ไม่ต้องพึ่งแอปอื่น! Gemini ช่วยถอดเทปภาษาไทยแม่นเป๊ะ สรุป-สร้างคอนเทนต์ที่เดียวจบ

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

สำหรับคนทำงาน นักการตลาด นักวิจัย หรือแม้แต่นักเรียนนักศึกษา งานที่กินเวลาชีวิตที่สุดหนีไม่พ้นการ “ถอดเทปไฟล์เสียง” ไม่ว่าจะเป็นเสียงสัมภาษณ์ คลิปบรรยาย หรือเทปบันทึกการประชุม ซึ่งปัญหาที่หลายคนเจอก็คือ แอปที่ใช้แกะเทป “ภาษาไทย” ได้ไม่แม่น โดยเฉพาะคำเฉพาะทาง เสียงที่พูดเร็วๆ หรือมีคนพูดทับกันหลายๆคน 

แต่ล่าสุดงานถอดเทปภาษาไทย Google Gemini ก็สามารถทำงานทั้งหมดนี้ได้และยังสามารถสรุปและสร้างคอนเทนต์ได้จบในทีเดียวเลยด้วย

1. ถอดเสียงยาว 1-3 ชั่วโมงได้ง่ายๆ

สิ่งที่ทำให้ Gemini เหนือกว่าแอปแกะเทปทั่วไปคือ Context Window ขนาดใหญ่ และความสามารถในการประมวลผล ไฟล์เสียง (Audio) ได้โดยตรงโดยเฉพาะ โมเดล Gemini 2.5 Pro (750บาท/เดือน) ที่ AI สามารถ “จดจำ” บริบทและเนื้อหาจากไฟล์เสียงได้ยาวนานกว่ามาก นั่นหมายความว่าไฟล์เสียงความยาว 2-3 ชั่วโมง ก็สามารถอัปโหลดเข้าไปและถอดเป็น Text ออกมาได้ในครั้งเดียว

สำหรับวิธีใช้ก็แค่กดปุ่มอัปโหลดไฟล์เสียง (รองรับ MP3, WAV และอื่นๆ) หรือจะเป็นลิงก์ไฟล์เสียง หรือลิงก์วิดีโอจาก YouTube ก็ได้แล้วพิมพ์คำสั่งของเรา เช่น

  • “ถอดเทปเสียงนี้เป็นข้อความภาษาไทยตัดคำซ้ำที่ไม่จำเป็นออก”
  • “ถอดเทปเสียงนี้พร้อมกับแปลเป็นข้อความภาษาไทยพร้อมแยกผู้พูด”
  • “ถอดเทปเสียงนี้เป็นข้อความภาษาไทยพร้อมแยกผู้พูดตัดคำซ้ำที่ไม่จำเป็นออกเรียบเรียงให้อ่านง่าย”

สรุป-ดึงประเด็น-สิ่งที่ต้องทำได้ทันที

นี่คือจุดที่ Gemini ฉีกหนีแอปแกะเทปทั่วไป! เมื่อเราได้ข้อความถอดเทปออกมาแล้ว เราไม่จำเป็นต้องก๊อปปี้ไปที่อื่น เพราะเราสั่งให้ Gemini วิเคราะห์ต่อได้ โดยใช้ Prompt เช่น

  • สรุปเนื้อหา : “สรุปหัวข้อที่สำคัญที่สุดของเทปนี้ให้เหลือ 5 ย่อหน้า”
  • ดึง Action Item : “ดึงรายการสิ่งที่ต้องทำและกำหนดผู้รับผิดชอบ (ถ้ามี) ออกมาในรูปแบบรายการหัวข้อย่อย”
  • หาคำพูดสำคัญ : “ค้นหาคำพูดของ Speaker A เกี่ยวกับการตลาดดิจิทัลทั้งหมด แล้วดึงเฉพาะ Quotes สำคัญออกมา”
  • วิเคราะห์เชิงลึก :  ใช้ฟีเจอร์ Deep Research (สำหรับแผน Pro) เพื่อให้ Gemini ค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บเพื่อยืนยันหรือเสริมประเด็นที่ถูกพูดในเทป

3. สั่งสร้างคอนเทนต์ต่อยอดได้ทันทีผ่าน Canvas

นอกจากนี้ Gemini ยังสามารถสร้างคอนเทนต์ให้เราทันทีแบบง่ายๆโดยใช้ ข้อมูลสรุปจากขั้นตอนที่ 2 สั่งให้ Gemini ปรับโทนเสียง เนื้อหา หรือรูปแบบการนำเสนอให้พร้อมใช้งานทันที และอย่าลืมกดฟีเจอร์ Canvas สำหรับการปรับแต่งแก้ไขด้วย

ตัวอย่างคำสั่งที่ทำได้เช่น

  • “นำข้อมูลสรุปทั้งหมดมาเขียนเป็น บทความ Blog Post ความยาว 500 คำ ด้วยโทนภาษาที่เป็นมิตรและเข้าใจง่าย”
  • “สร้าง แคปชันสำหรับ Social Media (Facebook/X) จำนวน 3 รูปแบบ พร้อมติดแฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง”
  • “ร่าง อีเมลสรุปการประชุม สำหรับส่งให้ผู้บริหาร โดยเน้นแค่ผลลัพธ์และขั้นตอนถัดไป”

นี่คือผลลัพธ์ที่ได้

ซึ่งข้อดีของ Canvas ก็คือเราสามารถพิมพ์แก้ไข หรือสั่งให้ Gemini แก้ไขเนื้อหาเป็นส่วนๆได้ ก่อนจะ copy และนำเนื้อหานี้ไปใช้ต่อไป

แพ็กเกจไหนให้เหมาะกับไฟล์เสียงของเรา?

สำหรับความยาวไฟล์เสียงที่เหมาะกับแต่ละแพคเกจก็ลองดูตามนี้

  • Gemini (ฟรี) – เหมาะกับไฟล์เสียงความยาวไม่เกิน 10-15 นาที เร็วพอสำหรับงานสั้นๆ แต่จำกัดโควต้าการใช้
  • Google AI Plus – เหมาะกับไฟล์เสียงราว 1 ชั่วโมง คุ้มค่าที่สุด! ได้ใช้ Gemini 2.5 Pro และ Context Window ขนาดใหญ่ขึ้น จัดการไฟล์ 1 ชม. ได้สบาย พร้อมฟีเจอร์ Deep Research
  • Google AI Pro – เหมาะกับไฟล์เสียงราว 2-3 ชั่วโมง ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดสำหรับไฟล์ยาว โควต้าการใช้งานสูงสุด ไม่ต้องกังวลเรื่องขีดจำกัดไฟล์ขนาดใหญ่และคุณภาพการประมวลผลที่ซับซ้อน

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE