ในยุคนี้ “สุขภาพ” เป็นหนึ่งในเรื่องที่ผู้คนให้ความสำคัญอย่างมาก โดยในเรื่องของอาหารการกิน หลายครั้งเรามักจะได้ยินการปนเปื้อนของสารเคมีในสินค้าเกษตร ซึ่งมีการรณรงค์ให้หันมาใช้วิธีธรรมชาติ เช่น การใช้ปุ๋ยชีวภาพ หรือการใช้แมลงทำลายศัตรูพืช ช่วยให้ผลผลิตที่ได้ปราศจากสารเคมี (Organic)
แต่ที่สหรัฐอเมริกาบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง “Aigen” พัฒนาไปอีกขั้นได้พร้อมปฏิวัติวงการด้วย “Element” หุ่นยนต์พลังแสงอาทิตย์ที่อันแน่นด้วยขุมพลังของ AI เข้ากับการเกษตรเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยหุ่นยนต์ Element ไม่เพียงแค่ทนต่อความร้อนระอุยามเที่ยงวันแล้ว แต่ยังสามารถทำหน้าที่กำจัดวัชพืชได้อย่างแม่นยำ
สำหรับ Aigen เกิดขึ้นมาจาก นายริชาร์ด เวอร์เดน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Aigen ซึ่งเคยทำงานที่ Tesla มา 5 ปี ร่วมกับ นายเคนนี ลี ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Aigen
(ซ้าย) นายริชาร์ด เวอร์เดน (ขวา) นายเคนนี ลี
โดยหุ่นยนต์ Element มีลักษณะคล้ายโต๊ะขนาดใหญ่ติดตั้งล้อ พร้อมแผงโซลาร์เซลล์ด้านบน และยังมีแขนโลหะติดตั้งใบมีดเล็กๆ ที่จะเอื้อมลงไปขุดดินกำจัดวัชพืชระหว่างต้นพืชอย่างเป็นธรรมชาติ โดยระบบ AI จะเลียนแบบวิธีทำงานของมนุษย์ แม้สภาพอากาศจะร้อนแต่ก็ยังทำงานได้ต่อเนื่อง เมื่อพระอาทิตย์ตกดินระบบก็จะหยุดการทำงานแล้วเข้าสู่โหมด Sleep จนถึงเช้าวันใหม่เมื่อแสงอาทิตย์ปรากฎ ระบบก็จะกลับมาทำงานอีกครั้ง
หัวใจสำคัญของ Element คือระบบ AI ที่ประมวลผลจากกล้องบนตัวหุ่นยนต์ ทำให้มันสามารถติดตามและสร้างเส้นทางจำลองตามแนวพืชผล พร้อมทั้งยังแยกแยะต้นพืชเพื่อระบุวัชพืชได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดภาระงานหนักและลดกรใช้สารเคมีอันตรายในการกำจัดวัชพืช ซึ่ง Aigen วาดภาพให้เกษตรกรยกระดับทักษะกลายมาเป็นผู้ดูแลและแก้ไขปัญหาหุ่นยนต์แทนการใช้แรงงานหนัก
หุ่นยนต์ Aigen ได้รับการพิสูจน์แล้วในทุ่งมะเขือเทศ ฝ้าย และหัวบีท โดยสามารถกำจัดวัชพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายพืชผล โดยมีการประเมินว่าพื้นที่ 160 เอเคอร์ หรือราว 400 ไร่ จะใช้หุ่นยนต์เพียงประมาณ 5 ตัวเท่านั้น สำหรับ Element ในปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.6 ล้านบาท โดยมีจุดเด่นที่ AI และการใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทนคนและการใช้เครื่องจักรที่ต้องเติมเชื้อเพลิง ลดการใช้สารเคมีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
หุ่นยนต์ยังดึงดูดความสนใจจาก Amazon Web Services (AWS) โดย Aigen ได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการ “Compute for Climate” ของ AWS ซึ่งมอบเครื่องมือและพลัง AI ให้กับบริษัทสตาร์ทอัพที่มุ่งแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งก้าวสำคัญสู่เกษตรกรรมที่สะอาด ปลอดภัย และยั่งยืนกว่าที่เคยมีมา
Source: Japan Today
