ย้อนรอยการสื่อสารสร้างแบรนด์ Mazda จาก Zoom Zoom สู่ Feel the Drive ส่งผ่านประสบการณ์ถึงผู้ขับขี่อย่างแท้จริง

  • 2K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

Branding เป็นเรื่องสำคัญของการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน หนึ่งในกรณีศึกษาที่เห็นภาพความสำคัญของการทำ Branding ต้องยกให้ค่ายรถยนต์อย่าง Mazda ที่ในอดีตเคยปรับโลโก้ใหม่พร้อมการสื่อสารอย่างเร้าใจด้วยสโลแกน “Zoom-Zoom” จนสามารถปรับภาพลักษณ์ให้กลายเป็นรถยนต์ที่มีความทันสมัย จนมาถึงการสื่อสาร “Feel the Drive” ที่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่ง Mazda เตรียมก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นกับการสื่อสารใหม่ที่จะยกระดับประสบการณ์ชีวิตของผู้ขับขี่ในทุกมิติอย่างแท้จริง ผ่านมุมมองของ คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

 

 

ฉีกภาพลักษณ์เดิมด้วย Zoom-Zoom

ในอดีต Mazda เป็นเพียงค่ายรถยนต์เล็กๆ ที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่แบรนด์ Mazda เริ่มเติบโตอย่างก้าวกระโดดทันทีที่ปล่อยแคมเปญ Zoom-Zoom เป็นช่วงที่ Mazda เริ่มต้นการพัฒนารถยนต์ Generation ใหม่  อย่าง Mazda3 ที่เน้นความสนุกสนานในการขับขี่และยังเป็นการสะท้อนตัวตนของผู้ขับออกมาได้ชัดเจน ขณะที่ค่ายรถส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ประสิทธิภาพสมรรถนะการใช้งานทั่ว ๆ ไป โดยมองว่ารถยนต์เป็นเพียงแค่ยานพาหนะที่พาจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเท่านั้น

 

 

“สมัยทำแคมเปญ Zoom-Zoom จะให้ความสำคัญกับความสนุกสนานในการขับขี่ นอกจากนี้ Zoom -Zoom ในภาษาไทยยังหมายถึงเสียงของเครื่องยนต์ “บรืน บรืน” ไม่เพียงเท่านี้แคมเปญ Zoom -Zoom ยังเป็นแคมเปญที่เข้ามาพลิกแบรนด์ Mazda ในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด Fun to Drive โดยเฉพาะในรุ่น Mazda 3 ที่ในอดีต Mazda ในประเทศไทยจะเติบโตมาจากตลาดรถกระบะ ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่งจะเป็นรุ่นเก่าที่เป็นดีไซน์เดิมอย่างรุ่น 626 หรือรุ่น Astina”

ปี 2013 หลัง Mazda เข้าสู่ยุคการเลปี่ยนผ่านเทคโนโลยและรถยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่มีเทคโนโลยี Skyactiv เข้ามาติดตั้งในรุ่นเรือธงอย่าง Mazda 2 ก็ยังคงอยู่ภายใต้แคมเปญ Zoom-Zoom โดยสร้างความแตกต่างให้กับตลาดด้วยการออกแบบอันสง่างามจาก โคโดะ ดีไซน์ และการวางเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล และสกายแอคทีฟเบนซิน และการจัดช่วงล่างที่เน้นการขับขี่แบบสปอร์ตเร้าใจ ทำให้รถยนต์ Mazda เมื่อเทียบรุ่รต่อรุ่นกับค่ายรถญี่ปุ่นด้วยกันจะมีสเปคที่สูงกว่า ขณะที่ค่ายรถส่วนใหญ่เน้นความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นหลัก

 

Feel the Drive สัมผัสความรู้สึกทุกการขับขี่

จากอดีตที่ผ่านมาในปี 1991 Mazda มีการนำรถยนต์ 787B ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ Rotary ลงทำการแข่งขันเลอมังส์ 24 ชั่วโมง ทำให้ Mazda เป็นค่ายรถญี่ปุ่นแรกที่สามารถชนะรายการนี้ได้ ที่ประเทศฝรั่งเศส สร้างประวัติศาสตร์ให้ชาวฮิโรชิมา นำมาพัฒนาลงสู่รถสปอร์ตหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Mazda RX-7 และ Mazda RX-8 ฝรั่งเศส นำไปสู่การสื่อสารถึงแนวคิดที่ไม่เคยหยุดท้าทายตัวเอง พร้อมพัฒนาสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ ๆ

