แม้ปัจจุบันจะมี AI เข้ามาช่วยทำงาน แต่บุคลากรยังคงมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรที่มีทักษะทางด้านเทคโนโลยี และบุคลากรที่มีทักษะด้านสิ่งแวดล้อมที่เทคโนโลยียังไม่สามารถเข้ามาทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การหางานที่เหมาะสมต้องสอดรับกับความต้องการของธุรกิจ โดยเฉพาะในตลาดประเทศไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ซึ่งจากข้อมูลในรายงานหัวข้อ “The Future of Jobs 2025” ที่ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับทาง World Economic Forum จัดทำขึ้น เพื่อชี้ให้เห็นถึงความต้องการแรงงานในตลาดและความต้องการทักษะจากบุคลากรในปี 2025 สู่การสร้างมนุษย์แห่งอนาคต (Future Human) สำหรับประเทศไทย รวมถึงการเสนอแนวทางเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในระหว่างปี พ.ศ. 2568–2573
5 ตำแหน่งงานรุ่ง-ร่วง
โดยในรายงานฉบับนี้ได้อ้างอิงจากการสำรวจกว่า 1,000 บริษัท ครอบคลุมพนักงานถึง 14 ล้านคนใน 22 อุตสาหกรรม จาก 55 ประเทศทั่วโลก ซึ่งผลสำเร็จพบว่า จะมีตำแหน่งงานใหม่ 170 ล้านตำแหน่งเกิดขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม และจะมี 92 ล้านตำแหน่งงานที่จะสูญหายไป เนื่องจากระบบอัตโนมัติและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ โดยการเติบโตสุทธิของการจ้างงานคิดเป็น 7% หรือเทียบเท่าได้กับ 78 ล้านตำแหน่งงานทั่วโลก
โดยคาดการณ์ว่า 5 ตำแหน่งงานที่จะเป็นดาวรุ่งที่ธุรกิจกำลังมองหา ประกอบไปด้วย
- ผู้เชี่ยวชาญด้าน Big Data
- วิศวกรด้าน FinTech
- ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine Learning
- นักพัฒนาซอฟท์แวร์และแอปพลิเคชัน
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการความปลอดภัย
ขณะที่ 5 ตำแหน่งงานที่จะเป็นดาวร่วงหรือสูญหายไปจากตลาดแรงงาน ประกอบด้วย
- พนักงานไปรษณีย์
- พนักงานคีย์ข้อมูล
- พนักงานธนาคาร
- พนักงานแคชเชียร์และพนักงานจำหน่ายตั๋ว
- ผู้ช่วยด้านงานธุรการและเลขานุการบริหาร
5 ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดแรงงาน
นอกจากนี้ จากรายงานยังมีการระบุปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในปี 2025 โดยเรียงลำดับความสำคัญ เริ่มจาก
- การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีAI หุ่นยนต์ และนวัตกรรมด้านพลังงาน (Technology Change) ถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบทบาทงานและทักษะของบุคลากร
- การเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม (Green Transition) จากความต้องการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กระตุ้นให้ตลาดความต้องการงานด้านวิศวกรสิ่งแวดล้อมและพลังงานหมุนเวียน
- ความผันผวนทางเศรษฐกิจ (Economy Uncertainty) ด้วยค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจกลายเป็นความท้าทายสำคัญต่อธุรกิจ
- การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร (Demographic Shifts) ด้วยจำนวนประชากรสูงอายุในประเทศมีรายได้สูงขึ้น ขณะที่แรงงานขยายตัวในประเทศกลับมีรายได้ต่ำ ส่งผลต่องการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน
- การแบ่งแยกทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (Geoeconomic Fragmentation) ด้วยข้อจำกัดทางการค้าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อรูปแบบธุรกิจในปัจจุบัน
ทักษะที่ธุรกิจต้องการและการรับมือของธุรกิจ
ผลจากรายงานยังระบุ ภายในปี 2029 ทักษะที่มีอยู่ในปัจจุบันจะถูกเปลี่ยนแปลงไปถึง 2 ใน 5 เมื่อนำข้อมูลทั้งหมดผ่านกระบวนการวิเคราะห์จะพบว่า 5 ทักษะที่สำคัญและกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดแรงของประเทศไทย คือ ทักษะด้าน AI และ Big Data, ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์, ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์, ทักษะด้านเครือข่ายและความปลอดภัยทางข้อมูล และทักษะการเป็นผู้นำและสร้างอิทธิพลต่อสังคม
ในขณะที่ธุรกิจระดับโลกกำลังมองหา 5 ทักษะการทำงาน ทั้งในด้าน AI และ Big Data, ทักษะด้านเครือข่ายและความปลอดภัยทางข้อมูล, ทักษะความฉลาดในการใช้งานเทคโนโลยี, ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ และทักษะการปรับตัวไว การทำงานอย่างยืดหยุ่นและคล่องตัว
นั่นทำให้ธุรกิจในตลาดสำหรับประเทศไทยต้องวางกลยุทธ์ด้านแรงงานไว้ถึง 5 กลยุทธ์สำคัญ ทั้ง
- การสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบ Holistic Skill Change โดยธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการยกเครื่องการ Upskill ของบุคลากรในทุกมิติ ที่ไม่ใช่แค่ทักษะใดทักษะหนึ่งเท่านั้น
- การสร้างองค์กรให้เป็น Future-Ready Organization ที่ต้องมีแผนการดำเนินงานและระบบการพัฒนาทักษะอนาคตของบุคลากร
- การนำเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะ Human Replacement โดยปล่อยให้งานที่ไม่ต้องใช้ทักษะขั้นสูงหรือต้องทำซ้ำซากทุกวัน ให้ระบบ Automation เข้ามาทดแทน และให้บุคลากรทำงานที่ต้องใช้ทักษะแทน
- หมุนเวียนหน้าที่เพื่อสร้างทักษะ Enhancing Dynamic Work Role ด้วยการส่งเสริมให้พนักงานไม่ยึดติดกับบทบาทหน้าที่ในแบบเดิมๆ แต่ควรมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่ได้ตลอดเวลา
- ควรผสานเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เข้ากับการทำงาน เพื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยีล้ำสมัยในการสร้างนวัตกรรมที่เพิ่มคุณค่าและความสามารถในการแข่งขัน
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพิ่มเติมว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก้าวสู่การเป็น “The University of AI” มหาวิทยาลัยมุ่งสร้าง “คนพันธุ์ใหม่” หรือ “Future Human” ที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญในการใช้งาน AI (Artificial Intelligence) แต่ยังเปี่ยมด้วยทักษะที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง II (Instinctual Intelligence) หรือ “ปัญญาสัญชาตญาณ” ซึ่งสร้างสรรค์ปัญญาที่ไม่อาจประดิษฐ์ขึ้นได้ ที่สำคัญจะต้องไม่ได้มีเพียงสมองที่ชาญฉลาด แต่ต้องมีหัวใจที่จะเปลี่ยนความสามารถทางเทคโนโลยีให้เป็นพลังที่สร้างคุณค่าแก่ทั้งตนเองและสังคม