้องถิ่นนั้นๆ
2. ภูมิปัญญาท้องถิ่น (Wisdom) องค์ความรู้ ความสามารถ ทักษะ ความเชื่อ วัฒนธรรม การใช้ชีวิต และประสบการณ์ของคนในท้องถิ่นที่สั่งสมมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกลุ่มชน หรือชนชาติ หรือคนท้องถิ่นนั้นๆ
3. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) การพัฒนา ดัดแปลง ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ – ประสิทธิผล และสร้างมูลค่าเพิ่มใหักับแบรนด์ – สินค้าไทย
นักศึกษาปริญญาโทสาขาการตลาด CMMU ได้เปิดข้อมูลงานวิจัย “ถอดรหัสสูตรลับแบรนด์ไทย” จากแบบสอบถามออนไลน์จำนวน 1,032 ราย เพื่อศึกษาการรับรู้สินค้าและกระบวนการตัดสินใจซื้อสินค้าไทยและสินค้าท้องถิ่น และสัมภาษณ์เชิงลึกของผู้บริโภคในแต่ละเจนเนอเรชั่น ในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 30 ราย เพื่อศึกษา Customer Journey และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ “สินค้าท้องถิ่น” และ “สินค้าไทย”
ตามดู Customer Journey และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ “สินค้าท้องถิ่น”
ด้วยความที่ “สินค้าท้องถิ่น” เป็นสินค้าที่สะท้อนเอกลักษณ์ และภูมิปัญญาของท้องถิ่นนั้นๆ แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก ดังนั้นเมื่อศึกษา “Customer Journey” พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่รู้จักสินค้าท้องถิ่นจากการไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ หรืองานแสดงสินค้า
จากนั้นทดลองซื้อมาบริโภค หรือใช้ และเมื่อใช้แล้ว หรือบริโภคแล้ว รู้สึกพึงพอใจต่อสินค้าท้องถิ่นนั้นๆ อยากกลับไปซื้อซ้ำ แต่ปรากฏว่าเจออุปสรรคสำคัญ คือ สินค้าหาซื้อไม่ได้ หรือจำชื่อแบรนด์ไม่ได้
นั่นเท่ากับว่า สินค้าท้องถิ่นนั้นๆ พลาดโอกาสการขาย และการรักษาลูกค้าไปทันที!
ขณะที่ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ประกอบด้วย 5 ปัจจัยดังนี้
1. ความแตกต่าง สะท้อนเอกลักษณ์ของท้องถิ่น
2. การบอกต่อจากคนใกล้ชิด ทำให้อยากลองซื้อ ลองใช้ ลองชิม
3. คุณภาพดี อร่อย สะอาด
4. ทำแบรนด์ดิ้ง และแพ็คเกจจิ้ง ที่แตกต่างจากคู่แข่ง
5. ช่องทางจำหน่ายต้องชัดเจน และควรเพิ่มโอกาสการขายมากขึ้น ด้วยช่องทางออนไลน์
ตามดู Customer Journey และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ “สินค้าไทย”
สำหรับ “สินค้าไทย” เป็นสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในไทย ผลิตในไทย เมื่อพูดถึงชื่อแบรนด์คนจะคุ้นหู เคยเห็น หรือรู้จักเป็นอย่างดี จึงมีฐานตลาดใหญ่กว่าสินค้าท้องถิ่น
ดังนั้น “Customer Journey” ของสินค้าไทย จึงเร่ิมจากผู้บริโภคต้องการหาสินค้าที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน จึงหาข้อมูล เช่น จากรีวิว หรือได้รับแมสเสจจากการสื่อสารของแบรนด์
จากนั้นหาซื้อสินค้า ไม่ว่าจะผ่านช่องทางออฟไลน์ หรือออนไลน์ก็ตาม ในขณะเดียวกันผู้บริโภคพิจารณาถึงคุณสมบัติสินค้าโดนใจ เช่น ผลิตจากวัตถุดิบแท้ ธรรมชาติ มีมาตรฐานที่ได้รับการการันตี ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ และทำ Storytelling แล้วจึงตัดสินใจซื้อ
เมื่อเจาะลึกปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของแบรนด์ไทย ประกอบด้วย
1. คุณภาพ ถือเป็นหัวใจหลัก ต้องดีจริงตามโฆษณา
2. ราคาต้องมีความเหมาะสมไม่แพงกว่าแบรนด์ต่างประเทศ
3. แบรนด์ต้องมีการสื่อสารไปยังผู้บริโภค มีการรีวิวผ่านสื่อสังคมออนไลน์
