ศึกษาการสร้างแบรนด์ให้ ‘ชิค’ ในแบบ Chic Republic ผู้นำเฟอร์นิเจอร์ กับ 11 ปีบนความสำเร็จของการสร้างสรรค์ไอเดียที่แตกต่าง

  • 73
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันทางธุรกิจที่ต้องช่วงชิงทุกความได้เปรียบ หนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจก็คือ “การสร้างแบรนด์” ซึ่งถือเป็นโจทย์ยากที่สุดที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้แบรนด์เป็นที่จดจำ สร้างเป็นแบรนด์ในใจผู้บริโภคที่เมื่อนึกถึงสินค้านี้ขึ้นมาชื่อแบรนด์ของคุณจะต้องผุดขึ้นเป็นอันดับแรกในใจผู้บริโภค ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องมีหลายองค์ประกอบและใช้เวลาในการสั่งสมสิ่งนี้ไม่น้อย

หนึ่งในแบรนด์ที่เราเล็งเห็นว่าเป็น Role model ในการสร้างแบรนด์จนประสบความสำเร็จ ที่สามารถสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นและแตกต่าง เป็นแบรนด์ผู้นำหนึ่งในใจผู้บริโภคได้แก่ Chic Republic แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ ที่ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา เติบโตและแข็งแกร่งก้าวสู่การเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น โดยเฉพาะสามารถเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในการสร้างความแตกต่างในทั้งไอเดียของการสร้างสรรค์ ไปจนถึงแนวคิดในการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจนทำให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาด ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังก็ไม่ใช่ใครเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการเฟอร์นิเจอร์มายาวนานก่อนที่จะเปิดแบรนด์ของตัวเองก็คือ “คุณกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Chic Republic ซึ่งให้โอกาสเราได้เข้ามาล้วงลึกไอเดียในการสร้างแบรนด์ Chic Republic และแบรนด์อื่นๆ ในเครือจนประสบความสำเร็จ

 

คุณกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Chic Republic

 

จากหนุ่มวิศวะสู่ นักธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไฟแรง

หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า คุณกิจจา ไม่ได้ศึกษาจบทางด้านการบริหาร แม้ว่าครอบครัวจะทำธุรกิจ แต่คุณกิจจาตัดสินใจหันมาศึกษาทางด้านวิศวะเคมีที่จุฬาฯ และจบปริญญาโทด้านวิศวอุตสาหกรรมที่สหรัฐอเมริกา (University of Texas, at Arlington) แต่จุดที่ทำให้ คุณกิจจา หันกลับมาทำงานธุรกิจได้นั้น เพราะหลงเสน่ห์ในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์

ผมพบว่าธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มันมีเสน่ห์ เพราะเวลาไปต่างประเทศ ไปเที่ยวหรือไปธุระก็ตาม คนอื่นอาจจะไปช้อปปิ้งไปเที่ยวในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ผมจะหาเวลาไปดูร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ ศูนย์การค้าที่จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ แล้วก็มองเทรนด์ใหม่ๆ ว่าการค้าขายเฟอร์นิเจอร์หรือของแต่บ้านตรงนี้มันมีวิวัฒนาการอะไร อะไรที่เป็นสิ่งดี เราก็จะจดจำเอาไว้เอามาใช้ แล้วก็กลับมาพัฒนาสินค้า”

แต่ถึงอย่างนั้นการเรียนวิศวะก็มีข้อดี เพราะทำให้เราเข้าใจเรื่องการผลิต ทำให้เรารู้ตลอดแบบครบวงจรของการผลิตสินค้าได้ลึกซึ้งกว่า ทำให้รู้ว่ากระบวนการผลิตเขาทำอย่างไรให้มีคุณภาพ ทำอย่างไรให้ต้นทุนถูกลง ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ได้เปรียบกับการเรียนเคมีและวิศวะ ประกอบกับเป็นคนชอบเรื่องการดีไซน์ ชอบพัฒนาสินค้า ดังนั้น สิ่งที่มีความสุขที่สุดคือ การได้เห็นดีไซน์ใหม่ๆ แล้วนำแนวคิดนั้นมาพัฒนาสินค้าของตัวเอง

