ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือ B-Segment ถูกเขย่าตลาด เมื่อเจ้าตลาดอย่าง TOYOTA หงายการ์ดใบสำคัญ ด้วยการเปิดตัว “TOYOTA NEW YARIS ATIV HEV” การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เสริมทัพรถยนต์ไฮบริดให้ครบทั้ง 7เซ็กเม้นต์ แต่คือการประกาศสงครามเชิงรุกที่ชัดเจนของ TOYOTA ด้วยการนำเทคโนโลยี “ไฮบริด” มาสู่สมรภูมิรถยนต์ไซส์เล็กที่เข้าถึงง่ายที่สุดเป็นครั้งแรก ซึ่งจะเปลี่ยนภาพการแข่งขันในอนาคตของตลาด B-Segment ไปตลอดกาล
เมื่อ “ไฮบริด” เริ่มเป็นมาตรฐานใหม่
หากจะบอกว่าจุดแข็งที่สุดและเป็นหัวใจหลักของ TOYOTA ในยุคนี้ คือ ขุมพลังไฮบริด ที่ถูกยอมรับแล้วว่าเข้ามาแก้ Pain Point คนใช้รถน้ำมันและเข้ามาเสริมสมรรถนะให้ใกล้เคียง EV ยิ่งการนำมาใช้เป็นครั้งแรกในตระกูล YARIS ATIV นั่นคือการฉีกกรอบความคิดที่รถเล็กก็ต้องใช้เครื่องยนต์เล็กที่ประหยัดน้ำมันอยู่แล้ว และหมดสิทธิ์ที่จะใช้เทคโนโลยีไฮบริดที่ถูกกำหนดให้นำมาใช้กับเครื่องขนาดใหญ่เพื่อลดการใช้น้ำมัน
แต่ลองคิดดูใหม่ว่า ถ้าเครื่องเล็กอย่างเครื่อง 1.5 ลิตรที่โดดเด่นเรื่องการประหยัดน้ำมันอยู่แล้ว ยิ่งมีเทคโนโลยีไฮบริดเข้ามาเสริมจะยิ่งประหยัดน้ำมันได้มากกว่าเดิมแค่ไหน
คำตอบอยู่ใน TOYOTA NEW YARIS ATIV HEV กับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) ทำให้ได้กำลังสูงสุดถึง 111 แรงม้า ถือเป็นความแรงที่โดดเด่นมากในกลุ่มรถยนต์ B-Segment โดยระบบไฮบริดที่ให้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยการออกตัว ทำให้การขับขี่ในเมืองที่ต้องเร่งๆ หยุดๆ สามารถออกตัวได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวลพร้อมประหยัดน้ำมันช่วงออกตัว และเร่งแซงทันใจเมื่อต้องเดินทางไกล
อย่างที่บอกไปแล้วว่า ระบบไฮบริดที่ให้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยการออกตัว และเมื่อต้องใช้ความเร็วทั้งเครื่องยนต์น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกัน ทำให้ TOYOTA NEW YARIS ATIV HEV มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 29.4 กิโลเมตรต่อลิตร ถือเป็นรถที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในกลุ่มรถ HEV ด้วยกัน ด้วยอัตราความประหยัดนี้ทำให้กลายเป็นจุดเด่นที่ช่วยเสริมการตัดสินใจซื้อในยุคที่ราคาน้ำมันมีความผันผวนสูง
ดีไซน์ที่แตกต่างแต่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
TOYOTA เข้าใจผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมีความต้องการที่หลากหลาย ดังนั้น TOYOTA จึงได้นำเสนอรูปแบบไลฟ์สไตล์ที่ถูกแบ่งออกมาเป็น 2 รุ่นย่อย ที่มีรูปแบบไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยในรุ่นแรกจะเป็น HEV Premium ที่เน้นความหรูหราสำหรับผู้ที่ต้องการความพรีเมียม ความสะดวกสบาย และภาพลักษณ์ที่ดูภูมิฐานเกินกว่ารถในระดับเดียวกัน พร้อมความโดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมรมดำ เสริมความหรูหราด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารออกแบบมาในโทนสีดำ-เทา พร้อมด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 10.1 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย, เบรกมือไฟฟ้า (EPB) พร้อม Auto Brake Hold และไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) ที่ปรับได้ 64 เฉดสี มีให้เลือกถึง 5 สี ทั้ง Metal Stream Metallic, Urban Metal, Attitude Black Mica, Platinum White Pearl และ Red Mica Metallic
ขณะที่ในรุ่น HEV GR Sport จะเน้นไปที่ความสปอร์ตสำหรับผู้ที่มองหาความเร้าใจและดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร โดยในรุ่น HEV GR Sport ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาภายใต้ปรัชญา “จากสนามแข่งสู่ท้องถนน” ด้วยชุดแต่ง GR-S รอบคัน ไม่ว่าจะเป็นสเกิร์ตกันชนหน้า, สเกิร์ตข้าง, สเกิร์ตกันชนหลัง และสปอยเลอร์หลัง กระจังหน้าดีไซน์พิเศษพร้อมโลโก้ GR และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตที่ขยายขนาดเป็น 17 นิ้ว พร้อมด้วยหลังคาสีดำ (Black Roof) ที่ช่วยให้ดูดุดัน