4. สินค้าจะเอกลักษณ์ในเรื่องบรรจุภัณฑ์และการทำแบรนด์จะต้องแตกต่างไม่เหมือนใคร มีความทันสมัยและน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้จากการทำแบบสอบถาม ยังพบว่า การที่ผู้บริโภคเลือกใช้สินค้าไทยนั้น “ไม่ได้ต้องการเลือกซื้อสินค้าไทยเพราะสะท้อนถึงความเป็นไทย แต่มุ่งเน้นที่คุณภาพของสินค้าเป็นหลัก”
สอดคล้องกับผลของการสัมภาษณ์เชิงลึก ถึงปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุดในการตัดสินใจซื้อแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ไทย คือ “คุณภาพของสินค้า” เป็นหลักเช่นกัน
ดังนั้น ผู้ประกอบการควรมีความใส่ใจด้านคุณภาพ เพื่อให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
5 เหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคไม่ซื้อ “สินค้าไทย”
จากพฤติกรรมการซื้อสินค้าไทย และสินค้าท้องถิ่นแล้ว คราวนี้มองในอีกมุมหนึ่งถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผูบริโภคไม่ซื้อสินค้าไทย และสินค้าท้องถิ่น พบว่า
39% ผู้บริโภคไม่วางใจสินค้าจากไม่มีรีวิว-ไม่มีคำแนะนำ
42% ประสิทธิภาพของสินค้าไม่ตรงตามความคาดหวัง
45% รูปแบบบรรจุภัณฑ์ไม่ดึงดูดความสนใจ
57% ช่องทางจำหน่ายไม่ทั่วถึง
58% การสื่อสารข้อมูลสินค้าไม่เพียงพอ และไม่เข้าถึงผู้บริโภค
ถอดรหัสสร้างแบรนด์ไทยให้ปัง! และหลุดพ้นกับดักทางธุรกิจ ผ่านกรณีศึกษา 20 แบรนด์ไทย
จากการเก็บข้อมูลการศึกษาวิจัยจากกรณีตัวอย่างของแบรนด์ไทยที่ประสบความสำเร็จกว่า 20 แบรนด์ สามารถถอดรหัสสูตรลับฉบับแบรนด์ไทย Decoding the success : Thai Local Brand เพื่อมาแก้ไขปัญหาของแบรนด์ท้องถิ่น และแบรนด์ไทยเผชิญอยู่ รวมทั้งยังเป็นการช่วยยกระดับแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ ประกอบไปด้วย 5 ด้านสำคัญ คือ
1. มองหาภูมิปัญญาในการต่อยอด (Roots of wisdom)
มองหาโอกาสและภูมิปัญญาต่อยอด พัฒนาให้เป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ มีความโดดเด่น สะท้อนถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิต รวมถึงความเป็นอยู่ของสังคมไทย เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้สินค้ามีความแตกต่างจากสินค้าทั่วไปที่มีขายตามท้องตลาด
ตัวอย่างแบรนด์ที่ต่อยอดรากฐานภูมิปัญญาไทย ได้แก่
“Blue Elephant” ได้ต่อยอดภูมิปัญญาอาหารไทยของร้าน Blue Elephant ขยายออกมาเป็น “ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน และเครื่องปรุงรส” เป็นการต่อยอดจากร้าน เข้าสู่ครัวในบ้าน
“Pakamian” ต่อยอดภูมิปัญญาผ้าขาวม้าไทย ด้วยการเปลี่ยนจากผ้าขาวม้าธรรมดา ให้พลิกโฉมกลายเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์หลากหลายประเภท โดยยังคงเอกลักษณ์ลายตารางหมากรุกของผ้าขาวม้าราชบุรี
“แป้งตรางู” ความเย็นจากรุ่นสู่รุ่น ถึงปัจจุบันมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีหลากหลายประเภทสินค้า เช่น สเปรย์ตรางู ทิชชู่เปียก น้ำมันหอมระเหย
“ข้าวต้มมัดแม่นภา” ต่อยอดจากขาวต้มมัดห่อใบตองที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นำมาออกแบบและผลิตให้อยู่ในแพคเกจจิ้งที่ช่วยยืดอายุสินค้า สามารถขายเข้าค้าปลีกสมัยใหม่ และส่งออกต่างประทเศ
“All Coco” ต่อยอดจากการส่งออกมะพร้าวน้ำหอม มาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวหลากหลายรูปแบบ
2.คุณภาพไทยมาตรฐานโลก (Product Quality)