 

เหตุผลเบื้องหลังการเปิดแบรนด์ CHIC Republic ของตัวเอง

เมื่อย้อนถามถึงเหตุผลที่ทำให้คุณกิจจากเปิดแบรนด์เป็นของตัวเอง คุณกิจจาเล่าด้วยตาเป็นประกายว่า Chic Republic เกิดขึ้นเพราะความรักความชอบ นอกจากนี้ ส่วนตัวได้เดินทางไปต่างประเทศเยอะมาก ได้เห็นสิ่งใหม่ๆ แบรนด์ต่างๆ ในต่างประเทศ และเราเห็นเลยว่าทางเลือกของคนไทยในการซื้อเฟอร์นิเจอร์มีค่อนข้างน้อย มีเลือกได้อยู่ไม่กี่แบรนด์ ดีไซน์ก็จะเหมือนๆ กันแล้วยังช้ากว่าต่างประเทศด้วย ในมุมของนักธุรกิจ เราก็มองว่านั่นคือโอกาส เราเห็นว่าสามารถทำอะไรได้ดีกว่า ดังนั้น ถ้าเรามาสร้างแบรนด์ Chic Republic แล้วจับลูกค้าระดับกลางขึ้นไป โดยไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้จะเป็นคนรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่มีบ้านหลังเดี่ยว ราคาค่อนข้างสูง ต้องการสินค้าทันสมัย หรือคุณค่าของวัสดุที่ดี ซึ่งตลาดนี้ในเมืองไทยยังมีโอกาสอีกเยอะ

สำหรับแบรนด์ Chic Republic จะไม่มุ่งไปที่ตลาดแมส เพราะว่าตลาดแมสคือการลดต้นทุนแล้วก็แข่งราคา ซึ่งผมมองว่ามันไม่ใช่วิธีการที่บริหารบริษัทที่มีประสิทธิภาพ หรือผลตอบลัพธ์ในเชิงการลงทุนที่ดี เพราะการทำธุรกิจต้องสร้าง Value-added ให้กับธุรกิจหรือสินค้านั้น ทำอย่างไรให้สินค้าดูดี ราคาสมเหตุสมผล แล้วมี Margin หรือผลกำไรที่ดี นั่นคือสิ่งที่มองเมื่อ 12 ปีที่แล้ว เราเห็นโอกาสว่า Chic Republic น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้าก็เลยก่อตั้งบริษัท Chic Republic ขึ้นมา”

 

โดดเด่นและแตกต่าง บนการสร้างประสบการณ์ความประทับใจ

สิ่งสำคัญที่ทำให้ Chic Republic ประสบความสำเร็จ ก็คือการสร้างความแตกต่าง (Differentiate) ไปจากตลาดเฟอร์นิเจอร์ แบรนด์ต้องหาสิ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำและสร้างความแตกต่าง สร้าง Brand awareness โดยโฟกัสไปที่การบิวด์จุดแข็งขึ้นมา ดังนั้น ในช่วง 3-4 ปีแรก Chic Republic จึงโฟกัสไปที่สไตล์วินเทจ (Vintage) ซึ่งถือว่าจุดขายที่สำคัญในช่วงแรกของการบุกตลาด ซึ่งทำให้เราเป็นแบรนด์ที่แตกต่างและน่าจดจำในตลาดเฟอร์นิเจอร์

