เปิดยุทธ์ศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ “มาเก๊า” ทำไมเลือก ‘การท่องเที่ยว’ เป็นหมากสำคัญ พร้อมวิเคราะห์โมเดล ‘1+4’ ที่น่าจับตา

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

มาเก๊า เขตบริหารพิเศษแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการผสมผสานระหว่างมรดกวัฒนธรรมโปรตุเกส-จีน อุตสาหกรรมความบันเทิงระดับโลก และนโยบายเศรษฐกิจแบบเปิดเสรี เมืองแห่งนี้จึงเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการพัฒนาเศรษฐกิจที่อาศัยการท่องเที่ยวเป็นแกนหลัก

 

โครงสร้างประชากรและสังคมพหุวัฒนธรรม

ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2568 มาเก๊ามีประชากรประมาณ 685,900 คน โดยแบ่งเป็นเพศชายประมาณ 316,500 คน และเพศหญิงประมาณ 369,400 คน ในจำนวนดังกล่าว มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในมาเก๊าถึง 182,583 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชียจำนวน 181,526 คน ตามมาด้วยชาวยุโรป 507 คน ชาวอเมริกา 336 คน ชาวโอเชียเนีย 115 คน และชาวแอฟริกา 99 คน ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงลักษณะของเมืองนานาชาติที่เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย

แม้ว่าอัตราการเติบโตของประชากรจะอยู่ที่ -0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า แต่การมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่จำนวนมากกลับสะท้อนถึงความเป็นเมืองแห่งโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดึงดูดแรงงานและนักลงทุนจากทั่วโลก

 

พื้นฐานเศรษฐกิจและนโยบายเปิดเสรี

มาเก๊ามีนโยบายเศรษฐกิจแบบเปิดเสรีและมีระบบภาษีต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียแปซิฟิก ไม่มีการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราและได้รับการจัดอันดับจาก WTO ให้เป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่เปิดมากที่สุดในโลก นโยบายดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วหลังการก่อตั้งเขตบริหารพิเศษ โดยอาศัยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสันทนาการเป็นหลัก

ในปี 2024 GDP ของมาเก๊าอยู่ที่ 403.3 พันล้านปาตากา เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบปีต่อปี และ GDP ต่อหัวอยู่ที่ 588,000 ปาตากา ส่วนครึ่งแรกของปี 2025 เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องอีก 1.8% โดยฟื้นตัวถึง 87% ของระดับก่อนโควิดในปี 2019 ทุนสำรองทางการเงินสิ้นปี 2024 อยู่ที่ 616.21 พันล้านปาตากา และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศประมาณ 233 พันล้านปาตากา ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความพร้อมในการรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

 

อุตสาหกรรมศูนย์รวมความบันเทิง: แกนหลักของเศรษฐกิจ

มาเก๊าเปิดเสรีธุรกิจศูนย์รวมความบันเทิงตั้งแต่ปี 2002 ทำให้เกิดการลงทุนรูปแบบใหม่และสร้างงานจำนวนมาก ปัจจุบันมีผู้รับสัมปทานศูนย์รวมความบันเทิง 6 ราย ได้แก่ Sands China Ltd., Galaxy Macau, Melco Resorts & Entertainment, MGM, Wynn Resorts Macau และ SJM Resorts โดยแต่ละรายมีรีสอร์ตและโรงแรมชั้นนำระดับโลก เช่น The Venetian Macao, Galaxy Macau, City of Dreams, MGM Cotai, Wynn Palace และ Grand Lisboa Palace

ในปี 2024 รายได้รวมจากศูนย์รวมความบันเทิงอยู่ที่ 226.8 พันล้านปาตากา เพิ่มขึ้น 23.9% โดยรายได้จากกลุ่มตลาดมวลชนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็น 75.85% ของรายได้รวม ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2025 รายได้รวมอยู่ที่ 163 พันล้านปาตากา เพิ่มขึ้น 7.2% แสดงให้เห็นว่าภาคนี้ยังคงเป็นแกนหลักของเศรษฐกิจมาเก๊า

 

บทบาทของรีสอร์ตแบบครบวงจร (Integrated Resort)

รีสอร์ตแบบครบวงจร หรือ IR คือศูนย์การท่องเที่ยวและพักผ่อนขนาดใหญ่ที่รวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายไว้ในพื้นที่เดียวกัน ทั้งโรงแรม ศูนย์ประชุมและนิทรรศการ ร้านอาหาร ศูนย์การค้า และศูนย์รวมความบันเทิง รีสอร์ตเหล่านี้ถูกออกแบบให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแบบครบวงจร เพื่อมอบประสบการณ์ที่ครอบคลุมทั้งการพักผ่อน ช้อปปิง บันเทิง และกิจกรรมทางธุรกิจ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลมาเก๊าในการพัฒนาเมืองให้เป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการพักผ่อนระดับโลก”

ยุทธศาสตร์การกระจายเศรษฐกิจ: แผน “1 + 4″

แม้ว่าอุตสาหกรรมศูนย์รวมความบันเทิงจะเป็นแกนหลักของเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลมาเก๊าตระหนักถึงความเสี่ยงจากการพึ่งพาภาคเดียว จึงมุ่งผลักดันนโยบายภายใต้ยุทธศาสตร์ “1 + 4” เพื่อกระจายเศรษฐกิจ โดยให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสันทนาการแบบบูรณาการเป็นศูนย์กลาง (1) เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่นอีก 4 สาขา ได้แก่:

  1. อุตสาหกรรมการประชุมและนิทรรศการ (MICE)

มาเก๊าได้รับรางวัล “Best Conventions Destination (Asia)” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (2023–2025) ในปี 2024 มีการจัดงาน MICE ทั้งหมด 1,524 งาน สร้างรายได้ราว 5.48 พันล้านปาตากา อย่างไรก็ตาม ครึ่งแรกของปี 2025 รายได้ลดลง 26.5% เหลือ 1.65 พันล้านปาตากา เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก

  1. แพทย์แผนจีนและสุขภาพ

โครงการอุทยานอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแพทย์แผนจีนกวางตุ้ง–มาเก๊า (GMTCM Park) ในเหิงฉินยังคงเติบโต โดยมีบริษัทจดทะเบียนแล้ว 233 แห่ง (จากมาเก๊า 98 แห่ง) นอกจากนี้ โรงพยาบาลมาเก๊ายูเนียนเปิดดำเนินการในกันยายน 2024 เสริมศักยภาพด้านบริการสุขภาพและดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

  1. บริการทางการเงินสมัยใหม่

รัฐบาลเร่งพัฒนาตลาดพันธบัตร กองทุน และ e-MOP (เงินปาตากาดิจิทัล) ซึ่งเข้าสู่ขั้นตอนทดสอบในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 สินทรัพย์รวมของภาคการเงินสิ้นมิถุนายน 2024 อยู่ที่ 2.72 ล้านล้านปาตากา สูงกว่าก่อนโควิด 25% มูลค่าพันธบัตรที่ออกและจดทะเบียนในมาเก๊ารวมเกิน 1 ล้านล้านปาตากา

  1. เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรม

รัฐบาลส่งเสริมแนวคิด “R&D ในมาเก๊า – ผลิตในเหิงฉิน” โดยมี 19 โครงการพัฒนาในสาขาชิปดีไซน์ ชีววัสดุ และพลังงาน ณ กันยายน 2025 มีบริษัทเทคโนโลยีได้รับการรับรองแล้ว 51 แห่ง และห้องปฏิบัติการระดับประเทศของจีนในมาเก๊า 4 แห่ง ได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการ

ความร่วมมือระดับภูมิภาค

มาเก๊ามีบทบาทสำคัญในความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะในเขตกวางตุ้ง–ฮ่องกง–มาเก๊า (Greater Bay Area) และเขตความร่วมมือเชิงลึกเมืองเหิงฉิน ซึ่งเป็นเกาะและเขตบริหารพิเศษของเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง มีสะพานโลตัสเชื่อมต่อกัน โดยได้เริ่มดำเนินการรูปแบบบริหารสองระดับและระบบศุลกากรปิดตั้งแต่มีนาคม 2024

ครึ่งแรกของปี 2025 GDP ของเขตเหิงฉินอยู่ที่ 26.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5% โดยมีบริษัทร่วมทุนจากมาเก๊ากว่า 7,400 แห่ง และมีชาวมาเก๊าอาศัยและทำงานอยู่กว่า 28,000 คน นอกจากนี้ มาเก๊ายังเป็นศูนย์กลางความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับประเทศที่ใช้ภาษาโปรตุเกส (เช่น บราซิล โปรตุเกส โมซัมบิก) ผ่าน “Forum Macao” ซึ่งตั้งแต่ปี 2003 การค้าระหว่างจีนกับประเทศเหล่านี้เพิ่มจาก 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 225 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024

 

แรงงานและการจ้างงาน

ในปี 2024 อัตราว่างงานของมาเก๊าอยู่ที่ 1.8% (ชาวท้องถิ่น 2.4%) ค่าจ้างเฉลี่ยต่อเดือน 18,000 ปาตากา (ชาวท้องถิ่น 20,500 ปาตากา) กลางปี 2025 มีการจ้างแรงงานต่างชาติกว่า 182,000 คน และอัตราว่างงานยังคงที่ สะท้อนถึงความมั่นคงของตลาดแรงงานและความต้องการแรงงานที่สูงในภาคการท่องเที่ยวและบริการ

บทบาทของสำนักงานการท่องเที่ยวรัฐบาลมาเก๊า (MGTO)

สำนักงานการท่องเที่ยวรัฐบาลมาเก๊าเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบด้านการกำหนดและดำเนินนโยบายการท่องเที่ยว เพื่อผลักดันมาเก๊าให้เป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการพักผ่อนของโลก” โดยมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์และบริการท่องเที่ยวของมาเก๊าในตลาดต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาความร่วมมือกับองค์กรด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาคและนานาชาติ

MGTO ยังส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยว การจัดงานอีเวนต์ และการยกระดับมาตรฐานบริการผ่านการอบรมบุคลากรในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ภัตตาคาร และธุรกิจไมซ์ อีกทั้งยังมีหน้าที่กำกับดูแลสถานประกอบการท่องเที่ยวให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และจัดทำแผนบริหารจัดการภาวะวิกฤตเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและประชาชนมาเก๊า

 

นโยบายและกลยุทธ์การส่งเสริมการท่องเที่ยว

รัฐบาลมาเก๊าได้วางกลยุทธ์ที่ครอบคลุมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่:

  1. การขยายตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการขยายตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ เช่น Macao International Fireworks Display Contest, International Cities of Gastronomy Fest และ Light Up Macao ควบคู่กับการจัดโรดโชว์ “Macao Week” ในเมืองสำคัญทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ “Macao” และกระตุ้นให้ผู้เดินทางเพิ่มระยะเวลาการพำนัก
  2. มาตรการจูงใจ รัฐบาลมีมาตรการจูงใจต่างๆ เช่น โปรโมชั่นเที่ยวบิน โรงแรม และแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจร เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนและใช้จ่ายในมาเก๊ามากขึ้น
  3. การยกระดับคุณภาพบริการ รัฐบาลส่งเสริมมาตรฐานบริการผ่านโครงการ Quality Tourism Services Accreditation Scheme และรางวัล Integrity Business Award เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค พร้อมเตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่เกี่ยวกับบริษัทนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ในปี 2026 เพื่อควบคุมคุณภาพการบริการให้ได้มาตรฐาน
  4. การพัฒนาสู่ Smart Tourism รัฐบาลสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน การจัดกิจกรรมวัฒนธรรมในย่านเมืองเก่า และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อพัฒนาสู่ “Smart Tourism” อย่างยั่งยืน