 

 

แคมเปญ “FEEL THE DRIVE” ขับเคลื่อนชีวิตไปด้วยกัน ให้ไกลกว่าเดิม โดยถ่ายทอดความหมายในแง่มุมใหม่ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม ผ่านประสบการณ์และการขับเคลื่อนทุกจังหวะของชีวิตไปข้างหน้าด้วยกันกับมาสด้า รวมถึงการมีส่วนร่วมและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยมีรถยนต์มาสด้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์และการใช้ชีวิตของลูกค้าในทุกจังหวะของชีวิต ผ่านสื่อโฆษณาแบบครบวงจรทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ และมอบคุณค่าอย่างแท้จริงให้กับลูกค้ามาสด้าทุกคน ในทุกช่วงเวลาที่พร้อมก้าวเดินไปด้วยกัน เพราะทุกลมหายใจจะนำพาให้คุณเติบโต มาสด้าพร้อมเดินเคียงข้างไปกับลูกค้าในทุกลมหายใจ

“นั่นทำให้แบรนด์ Mazda เน้นในเรื่องของความสนุกสนานในการขับขี่ เพื่อให้เกิดความรู้สึกสนุกทุกครั้งที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ช่วยให้ผู้ใช้ Mazda สามารถรับรู้ถึงความสนุกนั้นได้ ส่งผลให้ในปี 2015 มีการสร้างภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ดดยที่ไม่มีรถอยู่ในภาพยนตร์โฆษณาเลย หรือที่เรียกว่า Air Driving Scene คือความรู้สึกสนุกจากการขับขี่ แต่ไม่มีพวงมาลัยให้จับ แต่สะท้อนความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังพวงมาลัยในการขับขี่รถ Mazda ภายใต้แคมเปญ Feel the Drive

สำหรับแคมเปญดังกล่าวมาพร้อมกับเทคโนโลยี SKYAVTIV และ Mazda Connect ที่สามารถเชื่อมต่อรถยนต์เข้ากับสมาร์ทโฟนช่วยให้สามารถใช้งานฟังก์ชั่นของรถได้บนสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย รวมถึงระบบความปลอดภัย i-Activsenseที่เป็นระบบ Active Safty ที่มีฟังก์ชั่นต่างๆ มากมาย เข้ามาช่วยในการขับขี่สะดวกสบายเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 

ขยายการสื่อสารสู่ Fanbase Marketing

หลังประสบความสำเร็จจากแคมเปญดังกล่าว Mazda ยังได้ขยายแคมเปญ Feel the Drive ออกเป็นเวอร์ชั่นที่ 2 โดยเน้นสื่อสารเพื่อบอกตัวตน พร้อมกับการฉลองครบรอบยอดขาย Skyactiv จำนวน 100,000 คันในประเทศไทย โดยเน้นไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และยังเป็นการเริ่มต้นกิจกรรม Mazda Moment ช่วงเวลาประทับใจกับ Mazda

 

 

“กิจกรรม Mazda Million Moment ให้ลูกค้าแชร์เรื่องราวความประทับใจกับรถ Mazda แล้วเลือกเรื่องราวมาทําเป็นภาพยนตร์โฆษณา 5 เรื่อง จนนำมาสู่แคมเปญ Feel the Drive เวอร์ชั่นที่ 3 ที่เน้นการขับเคลื่อนชีวิตโดยสื่อสารด้วยคำว่า Drive ผ่านเรื่องราวจากชีวิตจริงของผู้ใช้รถ Mazda ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการเปิดตัวรถ Mazda ใน Generation ใหม่ล่าสุดทำให้มีการขยายไปสู่แคมเปญ Feel the Drive เวอร์ชั่นที่ 4 ที่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างรถกับคนและสร้างความสัมพันธ์จนกลายเป็น Community กลุ่มผู้ใช้รถ Mazda”

Mazda ยังขยายการสื่อสารผ่านแคมเปญ Feel the Drive อย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2022 ด้วยการนำเรื่องราวจริงของผู้ใช้รถ Mazda มาปรับแต่งเพื่อให้เกิดการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นที่ Mazda เข้าไปอยู่ในทุกช่วงชีวิตของทุกคน ซึ่ง Mazda เรียกกลยุทธ์นี้ว่า “Fanbase Marketing” โดยให้แฟน Mazda ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับแบรนด์ ทำให้เกิดภาพยนตร์โฆษณาที่เน้นกลุ่มรถครอบครัวเพื่อให้เห็นถึงพัฒนาการของแบรนด์ ที่เติบโตไปพร้อมกับกลุ่มลูกค้า

 

พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ที่ไม่ใช่แค่การขับขี่ แต่ในทุกมิติของชีวิต

ไม่เพียงแต่แคมเปญ Feel the Drive จะได้รับความสนใจ แต่ยังมีกิจกรรมอย่าง Mazda Moment ก็ได้หลายคนตอบรับจนทําให้เกิดกิจกรรม Mazda Moment เวอร์ชั่นที่ 2 โดยใช้ชื่อว่า Mazda Million Moments สอดรับกับพฤติกรรมผู้ใช้รถยนต์ Mazda ที่ต้องการแชร์ความรู้สึกและเรื่องราวต่างๆ ให้กับ Community และนำมาสู่การทําเป็นภาพยนตร์โฆษณาที่นำผู้ใช้ Mazda ตัวจริงมาเล่นจริง

“สำหรับปลายปีนี้เรากําลังเตรียมเปิดตัวแคมเปญการสร้างแบรนด์ ภายใต้แนวคิด Enrich People Life-in-Motion โดยยึดในเรื่องของ PPV ที่ย่อมาจาก Purpose Promise และ Value ด้วยการเติมเต็มประสบการณ์และคุณค่า พร้อมยกระดับชีวิตของผู้คนทั้งในเรื่องของความรู้สึกและเรื่องของฟังก์ชั่น โดยยังคงให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งในการคิดค้นและพัฒนา”

โดยแคมเปญนี้ Mazda จะให้ความสำคัญกับเรื่องของ Challenger Spirit ที่มาสด้าไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค ที่ในอดีตโรงงาน Mazda ที่ญี่ปุ่น ใช้เวลาเพียง 3 เดือนสามารถกลับมาผลิตรถจักรยานยนต์ 3 ล้อ หลังถูกทิ้งระเบิดปรมณูที่เมืองฮิโรชิมา ส่งผลให้ Mazda ได้เข้ามาดูแลชาวเมืองและผู้ใช้รถมาสด้าเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว และยังเป็นการช่วยสร้างคุณค่า (Value) ให้กับแบรนด์

 

สร้างความสัมพันธ์ผ่าน Customer Experience Management

นอกจากในด้านการสื่อสารผ่านแคมเปญต่าง ๆ แล้ว ในด้าน CRM Activity เอง Mazda ก็มีการดำเนินการมาตลอดหลากหลายรูปแบบ อาทิ โครงการ มาสด้า ปันสุข ที่กิจกรรมควบคู่ไปกับการสร้างสรรสังคมไทยให้ยั่งยืน โดย Mazda วางตำแหน่งเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมในด้านประสบการณ์การขับขี่และประสบการณ์จากการได้เป็นเจ้าของรถ โดยปีนี้จะเน้นเรื่องของประสบการณ์ที่จะทำให้ Mazda เป็นพรีเมียมแบรนด์ผ่าน Customer Experience

 

 

“โดยที่เราจะมีการใช้เทคโนโลยี Digital Platform เข้ามาช่วยผ่านการใช้ Data เพื่อสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะการสื่อกับลูกค้าโดยตรง เจาะจงความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ฟังเสียงลูกค้ามากขึ้น เช่นก่อนการซื้อรถเราจะมีแพลตฟอร์ม Sky Journey โดยดีลเลอร์จะใช้แพลตฟอร์มเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารถึงขั้นตอนในการเลือกซื้อ ตั้งแต่การเข้ามาลงทะเบียน ไปจนถึงสถานะการจอง สถานะการจัดไฟแนนซ์ ของแถมส่วนลดต่างๆ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้เข้าใจผู้บริโภคและเข้าถึงความต้องการผู้บริโภคได้มากขึ้น”

ในส่วนของบริการหลังการขาย Mazda จะเข้าไปดูแลเรื่องของค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งต้นทุนการถือครอง ดูแลการรับประกัน หรือกรณีที่มีการเข้าศูนย์บริการ Mazda ตลอดเป็นประจำจะมี Privileges ในด้านไลฟ์สไตล์มอบให้ โดยเฉพาะการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว

 