สินค้าสไตล์วินเทจของเรา กว่า 100 SKU ฟูลมากๆ เรียกได้ว่า เป็นเฟอร์นิเจอร์วินเทจที่ครบวงจรมากที่สุด ในขณะนั้น มีตั้งแต่ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร หรือเฟอร์นิเจอร์กึ่งเอาท์ดอร์ก็มี เพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาที่ศูนย์เฟอร์นิเจอร์ของเราจะพบเลยว่าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ของคนอื่นอาจจะมีบ้างอย่างละนิดอย่างละหน่อยเท่านั้นเอง เมื่อเราไปในจุดนี้เราก็เร่งโหมทำการตลาดในมุมนี้ด้วยเพื่อให้ลูกค้ารู้จักเรามากที่สุด

 

 

นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์วินเทจของเรายังมีจุดขายที่สำคัญ ได้แก่เรื่องคุณภาพและการให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม้ทุกชิ้นของการทำเฟอร์นิเจอร์เราทำจากไม้ป่าปลูก เป็นไม้ที่ตัดถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่ไม้ที่ลักลอบ รวมทั้งเรายังต้องปลูกป่าทดแทนด้วย ในขณะที่สีที่ใช้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ใช้สีที่เรียกว่า Water base คือสีที่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลายไม่ใช่ Chemical base ไม่มีทินเนอร์หรือเคมี ซึ่งพวกนี้กลิ่นแรงและอาจเป็นมลพิษได้ นั่นคือสิ่งที่เราเลือกให้กับคอลเลคชั่นวินเทจเพื่อให้เกิดความแตกต่าง

จวบจนถึงปัจจุบัน Chic Republic มีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีสินค้าที่หลากหลายสไตล์ตามยุคสมัย เพื่อเพิ่มความหลากหลายของรูปแบบสไตล์สินค้าให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น โมเดิร์น, ลักซ์ชัวรี่, คอนเทมโพลารี่, อินดัสเทรียลชิค และอื่นๆอีกมากมาย

 

 

อีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญมากและได้ย้ำกับคนในองค์กรก็คือ เรื่องหัวใจบริการ (Service mind) เพราะมองว่าธุรกิจก็อปปี้กันได้ แต่เรื่องบริการที่ดีก็อปปี้กันได้ยาก บริษัทเราจึงมีสิ่งที่เรียกว่า Customer care คือเราต้องเอาใจใส่ ห่วงใยลูกค้าตลอดเวลา เมื่อลูกค้ามีปัญหาสิ่งแรกที่ต้องทำคือรับฟังแล้วนำมาแก้ปัญหาต่อ เพื่อให้ลูกค้าพอใจกับการไขปัญหาของเรามากที่สุด มากไปกว่านั้นก็คือทุกคนต้องรวมใจกันสร้างให้ทุกๆ touch point ของลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด

 

ครบถ้วนและสดใหม่’ กลยุทธ์ยืนหนึ่งศูนย์เฟอร์นิเจอร์ Stand alone

นอกเหนือจากคอลเลคชั่นวินเทจ ที่เป็นซิกเนเจอร์และสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ อีกสิ่งที่ทำให้ Chic Republic โดดเด่นและทำให้แตกต่างจากในตลาด ก็คือตัวศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบ Stand alone ที่ครบวงจรในแบบ One stop service ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่มักไปอยู่ในห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงมีการอัปเดทสินค้าใหม่ๆ สร้างความรู้สึกเซอร์ไพรส์ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ

คุณกิจจา เล่าว่า เรามีความตั้งใจที่จะทำให้ศูนย์เฟอร์นิเจอร์คือสถานที่แห่งการสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration) จึงให้ความสำคัญเรื่องของพื้นที่ที่จะต้องใหญ่ เราไม่ไปสเกลเล็ก มีพื้นที่อย่างน้อยเป็นหมื่นตารางเมตร เพื่อเป็นทางเลือกที่หลากหลายของลูกค้า ดังนั้น สิ่งที่เราทำก็คือการสร้างศูนย์เฟอร์นิเจอร์ที่เป็น One stop shopping ลูกค้าเข้ามาซื้อเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน เครื่องนอน ของใช้ในบ้าน ทุกอย่างครบหมด แล้วยังมีดีไซน์เนอร์มาให้คำแนะนำในการออกแบบด้วย รวมไปถึงการสร้างบรรยากาศในร้านที่ทำให้มาแล้วต้องร้องว้าว! คือมาแล้วได้แรงบันดาลใจ ได้ไอเดียกลับไป หรือบางคนมาแล้วชอบการตกแต่งของเราแล้วถ่ายรูปส่งไปให้ดีไซน์เนอร์ก็ได้ นั่นคือสิ่งที่เราอยากจะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและอยากจะมาอีกซ้ำๆ

ในส่วนของการเป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ นอกจากพื้นที่ต้องกว้างขวางแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญมากก็คือ จะมีการอัปเดทสินค้าใหม่ทุกเดือนหรือทุก 3 เดือน ซึ่งมีนิวคอลเลคชั่นเข้ามาใหม่ตลอด รวมไปถึงเราจะมีการจัดมุมเฟอร์นิเจอร์ มีการมิกซ์แอนด์แมทช์ย้ายเปลี่ยนแปลงมุมไปเรื่อยๆ นี่คือจุดที่ลูกค้าเข้ามาในร้านเราแล้วไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อ เพราะว่ามีอะไรใหม่ๆ ให้ลูกค้าตื่นเต้นตลอดเวลา

 

 

การสร้างสรรค์ 2 แบรนด์ในเครือ ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกความต้องการ 

หลังความสำเร็จในการปั้นแบรนด์ Chic Republic แล้ว คุณกิจจามองว่า การจะเป็นแบรนด์ที่ดีได้จะต้องไม่หยุดนิ่ง จะต้องดูแลและพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่าเป็นแบรนด์ที่แก่ ดังนั้น ในการพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตและแข็งแกร่งอีกกลยุทธ์หนึ่งก็คือ การแตกแบรนด์เพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค จึงตัดสินใจครีเอทเพิ่มขึ้นอีก 2 แบรนด์เป็นแบรนด์ในเครือ ได้แก่ Rina Hey และ Ashley  ซึ่งแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน

  • Rina Hey เป็นแบรนด์ที่จับลูกค้ากลุ่ม small space ที่อยู่คอนโดมีเนียม ทาวน์เฮาส์หรือทาวน์โฮม โดยแบรนด์นี้ทำมาเพื่อจับกลุ่มตลาดแมส เพื่อให้สินค้าเข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่มีบ้านหรือมีคอนโด เป็นกลุ่ม New couple ครอบครัวใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น และมีรายได้ที่จำกัดมาซื้อเฟอร์นิเจอร์ราคาไม่แพง
  • Ashley แบรนด์นี้เป็นแบรนด์จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นแบรนด์ที่ชื่อเสียงมาก มีทั้งโรงงานและยอดจำหน่ายมากที่สุด ซึ่งถ้าใครชอบดีไซน์แบบอเมริกาก็จะถูกใจแบรนด์นี้มากๆ

ดังนั้นทั้ง 3 แบรนด์ (รวม Chic Republic) เป็นการจับกันคนละเซ็กเมนต์ โดยเป็นแบรนด์ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือเป็นสามขาที่แข็งแรง ลูกค้าที่เข้ามาก็จะสามารถเลือกแบรนด์ต่างๆ ได้ตามความชอบตามไลฟ์สไตล์ ตามกำลังซื้อ หรือตามสไตล์บ้านที่เขาอยู่อาศัยได้เลย ทั้งหมดนี้ทำให้บริษัทเราเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้ครบถ้วน

 

 

2 บริการใหม่จาก Chic Republic ตอกย้ำการเป็นทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ

นอกเหนือจากการแตกแบรนด์เพิ่มเติมแล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมมากที่สุด รวมทั้งสร้างความหลากหลายในกลุ่มธุรกิจด้วยการแตกไลน์ New business unit เพิ่มเติมอีก 2บริการ เพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพิ่มเติม ได้แก่