ในปัจจุบันมีการแข่งขันทางธุรกิจสูง เรื่องของคุณภาพจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ ทำให้ผู้ผลิตต้องใส่ใจในกระบวนการและวางมาตราฐานของสินค้าของตนให้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน
ตัวอย่างแบรนด์ในเรื่องนี้คือ
“กาแฟดอยช้าง” กาแฟไทย มาตรฐานระดับโลก โดยผลกาแฟสุกเต็มที่จะเก็บด้วยมือ จากนั้นคัดเอาเฉพาะเมล็ดที่สมบูรณ์ และเข้าสู่กระบวนการกะเทาะเปลือกทันทีภายใน 24 ชั่วโมงภายหลังการเก็บเกี่ยว ได้ออกมาเป็นกาแฟกะลาเปียก นำไปหมักแห้ง 24 ชั่วโมง และนำไปหมักเปียกต่ออีก 24 ชั่วโมง
จากนั้นตากให้แห้งด้วยแสงอาทิตย์เป็นระยะเวลา 7-8 วัน แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการผลิตกาแฟสาร มีการแยกเกรดของกาแฟสารเป็น 4 เกรด ซึ่งกาแฟสารที่ถูกคัดเกรดจะถูกนำมาคั่ว และบรรจุลงถุงฟอยล์ 4 ชั้น ที่มีวาลว์ระบายอากาศทางเดียว
“Folkcharm” เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายผลิตจากฝ้ายแท้จากธรรมชาติ 100% โดยช่างภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผลิตทำให้สินค้ามีความปราณีต คุณภาพ และใส่ใจทุกขั้นตอน
“hempThai” สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ใช้วัตถุดิบ “ใยกัญชง” มีคุณสมบัติเด่นที่ความยืดหยุ่น และทนทาน โดยในกระบวนการผลิต ต้องการใช้วัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ทุกอย่างเป็น Zero Waste
3.โดดเด่นด้วยความแตกต่าง (Product Differentiation)
การสร้างสรรค์สินค้าให้มีความแตกต่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการใส่นวัตกรรม การใส่แนวคิดและความคิดสร้างสรรคต่างๆเข้าไปในสินค้า ตลอดจนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความแตกต่างจากท้องตลอด
ตัวอย่างแบรนด์ที่โดดเด่นในเรื่องนี้ ได้แก่
“THANN” แบรนด์เครื่องหอม และ Skincare ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ดังทั้งในไทย และระดับโลก และถือเป็นผู้ประกอบการไทยรายแรกๆ ที่กล้าฉีกกรอบการดีไซน์แบรนด์ และแพ็กเกจจิ้งแบรนด์ไทย ให้มีความเป็นสากล สะท้อนได้จากการได้รับเลือกให้เป็นผลิตภัณฑ์ให้บริการลูกค้าในเครือโรงแรมแมริออท มากกว่า 400 แห่งทั่วโลก และอยู่บนสายการบินชั้นนำของโลก
“คุณยายปลั่ง” แบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้บุคคล ที่ใช้วัตถุดิบสมุนไพรไทย มีจุดเด่นด้านกลิ่น และสูตรที่พัฒนาตามธาตุเจ้าเรือน คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่ผู้บริโภคแต่ละคนมีธาตุแตกต่างกัน
“กล้วยตากจิราพร” เป็นแบรนด์ไทยที่โดดเด่นสร้างความแตกต่างของสินค้าที่เห็นกันอยู่ทั่วไปอย่างกล้วยตาก ให้กลายเป็นสินค้าที่ได้รับการเพิ่มมูลค่า และสร้างความแตกต่าง ด้วยการเป็นกล้วยตากออร์แกนิค และพัฒนารสชาติให้มีความหลากหลาย เช่น กล้วยตากเคลือบช็อคโกแลต, เคลือบชาเขียว
“Moddii” ขนมไทยใส่กระป๋อง นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์มาใช้ เพื่อยืดอายุขนมไทยนานขึ้น และส่งออกไปต่างประเทศ และสามารถกินได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะลดน้ำตาลลง ให้ทานง่าย และท่านได้ทุกวัน
“น้ำมันมวย” ผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการปวดของไทย ที่เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทย ตอบโจทย์ทั้งนักกีฬา ผู้ออกกำลังกาย หรือคนทั่วไปที่มีอาการปวดเมื่อย และปัจจุบันได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งชนิดน้ำ, ครีม, สเปรย์