ตลาดเปลี่ยนไปสู่ความท้าทายใหม่

ปัจจุบันตลาดรถยนต์ค่อนข้างซับซ้อนขึ้น เนื่องจากมีคู่แข่งแบรนด์จีนเข้ามา ทำให้มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของปริมาณสัดส่วนรถยนต์ EV รวมถึงมุมมองของลูกค้าในเชิงเทคโนโลยี จนเกิดเป็นความท้าทายรูปแบบใหม่ แต่ Mazda ยังมั่นใจในการแข่งขัน เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการความมั่นใจและต้องการแบรนด์ที่สามารถสะท้อนตัวตนได้ สอดรับกับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ Mazda อยู่ในเมืองไทย ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

 

 

สำหรับความสำเร็จของ Mazda ในมุมมองของคุณธีร์ คือการสามารถสร้าง Fanbase Marketing ได้ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา รวมไปถึงอัตราการเข้าใช้บริการที่ศูนย์บริการ โดยมีสัดส่วนเฉลี่ยการเข้าใช้บริการสูงถึง 96% ซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ที่ดีในการเข้าใช้บริการ ขณะที่การซื้อซ้ำของ Mazda มีอัตราการซื้อเพิ่มขึ้นผ่านการสะสมประสบการณ์ของผู้บริโภค ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาของแบรนด์

“ความโดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์เป็นสิ่งที่สัมผัสได้ จับต้องได้ นอกเหนือจากเรื่องของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ สมรรถนะการขับขี่ สังเกตได้ว่าดีไซน์รถ Mazda จะเป็นดีไซน์ที่อยู่ได้นาน ไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนดีไซน์บ่อยๆ สามารถอยู่ได้ยาวๆ นอกจากนี้คนที่ซื้อ Mazda ส่วนใหญ่จะซื้อด้วยอารมณ์ นั่นทำให้เรามีลูกค้าที่เป็นผู้หญิงกว่า 60%”

ขณะที่ความท้าทายของตลาดรถยนต์คือสภาวะอิ่มตัว ซึ่งปัจจุบันตลาดรถในประเทศไทยใกล้เคียงกับตลาดยุโรป ตอนนี้ Mazda จึงเน้นรถในเชิงคุณภาพ นั่นจึงทำให้ Mazda เน้นการเติมเต็มความสมบูรณ์ของชีวิต รวมไปถึงสภาพตลาดรถยนต์ที่มีทั้งเรื่องของ EV และแบรนด์ใหม่ที่เข้าสู่ตลาด ทําให้เกิดวิธีการทําตลาดใหม่ๆ และพฤติกรรมของกลุ่ม New Generation ที่ไม่เน้นขับรถแต่หันไปใช้บริการระบบรถไฟฟ้าหรือหันไปใช้บริการ Ride Hailing มากขึ้น ซึ่งต้องมีการปรับตัวตลอดเวลา

 

โชว์ความยิ่งใหญ่ใน Motor Show

อีกหนึ่งการสร้างแบรนด์ของ Mazda นอกเหนือจากแคมเปญการสื่อสารและกิจกรรมต่างๆ แล้ว การจัดบูธในงาน Motor Show 2024 ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างแบรนด์ Mazda ในปีนี้มีการใช้ธีมที่ชื่อว่า “Love of Cars” โดยภายในบูธของ Mazda จะถูกแบ่งออกเป็น 4 โซน สำหรับในโซนแรกจะเป็น “Technology Zone” ซึ่งจะเป็นการโชว์รถยนต์ไฮไลท์เด่นที่อยู่บนเวทีอย่าง Mazda MX-30 e-SKYACTIV R-EV ซึ่งเป็นการกลับมาของตำนานเครื่องยนต์ในรูปแบบโรตารี่ที่มีสมรรถนะสูง ซึ่งเครื่องยนต์โรตารี่จะถูกใช้เป็น Generator สำหรับการปั่นไฟเพื่อนำไปใช้กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ Mazda MX-30 R-EV กลายเป็นรถไฟฟ้า 100%

 

 

สำหรับโซนต่อมาจะเป็น “You and  Mazda Moments Zone” ซึ่งตลอดเวลาอยู่ในประเทศไทยมากว่า 70 ปี ปัจจุบัน Mazda มีฐานลูกค้าถึง 700,000 ราย โดยในจำนวนดังกล่าวอยู่ในระบบของการเข้าศูนย์บริการอยู่ที่ประมาณ 400,000 ราย โซนนี้จะเป็นการทำกิจกรรมร่วมกับผู้ใช้รถ Mazda ด้วยการเชิญชวนให้ลูกค้าส่งภาพถ่ายคู่กับรถ Mazda ในกิจกรรม “You & Mazda Moments” ด้วยการแชร์ภาพ Moment เจ้าของรถกับตัวรถที่มีความผูกพันกัน โดยจะมีการคัดเลือกภาพจริงนำมาโชว์ในโซนนี้

