JSL Re-brand เปิดประตูสู่โลกออนไลน์

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

logo_jslJSL เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น JSL Global Media เพื่อให้สอดคล้องกับโลกที่เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยี JSL ซึ่ง JSL จะปรับบทบาทการดำเนินธุรกิจใหม่ จากผู้ผลิตรายการโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว เป็นการดำเนินธุรกิจ เพื่อนำทุกคอนเทนท์ ไปต่อยอดหารายได้ จากทุกช่องทาง ตามไลฟ์สไตล์ ของผู้บริโภคแต่ละคน โดยเฉพาะช่องทาง นิว มีเดีย ต่างๆ ที่เกิดจากการพัฒนาของเทคโนโลยี เช่น ออนไลน์ คอนเทนท์ โมบาย เคเบิลทีวี และ ทีวีดาวเทียม

“เราไม่ได้มองแค่ตลาดในประเทศอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยี  คอนเทนท์ คุณภาพของ JSL สามารถออกไปทำตลาดในต่างประเทศได้  เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนต่างชาติ และคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ” – นางจำนรรค์ ผู้บริหาร JSL กล่าว

อย่างไรก็ตาม การก้าวสู่นโยบาย Global Media  จะต้องผลิตคอนเทนท์เพื่อรองรับผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะตลาดแมส  ดังนั้นในปีนี้ JSL จะกลับมาผลิตละครอย่างจริงจังอีกครั้ง นอกจากนี้จะขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจเพลง โดยคาดว่าจะเปิดตัวได้ช่วงกลางปีนี้

“ทุกคอนเทนท์ ที่ JSL ผลิต จะอยู่ภายใต้แนวคิด  Clean Media   เป็นคอนเทนท์ที่มีสาระและบันเทิงให้กับผู้บริโภค เพราะเราเชื่อว่า  คอนเทนท์ที่ดี ที่ไม่ใช่ขยะ หรือ น้ำเน่า ก็ขายได้” นางจำนรรค์ กล่าว

 

เปิดตัวผู้บริหารเจเนอเรชั่น “ทายาท”  

นอกจากนี้ JSL ยังถือโอกาสเปิดตัวผู้บริหาร Generation ที่ 3 หรือ เจเนอเรชั่นทายาท ที่จะเข้ามาบริหารองค์กร 4 คน  คือ นางสาวรติวัลคุ์ อัษฎามงคล  ผู้อำนวยการบริหาร  และ นายจิติณัฐ  อัษฎามงคล  ผู้อำนวยการ นิว มีเดีย  ทั้งสองคนเป็นทายาทของนางจำนรรค์ 

ส่วนอีกสองผู้บริหารใหม่ คือ  นายกรินทร์ ชูพินิจ  ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด  และ นายกฤษฏิ์  ชูพินิจ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิต  ทั้งสองคนเป็นทายาทของนางลาวัลย์ กันชาติ  ประธาน JSL หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท 

นางจำนรรค์ กล่าวอีกว่าสำหรับทิศทางของธุรกิจโทรทัศน์ไตรมาสแรกอยู่ในภาวะถดถอย  รายได้จากโฆษณาของ JSL  มีแนวโน้มลดลง 30%   ปัจจุบัน JSL มีรายการทีวี ในช่อง 5 ช่อง 7 และ ช่อง 9 รวม  7 รายการ และรายการของบริษัทในเครืออีก 3 รายการ รวมเวลาออกอากาศทั้งหมด 10 ชั่วโมง 35 นาที ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากโฆษณา 70-80%  ถือว่าอยู่ในภาวะเสี่ยงในการทำธุรกิจหากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

อนาคตบริษัทจะปรับสัดส่วนรายได้จากโฆษณาให้หรือ 60% ที่หรือมาจากช่องทางอื่นๆ ในปีนี้บริษัทจะลงทุนอย่างระมัดระวัง  การลงทุนใหญ่จะเป็นการผลิตละครเฉลี่ยเรื่องละ 30-40 ล้านบาท  แต่ปีนี้จะเน้นการรับจ้างผลิตรายการต่างๆ มากขึ้น  โดยเฉพาะกับช่องทีวีไทย ที่มีหลักคิดรายการสารประโยชน์ ตามที่ JSL นัด  สำหรับปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1,100  ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวน 900  ล้านบาท

Source: กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์


  •  
  •  
  •  
  •  
  •