4.สร้างเรื่องให้จดจำ (Brand Storytelling)
การที่แบรนด์สร้างเรื่องเล่าถือเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคผ่านสินค้าหรือบริการ ตลอดจนการตกแต่งร้าน บรรจุภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งเรื่องราวเบื้องหลังเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิต ล้วนส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่น การจดจำ และการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค
ตัวอย่างแบรนด์ที่โดดเด่นในเรื่องนี้ ได้แก่
“กมล” (Kamon Indigo) เรื่องเล่าจากต้นฮ่อม ใช้วัตถุดิบต้นฮ่อมของจังหวัดแพร่ มาผสานกับการออกแบบแฟชั่น ทำให้ได้สินค้าที่เป็นสีธรรมชาติ และมีดีไซน์
“วรรณี” (Varni) จากหัตถกรรมกระจูดวรรณีของจังหวัดพัทลุง วันนี้ได้ต่อยอดขยายออกไปสร้างศูนย์การเรียนรู้หัตถกรรมกระจูด – โฮมสเตย์ – พัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวชุมชน เพื่อให้แขกผู้มาเยือนได้เรียนรู้ “เรื่องราว และวิถีกระจูด” ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่น – การอยู่ในชุมชน – การทดลองทำผลิตภัณฑ์กระจูด – ที่พักที่ตกแต่งด้วยกระจูด
“Dhanabadee” (ธนบดี) แบรนด์เซรามิคของลำปาง ที่หลายคนรู้จักกันในฐานะผู้ผลิต “ชามตราไก่” รายใหญ่ มีชื่อเสียงทั้งในไทย และระดับโลก ทุกวันนี้นอกจากผลิตสินค้าเซรามิคแล้ว ยังเปิดพิพิธภัณฑ์เซรามิค เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของตระกูลธนบดี ต้นกำเนิดชามตราไก่ และเซรามิคต่างๆ ในลำปาง
“Karmakamet” เอกลักษณ์ความหอมแห่งเอเชีย เป็นแบรนด์ที่เกิดจากความตั้งใจ ความศรัทธา ความเชื่อของเอเชีย พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องหอม ที่สะท้อนรากเหง้าความเป็นเอเชีย ถึงปัจจุบันขยายสินค้า-บริการทั้งของตกแต่งบ้าน, ร้านอาหาร คาเฟ่
5. พลังแห่งการบอกต่อ (Advocacy)
เป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ต้องการและต้องทำให้ได้ คือ เมื่อแบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคได้ผ่านการสื่อสารครบทั้ง 4 เรื่องที่ผ่านมา แบรนด์ที่มีเรื่องราวโดนใจผู้บริโภค ผู้บริโภคจะทำหน้าที่บอกต่อเรื่องราวดี ๆ ของแบรนด์ให้ผู้บริโภครายอื่น ๆ ต่อกันไปในวงกว้าง ซึ่งบางทีสามารถช่วยให้จากแบรนด์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก สามารถเป็นที่รู้จักจนขยายเป็นวงการในระดับประเทศได้
“Maison Craft” แบรนด์หัตถกรรมพื้นบ้าน ที่กลายเป็นของตกแต่งบ้านสวยงาม มีจุดเร่ิมต้นของการเป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะในกลุ่มคนต่างประเทศ มาจากจัดแสดงงานเล็กๆ และออกบูธ ปรากฏว่าได้การตอบรับดีจากลูกค้าต่างประเทศ ถึงวันนี้ลูกค้า 70% คือกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ
“หมาใจดำ” เหล้าพื้นบ้านของเชียงใหม่ จำหน่ายในเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในเชียงใหม่ก่อน จากนั้นดังในกลุ่มนักท่องเที่ยว และขยายมายังคนกรุงเทพฯ
“น้ำปลาร้า รสมือแม่” เป็นสินค้าที่มีการใช้พรีเซนเตอร์ “แซ็ค ชุมแพ” และทำ Music Markeitng ให้แซค ชุมแพ มาร้องเพลงรสมือแม่ เพื่อสื่อสารแบรนด์ และความคิดถึงบ้านเกิดของคนอีสาน เพราะคนอีสานจากบ้านมาทำงานในเมือง ทำให้เข้าถึง insight คนอีสาน และโดนใจผู้ฟังจำนวนมาก ขณะเดียวกันในด้านช่องทางจำหน่าย ได้ขายผ่านร้านสะดวกซื้อ ทำให้เข้าถึงสินค้าง่ายขึ้น บวกกับมีการบอกต่อ ทำให้แบรนด์นี้เป็นที่รู้จัก