 

 

“อีกโซนที่น่าสนใจอย่าง “The Memorable Love of Cars” จะเป็นโซนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแบรนด์ Mazda ในช่วงแรกที่มีการใช้แคมเปญการตลาดว่า Zoom-Zoom ที่สื่อถึงความรู้สึกสนุกสนานในวัยเด็กกับรถของเล่น พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนนำรถของเล่นที่ไม่ได้ใช้แล้วมาบริจาค โดย Mazda Sales Thailand จะเป็นตัวกลางในการนํารถเด็กเล่นไปบริจาคต่อให้กับเด็กที่อยู่ในต่างจังหวัดหรือกลุ่มเด็กที่ขาดแคลนของเล่น โดยมีทั้งผู้ที่ใช้ Mazda และผู้ที่สนใจร่วมบริจาคมาให้ทั้งสิ้น 500 คัน และทาง Mazda สมทบเพิ่มอีก 1,000 คัน รวมแล้วจำนวน 1,500 คัน”

 

 

สำหรับรถของเล่นที่ได้รับบริจาคมาจะถูกนำมาจัดแสดงบนผนังของโซนนี้ ก่อนที่จะนำไปบริจาคหลังจบงาน Motor Show และยังมีการจัดแสดงรถยนต์ Mazda MX-5 รุ่นใหม่ที่เป็นรถ Sport Roadster ที่ขายดีที่สุดในโลกสามารถทำยอดขายทะลุ 1 ล้านคัน และโซนสุดท้ายจะเป็นโซนในการจัดแสดงรถยนต์ Mazda ทุกรุ่น พร้อมกับการเปิดตัวรถกระบะ BT-50 รุ่นใหม่ โมเดลปี 2024 ล่าสุด

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์อย่าง Mazda 6 ซึ่งเป็นรถรุ่นพิเศษที่ผลิตในช่วงวาระครบรอบ 20 ปี นําเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น โดยผลิตจํานวนจํากัดมีแค่เพียง 100 คัน

 

Mazda อีกหนึ่งค่ายที่มีรถครบทุกเซ็กเม้นต์

ถือได้ว่า Mazda เป็นอีกหนึ่งค่ายรถยนต์ที่มีรถยนต์ครบทุกเซ็กเม้นต์ ตั้งแต่รถซิตี้คาร์ไปจนถึงรถครอบครัว SUV Crossover ที่สำคัญยังมีเซ็กเม้นต์ในกลุ่มรถปิกอัพ ในขณะที่ค่ายรถยนต์อื่นหากไม่เน้นรถกระบะก็เน้นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอย่างหนึ่งอย่างใด หากจะขาดก็เพียงกลุ่มรถตู้ที่มีขนาดตลาดที่ยังจำกัดอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเรียกได้ว่า Mazda สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกกลุ่ม ทุกวัย

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Mazda โดดเด่นกว่าค่ายอื่นๆ คือเรื่องของดีไซน์และ Emotional ที่ผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบอันสง่างงามจาก โคโดะ ดีไซน์ และถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่เจาะเข้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้เลือกมาสด้า เกิดเป็น Loyalty of Brand จนทำให้กลายเป็น Fanbase ที่เหนียวแน่น ที่นอกจากจะช่วยสื่อสารเรื่องราวของแบรนด์ออกไปยังคนใกล้ชิด ยังสามารถส่งผ่านความเป็น Mazda จากรุ่นสู่รุ่นก่อให้เกิด Mazda Family

ก้าวต่อไปของ Mazda จึงกลายเป็นเรื่องที่น่าจับตา เพราะการมาของ Mazda MX-30 e-SKYACTIV R-EV แม้จะยังไม่เปิดจำหน่ายในประเทศไทย แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณบ่งบอกว่า Mazda ให้ความสำคัญกับพลังงานทางเลือกที่หลากหลาย (Multi-Solution) ซึ่งคุณธีร์ยังทิ้งท้ายไว้ว่า นับจากนี้ต่อไปมาสด้าจะมีรถยนต์ครบทุกกลุ่ม ทั้งรถน้ำมัน รถไฮบริด และรถ EV เพื่อให้เป็นหนึ่งทางเลือกในการใช้รถที่ให้ความสนุกสนานหลังพวงมาลัย ในทุกการขับขี่ ทุกเส้นทาง


  • 2K
  •  
  •  
  •  
  •