  • Chic Design Studio คือการรวบรวบทีมดีไซน์เนอร์มืออาชีพ มาช่วยออกแบบตกแต่งภายในให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น บ้านหรือคอนโด โดยเราจะมีผู้รับเหมามาทำให้เลย หรือเรียกว่าบริการแบบ Turn Key Service
  • Chic Rent in Style คือบริการเปิดให้เช่าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง สำหรับลูกค้าที่ต้องการนำไปใช้งานต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานในสตูดิโอ หรือ แต่งห้องคอนโดเพื่อถ่ายภาพ และเรายังบริการสไตล์ลิสต์และดีไซน์เนอร์ไปจัดเฟอร์นิเจอร์และพร้อพให้ด้วย

ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามายังศูนย์เฟอร์นิเจอร์แล้วชอบสไตล์ของเรา มักจะมาถามหาบริการว่าอยากให้มีดีไซน์เนอร์มาช่วยออกแบบให้ หรือต้องการแบบเทิร์นคีย์คือออกแบบเสร็จแล้วขอให้รับเหมาตกแต่งให้ด้วยเลยได้ไหม รวมไปถึงบริการการจัดพร็อพต่างให้ ทำให้เราตัดสินใจเพิ่มอีก 2 บริการ ซึ่งผมก็ได้มอบหมายให้ คุณฟาง-ศริตา ปัทมสัตยาสนธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เข้าทำดูแล 2 BU นี้ เพราะฉะนั้นนอกจากจะบริการลูกค้าแล้ว เรายังได้ยอดขายต่อลูกค้าหนึ่งท่านที่สูงขึ้น นั่นทำให้ธุรกิจเรามีโอกาสเติบโต และที่สำคัญต้องยอมรับว่าความสะดวกสบายเป็นเรื่องสำคัญ ลูกค้าต้องการไปที่ไหนมีทุกอย่างครบวงจร อันนี้คือสิ่งที่เราเอาแนวคิดนี้มาทำธุรกิจของเรา”

 

กลยุทธ์การจำหน่ายแบบ O2O สร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อ 

ในส่วนของช่องทางจัดจำหน่าย ปัจจุบัน Chic Republic มีทั้งหมด 5 สาขา ได้แก่ ประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบด่วน),  บางนา, ราชพฤกษ์, รามอินทรา และ พัทยา นอกจากนี้ ยังมีการไปเปิดที่ต่างประเทศที่ กัมพูชา ที่ศูนย์การค้า AEON MALL Sen Sok City ใจกลางกรุงพนมเปญ เนื่องจากกลุ่มพบว่ามีกลุ่มเป้าหมายมีจำนวนมากและเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อที่แข็งแกร่งอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่องทางสโตร์แบบหน้าร้านประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้ตลาดออนไลน์เริ่มโต ทำให้บริษัทตัดสินใจก้าวสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ดังนั้น บริษัทเราได้ลงระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่เป็นระบบเรียลไทม์ทั้งองค์กร ตั้งแต่แบ็คออฟิศจนถึงฟร้อนท์ออฟฟิศ โดยที่ทุกคนในองค์กรสามารถเช็คสต๊อกได้เห็นตลอดทั้งขบวนการ ตั้งแต่การซื้อการขาย การขนย้ายสินค้า และสต๊อกสินค้าที่เราต้องจัดการ หรือแม้แต่ระบบบัญชีการเงินก็ใช้ระบบเรียลไทม์ทั้งหมด