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในมาเก๊า

มาเก๊ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ผสมผสานระหว่างมรดกทางวัฒนธรรม ความทันสมัย และความบันเทิง ที่น่าสนใจ ได้แก่

Ruins of St. Paul’s ซากโบสถ์เซนต์ปอลที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของมาเก๊า สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 และเหลือเพียงด้านหน้าของโบสถ์ที่สวยงามตระการตา เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก สะท้อนถึงอิทธิพลของชาวโปรตุเกสและเป็นจุดเช็กอินยอดนิยม

โรงแรม Central โรงแรมเก่าแก่อายุเกือบ 100 ปีที่ยังคงความคลาสสิกและเสน่ห์แบบโคโลเนียล เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศย้อนยุคและความเป็นมาเก๊าดั้งเดิม

พิพิธภัณฑ์กรังด์ปรีซ์มาเก๊า (Grand Prix Museum) จัดแสดงประวัติศาสตร์การแข่งรถกรังด์ปรีซ์มาเก๊า ซึ่งเป็นหนึ่งในการแข่งขันสตรีทเซอร์กิตที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีรถแข่งในตำนาน ของที่ระลึก และจำลองประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น

ร้านอาหาร ALBERGUE 1601 ร้านอาหารสไตล์โปรตุกีสแท้ตั้งอยู่ในอาคารมรดกโลกอายุกว่า 400 ปี เสิร์ฟอาหารโปรตุกีสออเทนทิกในบรรยากาศที่อบอุ่นและคลาสสิก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสรสชาติและวัฒนธรรมอาหารโปรตุเกสที่แท้จริง

งานศิลปะ Laurent Perbos: Beauty and Gesture Annex ณ City of Dreams นิทรรศการศิลปะร่วมสมัยที่จัดแสดงผลงานของศิลปินระดับโลก Laurent Perbos ผสมผสานความงามและท่าทางของร่างกายมนุษย์ในรูปแบบที่ทันสมัยและน่าประทับใจ

ศูนย์วัฒนธรรมสมุนไพรจีน (TCM Cultural Center) ที่เกาะเหิงฉิน เป็นศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนและสมุนไพร มีการจัดแสดงนิทรรศการเชิงโต้ตอบ สวนสมุนไพร และให้ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาการแพทย์จีนโบราณที่มีมาหลายพันปี

การแสดงออร์ก้าสัตว์ทะเลแสนรู้ ที่ Chimelong Spaceship การแสดงสัตว์ทะเลที่น่าทึ่งในโรงละครที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในโลก นำเสนอการแสดงของปลาวาฬออร์ก้า โลมา และสัตว์ทะเลอื่นๆ ในรูปแบบที่สร้างสรรค์และตระการตา

วัดอาม่า (A-Ma Temple) สำหรับสายมู วัดเก่าแก่ที่สุดในมาเก๊าซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 อุทิศให้แก่เทพธิดาแม่จ๋อผู้คุ้มครองชาวประมง และเชื่อกันว่าชื่อ “มาเก๊า” มาจากวัดแห่งนี้ เป็นมรดกโลกที่มีสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่สวยงามและบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์

สถานที่เหล่านี้สะท้อนถึงความหลากหลายของมาเก๊า ตั้งแต่มรดกทางวัฒนธรรม ศิลปะร่วมสมัย ไปจนถึงความบันเทิงและการเรียนรู้ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจหลากหลายและเพิ่มระยะเวลาการพำนักในเมือง

สถานการณ์นักท่องเที่ยวปัจจุบัน

จำนวนผู้มาเยือนสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2568 อยู่ที่ 26.895 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 15.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นประมาณ 98% ของระดับในช่วงเดียวกันของปี 2019 ในส่วนของตลาดนานาชาติ มาเก๊าต้อนรับผู้มาเยือนต่างชาติจำนวนราว 1.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกือบ 14% เมื่อเทียบกับปีก่อน แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของมาเก๊ากำลังฟื้นตัวเข้าสู่ระดับก่อนโควิดอย่างเต็มรูปแบบ

 

กรณีศึกษา: ตลาดนักท่องเที่ยวไทย

แนวโน้มนักท่องเที่ยวไทยในมาเก๊าช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2568 อยู่ในทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและเกือบฟื้นตัวเต็มระดับก่อนโควิด โดยมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้ามาเก๊าเกือบ 110,000 คน เพิ่มขึ้น 19.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นประมาณ 97.15% ของระดับปี 2562 แสดงให้เห็นว่าตลาดไทยกลับมามีศักยภาพสูงและใกล้ฟื้นเต็มรูปแบบแล้ว

นักท่องเที่ยวไทยยังมีแนวโน้มใช้เวลาในมาเก๊านานขึ้น โดยเฉลี่ย 2.3 คืนต่อทริป สะท้อนถึงความสนใจในการพักผ่อนและใช้จ่ายภายในเมืองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทย (ไม่รวมศูนย์รวมความบันเทิง) พบว่าปี 2567 เป็นช่วงที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดทั้งในยอดรวมและต่อหัว โดยเฉพาะในไตรมาส 3–4 ที่ยอดการใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ 2,956 และ 2,554 ปาตากาตามลำดับ

ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 มีการชะลอตัวของการใช้จ่ายลงอย่างเห็นได้ชัด โดยยอดการใช้จ่ายต่อคนลดลงเหลือ 2,135 ปาตากา ซึ่งอาจสะท้อนถึงปัจจัยตามฤดูกาลหรือการลดลงของนักท่องเที่ยวในช่วงหลังเทศกาล ทั้งนี้ แนวโน้มดังกล่าวเป็นสัญญาณเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของมาเก๊าในภาพรวม

ทำไมมาเก๊าจึงผลักดันด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

การที่มาเก๊าให้ความสำคัญกับการผลักดันเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเป็นพิเศษนั้น มีเหตุผลที่สำคัญหลายประการ ได้แก่:

  1. ข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และทรัพยากร

มาเก๊ามีพื้นที่จำกัดและไม่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ในภาคการผลิตหรืออุตสาหกรรมหนักได้ การท่องเที่ยวและบริการจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างรายได้และการจ้างงาน

  1. มรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์

การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนและโปรตุเกสที่มีมาหลายศตวรรษ ทำให้มาเก๊ามีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเมืองอื่นในภูมิภาค ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่สนใจมรดกโลกและวัฒนธรรมประวัติศาสตร์

  1. ตำแหน่งยุทธศาสตร์ในภูมิภาค

มาเก๊าตั้งอยู่ในทำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางของเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะในเขตกวางตุ้ง–ฮ่องกง–มาเก๊า (Greater Bay Area) ซึ่งมีประชากรกว่า 86 ล้านคน และเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ตำแหน่งดังกล่าวทำให้มาเก๊าสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่และประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. การสร้างงานและการกระจายรายได้

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นภาคที่สร้างงานจำนวนมาก ทั้งงานโดยตรงในโรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว และงานโดยอ้อมในห่วงโซ่อุปทาน อัตราว่างงานที่ต่ำมาก (1.8%) และค่าจ้างที่สูง (เฉลี่ย 18,000 ปาตากาต่อเดือน) สะท้อนถึงความสำเร็จของนโยบายนี้

  1. ความได้เปรียบในการแข่งขัน

มาเก๊ามีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ชัดเจน ได้แก่:

  • ระบบภาษีต่ำ: ดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง
  • เสรีภาพในการแลกเปลี่ยนเงินตรา: อำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวและการค้า
  • โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก: รีสอร์ตแบบครบวงจรที่ทันสมัยและมีมาตรฐานสูง
  • ความปลอดภัยและเสถียรภาพ: อัตราอาชญากรรมต่ำและสังคมมีเสถียรภาพ
  1. การลดการพึ่งพาเศรษฐกิจเดียว

แม้ว่ารายได้หลักจะมาจากศูนย์รวมความบันเทิง แต่รัฐบาลตระหนักถึงความเสี่ยงจากการพึ่งพาภาคเดียว การผลักดันยุทธศาสตร์ “1 + 4” เพื่อกระจายเศรษฐกิจสู่ภาค MICE สุขภาพ การเงินสมัยใหม่ และเทคโนโลยี โดยยังคงใช้การท่องเที่ยวเป็นแกนหลัก จึงเป็นกลยุทธ์ที่สมดุลและยั่งยืน

  1. การตอบสนองต่อนโยบายของจีน

มาเก๊ามีบทบาทสำคัญในนโยบาย Belt and Road Initiative และ Greater Bay Area Development Plan ของจีน การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและสะพานเชื่อมระหว่างจีนกับโลกตะวันตก โดยเฉพาะประเทศที่ใช้ภาษาโปรตุเกส ช่วยเสริมสร้างบทบาททางยุทธศาสตร์ของมาเก๊าในระดับภูมิภาค

  1. ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่สูง

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างมูลค่าเพิ่มสูง โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง ในปี 2024 รายได้จากศูนย์รวมความบันเทิงเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ 226.8 พันล้านปาตากา คิดเป็นสัดส่วนที่สำคัญของ GDP ทั้งหมด การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยวจึงให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

  1. การสร้างภาพลักษณ์ระดับโลก

การเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการพักผ่อนระดับโลก” ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของมาเก๊าในเวทีโลก การได้รับรางวัล “Best Conventions Destination (Asia)” ต่อเนื่อง 3 ปี และการจัดงานระดับนานาชาติต่างๆ ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดการลงทุนในภาคอื่นๆ ด้วย

ความท้าทายและแนวทางการพัฒนาในอนาคต

แม้ว่ามาเก๊าจะประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว แต่ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ ได้แก่:

 

บทสรุป

มาเก๊าได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจที่อาศัยการท่องเที่ยวเป็นแกนหลัก การผลักดันด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของมาเก๊าไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการวางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน การใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ และการตอบสนองต่อบริบททางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจในภูมิภาค

เศรษฐกิจมาเก๊าในปี 2024–2025 อยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างมั่นคง GDP เติบโต 8.8% ในปี 2024 และฟื้นตัวถึง 87% ของระดับก่อนโควิด รายได้จากศูนย์รวมความบันเทิงเพิ่มขึ้น 23.9% และจำนวนผู้มาเยือนเพิ่มขึ้น 15% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2025 ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและความสำเร็จของนโยบายรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมาเก๊าไม่หยุดนิ่งกับความสำเร็จที่ผ่านมา แต่กำลังเร่งขับเคลื่อนการกระจายเศรษฐกิจสู่ภาคสุขภาพ เทคโนโลยี การเงินสมัยใหม่ และ MICE ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว การขยายตลาดนานาชาติ และการพัฒนาสู่ Smart Tourism เพื่อสร้าง “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวและสันทนาการระดับโลก” ที่ยั่งยืนและมีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

การท่องเที่ยวของมาเก๊าจึงไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้และการจ้างงาน แต่ยังเป็นแกนหลักที่เชื่อมโยงและขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในทุกมิติ ตั้งแต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การยกระดับทรัพยากรมนุษย์ ไปจนถึงการสร้างภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มาเก๊าสามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในเวทีโลก

 


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!
CLOSE
CLOSE