การออกแบบภายในยังให้อารมณ์สปอร์ตด้วยเบาะหนังสังเคราะห์สีดำและพวงมาลัยที่ประทับตราสัญลักษณ์ GR พร้อมด้วยความพิเศษที่มีการปรับจูนช่วงล่างและพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS) เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน มั่นใจ และเกาะถนนมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับ 3 สีทูโทนหลังคาดำสุดสปอร์ต ทั้ง Attitude Black Mica, สีขาวมุกหลังคาดำ (Platinum White Pearl with Black Roof) และสีแดงหลังคาดำ (Red Mica Metallic with Black Roof) และสำหรับผู้ที่ชอบรุ่น HEV Premium แต่อยากเพิ่มความสปอร์ต TOYOTA ก็ยังมีชุดแต่งจาก “CHARISMO DRIFT” เป็นทางเลือก
กลยุทธ์เจาะคนรุ่นใหม่พร้อมราคาน่าสนใจ
ไม่ใช่แค่ดีไซน์และสมรรถนะเท่านั้นที่ดันให้ TOYOTA NEW YARIS ATIV HEV โดดเด่น แต่ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหานวัตกรรม ความคุ้มค่า และภาพลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนยิ่งช่วยทำให้โดดเด่น โดยเฉพาะกลยุทธ์การสื่อสารที่ถูกวางไว้อย่างชัดเจนภายใต้คอนเซปต์ “YOUR DAYS ELEVATED” หรือ จังหวะที่ใช่…ในแบบเรา สื่อถึงการยกระดับการใช้ชีวิตในทุกๆ ด้าน
รวมไปถึงการเปิดตัวพรีเซนเตอร์คู่ใหม่อย่าง “โฟร์ท-ณัฐวรรธน์ และ แอลลี่-อชิรญา” ถือเป็นการเลือกตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ได้ตรงจุด
นอกจากนี้กลยุทธ์ด้านราคาและโปรโมชั่น ยังช่วยให้ TOYOTA NEW YARIS ATIV HEV น่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเปิดตัวราคาพิเศษตามสไตล์ของ TOYOTA ไม่ว่าจะเป็น
- รุ่น HEV GR Sport จากราคาเปิดตัวปกติ 779,000 บาท แต่เสนอราคาพิเศษช่วงแนะนำ 769,000 บาท
- รุ่น HEV Premium จากราคาเปิดตัวปกติ 729,000 บาท แต่เสนอราคาพิเศษช่วงแนะนำ 719,000 บาท
โดยราคาพิเศษนี้มีผลไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 เท่านั้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในช่วงเปิดตัว เสริมให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอีกด้วยข้อเสนอทางการเงินที่ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 6,443 บาท หรือเลือกรับฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อมด้วยการรับประกันที่ครอบคลุมและยาวนานภายใต้แนวคิด “TOYOTA NO.1 TRUSTED HEV” ทั้งการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดสูงสุด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
การรับประกันที่ยาวนานช่วยสร้างความมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า ประกอบกับเครือข่ายศูนย์บริการกว่า 458 แห่งทั่วประเทศ และทีมช่างผู้ชำนาญกว่า 8,000 คน ยิ่งทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ตลอดอายุการใช้งาน โดย TOYOTA ตั้งเป้ายอดขาย TOYOTA NEW YARIS ATIV HEV ไว้ที่ 20,000 คันในปีแรก
Game Changer การแข่งขันในตลาดจะเปลี่ยนไป
หากพูดถึงการแข่งขันในกลุ่ม B-Segment แน่นอนว่า ค่าย TOYOTA และ Honda คือคู่แข่งตลอดกาลฟ้าประทาน โดยก่อนหน้านี้ Honda เพิ่งเปิดตัว City e:HEV ถือว่ารุกตลาดมาก่อน ซึ่งนั่นก็ทำให้ TOYOTA หากลยุทธ์แก้ลำ โดยเฉพาะเรื่องของราคาที่ Honda City e:HEV จะวางราคาขายไว้ที่ 769,000 บาท ขณะที่ TOYOTA NEW YARIS ATIV HEV เริ่มต้นที่ราคา 719,000 บาท ห่างกันครึ่งแสนเลยทีเดียว
นั่นหมายความว่า หลังจากนี้เป็นต้นไปรถยนต์ในกลุ่ม B-Segment จะหันมาแข่งขันกันที่เทคโนโลยีไฮบริดที่ใครจะสามารถประหยัดน้ำมันได้มากกว่ากัน เท่ากับเป็นการเร่งการเปลี่ยนโฉมหน้าของตลาด แต่ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั่นคือการสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ทำให้อนาคตของเครื่องยนต์สันดาป 100% กำลังจะหายไปจากท้องถนน และอาจเป็นการสร้างประสบการณ์สู่เทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบใหม่ รวมไปถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ EV
ซึ่งก่อนหน้านั้น อาจจะมีการพัฒนาไปสู่ประสบการณ์ในรถยนต์รูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะ PHEV มีให้ความรู้สึกเหมือน EV แต่เสริมสมรรถนะประสิทธิภาพที่เหนือกว่า EV โดยเฉพาะในเรื่องของเวลาที่คนใช้ EV จะรู้ว่า หากไม่วางแผนการเดินทางจะต้องเสียเวลาในการชาร์จ
การเปิดตัว TOYOTA NEW YARIS ATIV HEV ไม่ใช่เป็นเพียงการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ แต่เป็นหมัดเด็ดที่หันมาปล่อยใส่คู่แข่ง เพื่อยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด ที่สำคัญยังเป็นสัญญาณอีกว่า จากนี้ไปการแข่งขันของ TOYOTA ในทุกเซ็กเม้นต์จะเน้นไปที่เทคโนโลยีไฮบริดเป็นหลัก