นอกจากนี้ ในส่วนของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาสู่ช่องทางออนไลน์ ทำให้เราก็ต้องปรับตัวตามผลักดันกลยุทธ์ O2O  จากออนไลน์ถึงออฟไลน์ และออฟไลน์ไปออนไลน์ ซึ่งทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่องทางโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ หรือดูบนออนไลน์แล้วก็สามารถมาดูของจริงที่สโตร์ก็ได้ ซึ่งป้ายราคาก็จะมี QR Code ที่เมื่อสแกนแล้วก็จะมีข้อมูลของสินค้าปรากฏขึ้นมาให้ดู ซึ่งทั้งหมดนี้จะสร้างปรากฏการณ์เชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ (Seamless Experience) ให้กับลูกค้า

 

Key success ของการสร้างแบรนด์ Chic Republic

บนความสำเร็จ 11 ปี และการก้าวย่างสู่ปีที่ 12  สิ่งที่ทำให้ Chic Republic ยืนหนึ่งในใจผู้บริโภค คุณกิจจา ระบุว่า เพราะเรามองว่า ‘ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์คือแฟชั่น’ การแต่งบ้านและการเลือกเฟอร์นิเจอร์ มันเป็นเรื่องของแฟชั่น มันไม่ใช่แค่ฟังก์ชั่น ความหมายคือมันต้องเปลี่ยนตามเทรนด์ ความชอบของคนมันเป็นเรื่องไลฟ์สไตล์ เพราะฉะนั้นเราบอกว่า Living is not just to live but to live fashionably ก็หมายความว่า การอยู่อาศัยมันต้องเป็นไลฟ์สไตล์ เป็นแฟชั่น ความชอบ มีเทรนด์ใหม่ๆ นั่นคือสิ่งที่ Chic Republic ให้หลักคิดกับทีมงานตลอดเวลาว่า เราต้องพัฒนาสินค้าเราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า

เพราะฉะนั้น Key success ของ Chic Republic คือการพัฒนาสินค้า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ดังนั้น ไม่ว่าจะธุรกิจอะไรก็ตาม ถ้าเราไม่เข้าใจ ไม่รู้ความต้องการลูกค้า หรือเรารู้แล้วแต่ไม่พัฒนาสินค้าหรือบริการนั้นไปสู่ความต้องการของลูกค้าได้ ก็ไม่มีทางสำเร็จ”

 

 

Chic Republic บนทิศทางแห่งความท้ายทายในอนาคต

สำหรับอนาคตของตลาดเฟอร์นิเจอร์ มองว่าเติบโตไปตามตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว และมั่นใจว่ายังคงเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่องเพราะช่วงวงจรชีวิตของผู้คนจะต้องเติบโตขยับขยาย ดังนั้น ส่วนตัวมองว่าธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไปต่อได้ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของดีไซน์เฟอร์นิเจอร์อาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามไลฟ์สไตล์ของผู้คน เพราะเรื่องของดีไซน์มันไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น การเพิ่มมูลค่าด้วยดีไซน์มันคือ Key Success ของการทำเฟอร์นิเจอร์และมีโอกาสต่อยอดเพิ่มมูลค่าเข้าไปได้อีกเรื่อยๆ

ในส่วนของ Chic Republic นอกเหนือจากการที่เรามีการบริการและสร้างประสบการณ์ที่ดีเลิศให้กับลูกค้าแล้ว เราก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่นเพื่อสอดรับกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแม้แต่ตอนนี้เราก็กำลังมองเรื่อง Metaverse อาจจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราจะกระโดดเข้าไปในโลกของดิจิทัล เพราะออนไลน์ให้คนเข้าไปถึงตัวเรามากขึ้น อันนี้คือสิ่งที่เราคิดว่าธุรกิจเราจะต้องปรับตัวเองไปอย่างนี้ให้ได้ เพื่อให้ทันกับโลกและความต้องการของลูกค้า

นับได้ว่า Chic Republic คือต้นแบบของการสร้างแบรนด์ที่มีจุดเริ่มต้นจาก Passion นำไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง แต่มากไปกว่านั้น มันคือความตั้งใจที่จะเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์ที่ดีที่สุดเพื่อคนไทย.


  • 73
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE