OpenAI ได้เปิดตัว ChatGPT Agent ฟีเจอร์ที่เปลี่ยนรูปแบบการใช้ ChatGPT จาก AI ผู้ช่วยคิด มาเป็น “ผู้ช่วย” (Agentic AI) ที่จะทำงานแทนเราได้แล้ว โดยเจ้า ChatGPT Agent ที่ว่านี้มันสามารถทำงานซับซ้อนข้ามโปรแกรมในคอมพิวเตอร์แทนเราได้ เหมือนกับการมีเลขาส่วนตัวที่เก่งเก่งๆที่มีช่วยเราทำงานง่ายๆแทนเรา ช่วยให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น
จาก Chat Bot สู่ “ผู้ช่วย” ที่ลงมือทำจริง
สิ่งที่ทำให้ ChatGPT Agent เป็น Game Changer คือการที่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่การให้ข้อมูลกับเราได้เท่านั้น แต่สามารถ “ควบคุมและสั่งการ” ส่วนต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง โดย OpenAI ได้รวมเอาความสามารถของ 2 เทคโนโลยีหลักเข้าไว้ด้วยกันคือ
- Operator: ความสามารถในการทำงานผ่านเบราว์เซอร์ ไม่ว่าจะเป็นการคลิก กรอกฟอร์ม หรือท่องเว็บต่างๆ
- Deep Research: ความสามารถในการทำความเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนจากหลายแหล่งที่มา
เมื่อรวมพลังกันแล้ว ทำให้ Agent สามารถทำงานบน “คอมพิวเตอร์เสมือน” ของตัวเองที่มีเครื่องมือครบครัน ทั้งเบราว์เซอร์, Terminal (สำหรับรันโค้ด) และ ChatGPT Connector ที่เชื่อมต่อกับแอปฯ อื่นๆ เช่น Google Drive หรือปฏิทินของเราได้
Use Cases ต่างๆของ ChatGPT Agent
เพื่อให้เห็นภาพชัดที่สุด เรามาดูตัวอย่างการใช้งานจริงที่หลากหลาย ซึ่งแสดงให้เห็นศักยภาพของ Agent ในการเป็นผู้ช่วยทั้งในโลกธุรกิจและชีวิตประจำวันกันดู
1. วิเคราะห์คู่แข่งและสร้างสไลด์นำเสนอในไม่กี่นาที: งานวิเคราะห์คู่แข่งที่เคยใช้เวลาเป็นวันๆ จะถูกย่นเวลาลงไปได้เยอะ เพราะเราสามารถสั่ง Agent ด้วยประโยคง่ายๆ ว่า “ช่วยวิเคราะห์คู่แข่ง 3 รายแรกของฉัน แล้วสร้างสไลด์นำเสนอเกี่ยวกับกลยุทธ์ของพวกเขาให้หน่อย” Agent จะเริ่มค้นหาข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ต่างๆ, สังเคราะห์ประเด็นสำคัญ, และสร้างเป็นไฟล์ PowerPoint ฉบับร่างให้เรานำไปใช้งานต่อได้ทันที
2. เตรียมตัวประชุมกับลูกค้า : ไม่ต้องเสียเวลาค้นข้อมูลก่อนประชุมอีกต่อไป เพียงแค่สั่งว่า “ช่วยเช็กปฏิทินการประชุมลูกค้าครั้งต่อไป แล้วสรุปข่าวล่าสุดที่เกี่ยวกับบริษัทของเขาให้หน่อย” Agent จะเชื่อมต่อกับปฏิทินของเรา, ระบุได้ว่าลูกค้าคือใคร, จากนั้นไปค้นหาข่าวสารล่าสุดของบริษัทนั้นๆ แล้วสรุปเป็นบรีฟสั้นๆ ให้เราอ่านเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าประชุม
3. จัดการข้อมูลและสร้างรายงานอัตโนมัติ: Agent สามารถเชื่อมต่อกับ Google Drive หรือไฟล์ในเครื่องของของเราหรือแม้แต่ไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมาทำงานต่อได้เช่น “ดึงข้อมูลจากไฟล์รายงานยอดขายในไดรฟ์ แล้วสร้างเป็นกราฟสรุปในไฟล์เอกเซลให้ด้วย”
4.. วางแผนและช้อปปิ้ง จบในคำสั่งเดียว: นี่คือ เมื่อได้รับคำสั่งว่า “ช่วยวางแผนและซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นสำหรับ 4 คนให้หน่อย” Agent จะเริ่มตั้งแต่ค้นหาสูตรอาหาร, สร้างรายการซื้อของ, จากนั้นเข้าไปที่เว็บไซต์ Supermarket ออนไลน์, หยิบของใส่ตะกร้าให้โดยอัตโนมัติ และรอให้เรากดยืนยันจ่ายเงินในขั้นตอนสุดท้าย
5. ผู้ช่วยวางแผนงานอีเวนต์ส่วนตัว: ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ Agent สามารถช่วยเราได้ เช่น “ช่วยวางแผนงานแต่งงานให้หน่อย” มันจะช่วยเราค้นหาข้อมูลตั้งแต่ชุดแต่งงาน, สถานที่จัดงาน, ไปจนถึงไอเดียของขวัญสำหรับแขกได้
จากตัวอย่างเหล่านี้ เราจะเห็นว่าเส้นทางของผู้บริโภค (Customer Journey) กำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นี่คือสัญญาณเตือนให้นักการตลาดและแบรนด์ต้องเริ่มคิดแล้วว่า จะทำอย่างไรให้สินค้าและบริการของเรา “เป็นมิตรกับ AI” เพื่อให้ Agent สามารถค้นเจอ, เปรียบเทียบ และเลือกซื้อได้
ดูตัวอย่างอื่นๆจาก OpenAI ได้ที่วิดีโอนี้
วิธีใช้งานและใครใช้ได้บ้าง
การเรียกใช้งานนั้นง่ายดาย เพียงเลือก “Agent Mode” จากเมนูในหน้าต่างแชท และยังสามารถ ตั้งเวลา (Schedule) ให้ทำงานล่วงหน้าได้อีกด้วย
ในช่วงแรก OpenAI ได้เปิดให้ผู้ใช้งานที่เสียค่าบริการ ได้แก่ ChatGPT Pro, Plus และ Team ใช้งานได้แล้ว ส่วนผู้ใช้งานกลุ่ม Enterprise และ Education จะได้ใช้งานภายในเดือนนี้
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่ AI จะเข้ามา “ผู้ช่วย” ที่เข้ามาแบ่งเบาภาระในชีวิตประจำวันได้จริงๆแล้ว คำถามสำคัญต่อไปก็คือ ธุรกิจของเราพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้แล้วหรือยัง เพราะนับจากนี้ Customer Journey จะเปลี่ยนไปแบบสุดๆคนที่จะค้นพบแบรนด์ของเราได้จะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป แต่จะเป็น AI Agent ดังนั้นคำถามสำคัญก็คือ ทอย่างไรจะทำให้แบรนด์ของเราถูกค้นพบโดย AI ให้ได้ก่อนคู่แข่งนั่นเอง